[รีวิว] LG G5 SE มือถือเรือธงสเปคไม่ท็อป แต่สนุกได้แบบตัวท็อป
เซอร์ไพรส์แฟน Sanook! Hitech สักหน่อยเพราะว่ามือถือรุ่นนี้เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยแบบค่อนข้างเงียบ แต่หลายคนที่รอคอยมันก็แทบจะกราบงาม ๆ กับ Brand ที่บอกว่าจะพักการทำตลาด 1 ปี แน่นอนว่า LG ได้ส่ง 2 มือถือเข้าตลาดอีกครั้งในงาน Thailand Mobile Expo 2016 Hi End ผ่านการขายโดย TG Fone หนึ่งใน 2 รุ่นคือที่จะรีวิววันนี้คือ LG G5 SE นั่นเอง
รายละเอียดของ LG G5 SE
- ขนาดตัวเครื่อง 149.4 x 73.9 x 7.3 มิลลิเมตร
- สีตัวเครื่อง ทอง, เงิน, Rose Gold
- น้ำหนัก 156 กรัม
- Qualcomm Snapdragon 652 Octa Core (Quad Core 1.8GHz + Quad Core 1.2GHz)
- GPU Adreno 510
- RAM 3GB
- ความจุในตัว 32GB
- เพิ่มความจำได้ด้วย Micro SD 128GB
- ความถี่ 2G 850 / 900 / 1800 / 1900
- ความถี่ 3G 800 / 850 / 900 / 2100 HSDPA
- ความถี่ 4G LTE band 1(2100), 2(1900), 3(1800), 4(1700/2100), 5(850), 7(2600), 8(900), 12(700), 17(700), 20(800), 28(700), 38(2600), 40(2300LTE Cat 6 300/50 Mbps
- WiFi 802.11 b/g/n, Bluetooth V4.1
- หน้าจอ 5.3 นิ้ว IPS ความละเอียด 1440x2560
- กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัง 16 + 8 ล้านพิกเซลพร้อมระบบ OIS 3 แกน + LED Flash + Color Spectrum Senser, Laser AF
- แบตเตอรี่ 2800 mAh
- ระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow
รูปร่าง
ด้านหน้าของเครื่องออกแบบเรียบง่ายมีโค้งมนตามสไตล์ LG พร้อมกับหน้าจอขนาด 5.3 นิ้ว IPS LCD ที่มีความละเอียด QHD (2560x1440) ให้ความคมชัดเนื่องจาก Pixel ไม่ได้ขยายไปไกล และหน้าจอไม่ใหญ่การแสดงผลเลยทำได้ดี
ส่วนบน เซนเซอร์ต่าง ๆ และกล้องหน้าขนาด 8 ล้านพิกเซลถูกติดตั้งอยู่เช่นกัน
ส่วนล่างมีปุ่ม Option, Home และ Recent ฝั่งอยู่ในหน้าจอ พร้อมโลโก้ LG ด้านหน้า
ด้านข้างมีความแปลกใหม่จาก LG รุ่นก่อนเพราะไม่มีการนำ Rear Key มาใช้ทำให้ปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ฝังซ้ายพร้อมปกับปุ่มกดเพื่อดึงส่วนล่างออกมา โดยรูปแบบเครื่องเรียกว่า Modular Design
ข้างขวามีช่องใส่ซิมแบบ Nano SIM รองรับซิมแบบคู่ และสามารถใส่ Micro SD เพิ่มความจำได้
ด้านบนมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร พร้อมไมโครโฟนตัดเสียง และ ไฟ IR เพื่อทำงานคู่กับ Q Remote
ด้านล่างมีช่องเสียบ Port USB-C, ลำโพงเครื่อง และไมโครโฟนสนทนา สามารถถอดเพื่อเปลี่ยนแบตฯ หรือ Module แยกขายได้
ด้านหลัง มีกล้องคูด้านหลังขนาด 16 + 8 ล้านพิกเซล พร้อมกับเซนเซอร์การทำงานของกล้องครบครัน มีปุ่มเปิดเครื่อง และสามารถสแกนลายนิ้วมือได้ นอกจากนี้ส่วนบนนี้ยังเป็นโลหะ Unibody ที่ดูแล้วตื่นเต้นดี
ภาพรวมจะดูแปลกตาไปจาก LG G Series ที่ผ่านมา ข้อดีของทรงแบบนี้คือดูไม่เบื่อ ทันสมัยและสามารถใช้งานได้นาน แต่สิ่งที่บังไม่ชอบคือ ส่วนของ Modular Design แกะยากและมีราคาสูง ประกอบกับด้านหลังเครื่องยังออกแบบไม่เด่นสักเท่าไหร่ สู้ด้านหน้าที่ออกแบบให้ดูล้ำกว่าเดิมอย่างชัดเจนนั่เนอง
ประสิทธิภาพของ LG G5 SE
จากภาพการทดสอบ Benchmark ที่เห็นคะแนนของ Antutu นั้นทำได้อยู่ที่ 55551 คะแนน แบบบังเอิญ ถือว่าเป็นอีกมือถือที่ให้ CPU ที่ไม่ได้ตัวเลขสูง แต่กลับให้ประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีเยี่ยมเลยทีเดียว การเล่นเกมหายห่วงความลื่นไหลมี ROM ทำงานได้ดี ความร้อนเกิดขึ้นเมื่อใช้งานหนัก ถือว่าเป็น CPU ที่เหมาะกับการทำงานบนมือถืออีกรุ่นหนึ่ง
ส่วนแบตเตอรี่ให้ขนาดมาที่ 2800 mAh แม้ตัวเลขจะเยอะ แต่ผลการทอสอบที่ออกมานั้นกลับกลายเป็นอยู่ได้ไม่ยาวนานกว่าที่คิด คาดว่าเป็นเพราะหน้าจอที่ยังกินไฟมากและ ROM ที่ยังจัดการพลังงานไม่พอสักเท่าไหร่ แต่ชดเชยด้วยระบบ Fast Charge ที่ไวระดับโลกจนเว็บนอกให้การยอมรับ
คุณสมบัติลูกเล่นที่น่าสนใจ
LG G5 SE ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 และครอบ UI ด้วย LG UX เวอร์ชั่นล่าสุดที่เป็นเรื่องความบังเอิญอีกแล้ว เพราะว่าคราวนี้ UX ใหม่มีการผสมกับ Android ปกติมากขึ้น ทำให้การทำงานรวดเร็วขึ้น แต่เสียดายที่ Q Slide นั้นหายไป
ความพิเศษของ LG G5 SE นั้นยังคงให้มาครบตั้งแต่
- Knock Knock
- Knock Code
- Q Remote
- Smart Cleaner
- LG Health
- ระบบสแกนลายนิ้วมือติดตั้งครั้งแรกใน LG G5 se
แต่ทีเด็ดอยู่ที่ LG Friend Manager จะคอยจับคู่กับอุปกรณ์ LG Friend ซึ่งในประเทศไทยจะขายเฉพาะกล้อง LG 360 เท่านั้นในการให้ขับคู่นั่นเอง เพิ่มความสะดวกไปอีกนิด
นอกนั้นเรื่องมือต่าง ๆ ทั้งเครื่องเล่นเพลง, เครื่องคิดเลข, เครื่องอัดเสียง, สมุดจด, ฟีเจอร์ Capture Plus และแน่นอน FM Radio ทุกสิ่งที่พูดมา LG G5 SE ให้คุณได้ครบถ้วน
สำหรับเรื่องกล้องของ LG G5 SE เริ่มจากกล้องหลังที่มีรายละเอียดที่น่าสนใจ เพราะเป็นครั้งแรกสำหรับกล้องคู่ด้านหลัง โดยกล้องตัวแรกมีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล F1.8 กล้องที่ 2 ใช้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมกับรูรับแสง F2.4 ความแตกต่างของทั้ง 2 เลนส์นี้ ถ้าตัว 8 ล้านพิกเซลจะทำให้มุมมองของภาพกว้างกว่า ถ้าเป็นเลนส์ 16 ล้านพิกเซลเวลาถ่ายภาพกลางคืนจะดีกว่า รวมถึงการถ่ายภาพแบบ Marco เช่นกัน
ทั้งนี้มีเซนเซอร์ CSS (Color Spectrum Sensor) ตรวจจับเรื่องสีให้ตรง พร้อมกับ LED Flash และ Laser AF ให้มา ในลูกเล่นกล้องมีให้ครบไม่ว่าจะเป็น Manual Mode ที่ใช้ง่ายขึ้น, รูปแบบของการถ่ายภาพที่ทำได้มากขึ้น และเปิดถ่ายพร้อมกันได้ 3 กล้องอีกด้วย การถ่ายวีดีโอทำได้ในระดับ 4K ภาพรวมของกล้องถือว่าทำงานได้ดี โฟกัสไว แต่ยังมีอาการช้า ๆ ตามสไตล์ LG อยู่บ้าง และเทียบเท่ากับ Galaxy S7
และกล้องหน้าของ LG G5 SE ให้มาขนาด 8 ล้านพิกเซล พร้อมกับ Beauty Mode ที่ปรับเลือกได้ และยังคงมี Selfie Flash พร้อมกับ Gesture ในการช่วยให้ถ่ายภาพสะดวกมาขึ้น โดยแค่ชูมือและกำไป 1 ทีกล้องจะถ่ายภาพให้ 1 ภาพ แต่ถ้าต้องการมากกว่า 1 ภาพ จะต้องกำ 2 ที กล้องจะถ่าย 5 Shot ให้คุณเลือกได้ทันที
(ตัวอย่างภาพถ่ายจาก LG G5 SE)
สรุปจากการลองใช้ LG G5 SE
เป็นการกลับมาของมือถือตัวท็อปแต่สเปคหลายคนสงสัยว่าทำไมไม่เอารุ่น Snapdragon 820 ตัวแรงเข้ามา เหตุผลเพราะว่าทำราคาไม่ได้นั่นเอง และการใช้งานที่คนส่วนใหญ่ใช้กันขุมพลังอย่าง Snapdragon 652 ตอบสนองได้พอดีแล้ว ความเก่งของรุ่นนี้เน้นเรื่องฟีเจอร์ล่ำ ๆ เกี่ยวกับระบบทั้งรักษาความปลอดภัย ความเป็นกันเองในการใช้งาน และกล้องที่ค่อนข้างลงตัวดี
แต่เนื่องจากมีบางเรื่องที่ยังไม่ลงตัวนักราคาตอนแรกที่เปิดตัวมาอยู่ที่ 21,900 บาท จัดว่าสูงไปอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ล่าสุดนี้จากที่ทีมงาน Sanook! Hitech ได้สำรวจพบว่าราคาอยู่ที่ 18,990 บาทอยู่ในระดับที่สมค่าตัว แต่เมื่อเจอกับคู่แข่งทั้ง Huawei P9, Samsung Galaxy S7, iPhone 6s และ Sony Xperia X ด้วยคุณภาพงานประกอบและลูกเล่นที่น่าใช้ LG G5 SE ก็ยังดูดีอยู่ แต่มาเสียแค่หาซื้อต้องผ่าน TG Fone เท่านั้น
สุดท้ายนี้ LG G5 se เป็นตัวเลือกสำหรับคนชอบเปลี่ยนความสามารถมือถือด้วยการถอดเปลี่ยนและมีกล้องที่ฉลาดพอสมควร และยังคงเป็นมือถือที่มีราตาท็อปรุ่นเดียวที่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ภายนอกได้อยู่นะ
ข้อดี
- ตัวเครื่องจับถนัดมือ
- กล้องให้ลูกเล่นเยอะมาก
- Modular Design สามารถเปลี่ยนเคสได้นเรื่อย
- จอสีคมชัด
ข้อควรปรับปรุง
- ราคาสูงตอนเปิดตัว
- อุปกรณ์เสริมราคาสูง
- แบตเตอรี่ไม่อึด
ขอบคุณ LG G5 se โดย LG ประเทศไทย