บุกทะเลทราย ที่ดูไบ ทดสอบ Samsung S7 Edge
ประกาศตัวออกมาชัดเจนว่าเป็นโทรศัพท์มือถือที่สามารถถ่ายใต้น้ำได้ลึกถึง 5 เมตร แถมยังทรหดอดทน ลุยน้ำลุยทรายได้ไม่หวั่น แต่เรื่องแบบนี้สิบตาเห็นไมเท่าสัมผัสจริง Samsung เลยชักชวนเราไปท้าพิสูจน์ Samsung Galaxy S7 Edge กันแบบเอาจริงเอาจังกันที่ดินแดนทะเลทรายอย่างดูไบเสียเลย
ทริปนี้เราออกจากสุวรรภูมิช่วงดึกๆ ไปถึงดูไบสายๆ ของอีกวัน หลังจากออกจากด่าน ตม. เรียบร้อย เราเดินทางสู่ที่พักเพื่อที่จะไปปฎิบัติภารกิจยังสถานที่ต่างๆ ในดูไบ แต่ก่อนจะเริ่มภารกิจ ทาง Samsung มีการแนะนำฟีเจอร์เด่นๆ ของ s7 edge ให้เราฟังกันก่อน เช่นกันถ่ายภาพใต้น้ำ กล้องถ่ายภาพที่อัพเกรดมาให้ การถ่ายภาพที่ที่แสงน้อย เพื่อให้เราได้คุ้นเคยกับเจ้า s7
หลังจากทำความรู้จัก S7 เรียบร้อย เราก็มุ่งหน้าไปยัง Burj Khalifa ตึกที่สูงที่สุดในโลก ด้วยสถิติ 169 ชั้น หรือ 828 เมตร ใช้เงินในการสร้างไป 5.25 หมื่นล้านบาท ใช้เวลาในการก่อสร้าง 6 ปี ตามปกติที่นี่เปิดให้นักท่องเที่ยวซื้อบัตรเข้าชมได้ที่ชั้น 124-125 แต่กรุ๊ปเราพิเศษขึ้นมาอีกเพราะได้ขึ้นไปถึง 148 ด้วยค่าตั๋วที่แพงเป็นพิเศษเช่นกัน แต่เพื่อให้ได้วิวที่สวยพิเศษจึงยอมจ่ายกันไป
ภาพถ่ายจากตึก Burj Khalifa ช่วงเย็น
ภาพถ่ายจากตึก Burj Khalifa ช่วงกลางคืน
วันต่อมาเราเดินทางไปที่พิพิธภัณฑ์ดูไบ หรือ Dubai Musuim หลายคนอาจเข้าใจว่า "ดูไบ" เป็นชื่อของประเทศ แต่ความจริงแล้วดูไบเป็นชื่อรัฐ 1 ใน 7 ของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยมีอาบูดาบี เป็นเหมืองหลวง และเป็นเหมือนกับพี่ใหญ่ โดยดูไบเป็นเมื่องที่ใหญ่เป็นอันดับสอง ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ห่างจากอาบูดาบีประมาณ 180 กิโลเมตร มีพื้นที่ราว 3,000 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรประมาณ 1.7 ล้านคน
แต่ต้องยอมรับว่าดูไบเป็นที่รู้จักมากว่าอาบูดาบี เพราะเป็นเมื่องที่เปิดกว้างกว่าอาบูดาบีที่ยังค่อนข้างเคร่งศาสนา ที่สำคัญดูไบขยันสร้างสิ่งก่อสร้างเหลือเกิน แต่ละสถานที่ล้วนแต่เป็นอภิมหาโปรเจ็คทั้งนั้น ที่ดูไบมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่เยอะมาก เราจึงสามารถสาวๆ ใส่กางเกงขาสั้นเดินห้างได้ แต่ถ้าเป็นเมืองอื่นที่ยังเคร่งศาสนาอาจจะหาได้ยาก
สำหรับที่พิพิธภัณฑ์ดูไบ ตั้งอยู่ที่ป้อม Al Fahidi ป้อมแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1787 ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจำลองบ้านแบบอาหรับ และอธิบายความเป็นอยู่ของชาวดูไบสมัยโบราณ
อีกหนึ่งที่ซึ่งมีโอกาสไปสัมผัสในการมาเยือนดูไบครั้งนี้คือการลุยทะเลทราย อย่างที่รู้กันว่าความจริงแล้วดูไบเป็นเมืองทะเลทราย แต่ในตัวเมืองถูกเนรมิตให้กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยตึกสูง หากใครมาแค่ตัวเมือง จะนึกภาพไม่ออกเลย แต่หากมานอกเมืองเรายังได้เห็นทะเลทรายอยู่ล้อมรอบสุดลูกหูลูกตา
ในการเยือนทะเลทรายครั้งนี้ มีพี่คนขับรถเจ้าถิ่นพาทัวร์ โดยใช้เวลาในเวิ้งของทะเลทรายประมาณ 1 ชั่วโมง และปล่อยให้เราได้ลงมาถ่ายรูปเป็นระยะๆ แต่น่าเสียดายที่ความตั้งใจของพวกเราในการมาเก็บภาพพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ทะเลทรายไม่ประสบความสำเร้จ เพราะวันนั้นพระอาทิตย์ขี้อายหลบอยู่แต่หลังก้อนเมฆ แต่ไม่เป็นไรเรายังได้ภาพทะเลทรายสวยๆ มาฝาก
S7 Edge ในทะเลทราย โชว์กันเห็นๆ ว่าไม่กลัวลม ไม่กลัวทราย
ขับๆ ไปเจออูฐในทะเลทราย เจ้าของใจดี ปล่อยให้เราถ่ายภาพตามสบาย
ทริปนี้ต้องเรียกว่าทริปครบรสมาก โดยเฉพาะการมาเยือนทะเลทรายของดูไบ หากใครมีโอกาส แนะนำอย่างแรงให้ลองมานั่งรถลุยทะเลทราย แล้วจะรู้ว่า "รสชาติของชีวิต" มันอร่อยอย่างนี้นี่เอง