เคล็ดลับชุบชีวิต iPhone รุ่นเก่า ให้เร็วแรงลื่นไหลเหมือน iPhone เครื่องใหม่ ทำอย่างไร?
ถ้าหากในตอนนี้ iPhone ของคุณมีอาการที่ไม่ค่อยจะดีนัก การทำงานไม่เร็วเหมือนก่อน ใช้งานอะไรก็ดูจะขัดใจไปเสียหมด ประจวบเหมาะกับ iPhone 6s รุ่นใหม่กำลังจะวางจำหน่ายพอดี จึงอาจทำให้คุณต้องการเปลี่ยนมือถือ
แต่เนื่องจากราคาเครื่องก็สูงขึ้นทุกครั้งที่มีการเปิดตัวรุ่นใหม่ สภาพทางการเงินของบางคนก็อาจไม่คล่องตัวนัก หรือจะเลือกผ่อนจ่ายเพื่อจ่ายน้อยกว่าก็ต้องใช้เวลาเป็นปี ในวันนี้เราจึงขอนำเสนอ 9 วิธีในการทำให้ iPhone รุ่นเก่ามีประสิทธิภาพการทำงานไม่แพ้รุ่นใหม่ และจะช่วยให้คุณประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีกด้วย
1. สำหรับแอปพลิเคชันที่กินพื้นที่มาก ให้ทำการลบแล้วลงใหม่ หรือลบทิ้งไปเลย
หากว่าคุณมีแอปพลิเคชันบางตัวที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน หรือไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน ก็ควรจะลบทิ้งไปเพื่อคืนพื้นที่ให้เครื่องได้ทำงานมากขึ้น โดยสามารถดูจาก Setting ได้ว่าความถี่ในการใช้งานของแต่ละแอปพลิเคชันมีมากน้อยเท่าใด
แน่นอนว่าพวกรูปภาพ, เพลง ก็กินพื้นที่ไม่น้อย แต่เราไม่อยากลบมันทิ้งไป จึงควรจะหันมาสนใจแอปพลิเคชันที่กินเนื้อที่อย่าง Facebook, Twitter และ Instagram ซึ่งในปกติแล้ว iPhone อาจจะมีการตั้งค่าในการทำความสะอาด cache โดยอัตโนมัติอยู่แล้ว เมื่อกดลบ cache ของทุกแอปพลิเคชันแล้ว ก็จะได้พื้นที่กลับมาไม่น้อยเลยทีเดียว
2. ปิด Location Service ในแอปพลิเคชันที่ไม่จำเป็นต้องใช้
สามารถเข้าไปปรับตั้งค่าได้ในเมนู Privacy Setting เพื่อให้คุณเลือกได้ว่าจะให้แอปพลิเคชันใดใช้ Location Service ได้บ้าง แน่นอนว่า Location Service จะมีประโยชน์สำหรับแอปพลิเคชัน Maps และแอปพลิเคชันพยากรณ์อากาศต่างๆ แต่ถ้าหากไม่เลือกปิดเลยนั้น จะทำให้เครื่องทำงานหนัก ส่งผลให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้น และอาจจะทำให้ iPhone ของคุณอายุสั้นลงได้ด้วย
3. ลดการใช้เอฟเฟกต์ Parallax
ในทุกเวอร์ชันใหม่ของ iOS ที่มักจะมาพร้อมฟีเจอร์การเลื่อนหน้าจอแบบ Parallax หรือวอลเปเปอร์ 3 มิติ ที่ ภาพแบคกราวน์สามารถหันไปตามทิศทางที่เรามองเครื่อง ซึ่งจริงๆ แล้วฟีเจอร์นี้มีข้อดีอยู่ที่ความสวยงามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เราแทบจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ที่เกี่ยวกับด้านอื่นเลย และหากเป็น iPhone รุ่นค่อนข้างเก่า ก็จะยิ่งมีหน้าจอที่ประมวลผลการทำงานแบบนี้ได้ไม่ค่อยจะลื่นไหลนัก เพราะฉะนั้นแล้วลองปิดการทำงานของฟีเจอร์นี้ เพื่อให้เครื่องมีพื้นที่ในการประมวลผลเพิ่มมากขึ้น และยังช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้อีกด้วย การตั้งค่านั้นก็ทำได้ไม่ยาก โดยเข้าไปที่เมนู General Setting เลือกให้สถานะของ Reduce Motion และ Increase Contrast เป็น "On"
4. สวมเคสป้องกันตัวเครื่อง
หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่หลงใหลในดีไซน์ตัวเครื่องของ iPhone มาก จนไม่ต้องการจะนำอะไรมาบดบังความงามนั้น แต่หารู้ไม่คุณอาจจะต้องเสียเงินในการซ่อมหน้าจอ หรืออาจจะต้องซื้อ iPhone เครื่องใหม่เลยก็ได้ หากคุณไม่ต้องการให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ก็ควรจะป้องกัน iPhone ของคุณด้วยการหาเคสมาสวมไว้จะดีกว่า หากว่าคุณต้องการจะสัมผัสดีไซน์สุดหรูของ iPhone จริงๆ ก็ขอแนะนำว่าให้ถอดเคสออกขณะนั่งทำงานที่โต๊ะ และเมื่อจะลุกไปไหนก็ค่อยนำเคสกลับเข้าไปใส่ตามเดิม
5. จัดระเบียบรูปภาพในเครื่อง
ข้อดีของสมาร์ทโฟนที่มีกล้องคุณภาพสูงนั้น คือเราก็จะได้รูปถ่าย และวิดีโอที่มีคุณภาพสูงด้วยเช่นกัน ในทางกลับกัน เมื่อรูปถ่ายมีคุณภาพสูงนั่นย่อมหมายถึง ไฟล์ที่มีขนาดใหญ่นั่นเอง โดยเฉพาะถ้าเป็นวิดีโอจะยิ่งกินพื้นที่มากขึ้นไปอีก หากใน iPhone ของ คุณมีรูปถ่าย และวิดีโอมากเท่าใด ก็จะเป็นการกินพื้นที่เครื่องมากเท่านั้น เพราะฉะนั้นเมื่อมีรูปถ่ายในเครื่องจำนวนหนึ่งก็ควรจะทำการสำรองข้อมูลไว้ใน เครื่องคอมพิวเตอร์, โน๊ตบุ๊ค หรือแม้แต่ในคลาวด์ จากนั้นก็ลบรูปถ่ายนั้นออกจากเครื่องเพื่อเป็นการคืนพื้นที่การทำงานให้ เครื่อง
6. ปิดการทำงาน "Background App Refresh"
Background App Refresh นั้นเป็นการอนุญาตให้แอปพลิเคชันดึงข้อมูลเนื้อหาใหม่ขณะที่ใช้ WiFi หรือ Cellular อยู่ กล่าวคือการรีเฟรชตัวเองเพื่ออัปเดตข้อมูลอยู่ตลอดเวลาโดยอัตโนมัติ แม้เราจะไม่ได้เปิดแอปพลิเคชันนั้นใช้งานก็ตาม หากคุณเป็นผู้ที่ชอบเปิดใช้แอปพลิเคชันครั้งละมากๆ แล้วไม่ได้ปิดนั้น จะทำให้การทำงานของแอปพลิเคชันเหล่านี้ดำเนินต่อไปแม้จะล็อกหน้าจอไปแล้วก็ ตาม ซึ่งวิธีปิดนั้นทำได้ไม่ยากเลย โดยเข้าไปตั้งค่าใน General Setting เลือกเมนู Background App Refresh และเลือกแอปพลิเคชันที่คุณต้องการให้รีเฟรชตัวเองตลอดเวลา หรือเลือกที่จะปิดทั้งหมดก็ได้
7. หมั่นลบข้อความเก่าๆ
ข้อความที่มีมากมายใน iPhone นั้นกินพื้นที่มากกว่าที่คุณ คิดเสียอีก และหากคุณไม่ต้องการนั่งเลือกไล่ลบข้อความหลายๆ ข้อความ เราขอแนะนำให้ตั้งค่าในแอปพลิเคชันข้อความให้ทำการลบข้อความที่เก่าเกิน 30 วันทิ้งโดยอัตโนมัติ เพื่อคืนพื้นที่ให้กับเครื่อง
8. Factory Reset คือทางเลือกสุดท้าย
หากว่าคุณลองทุกวิถีทางแล้วแต่ iPhone ของคุณก็ยังไม่มีอาการดีขึ้น คุณควรจะลอง Reset เครื่องใหม่แบบ Factory Reset ที่จะลบทุกอย่างที่อยู่ในเครื่องออก รวมไปถึงการทำความสะอาดหน่วยความจำแรม (RAM) อีกด้วย
9. อัปเดต iOS ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด (iOS 9)
อย่างที่ทราบกันดีว่าทาง Apple ได้ปล่อย iOS 9 ออกมาให้ผู้ใช้สามารถโหลดไปใช้งานได้แล้วตั้งแต่วันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา โดยที่เวอร์ชันล่าสุดจะใช้พื้นที่เพียง 1.3 GB จากที่ iOS 8 ใช้พื้นที่มากถึง 4.5 GB เลย ทีเดียว นอกจากจะได้พื้นที่กลับคืนมาแล้ว ยังสามารถใช้ฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้อีกด้วย อย่างเช่น การใช้แบตเตอรี่น้อยลงในการทำงาน ที่จะช่วยให้ iPhone รุ่นเก่าใช้งานได้นานขึ้นด้วยแบตเตอรี่ที่เริ่มจะเสื่อมสภาพ นอกจากนี้ยังมีระบบ Ad-Blocking ซึ่งจะช่วยให้การใช้แอปพลิเคชันที่เป็น Browser ต่างๆ ทำงานได้เร็วขึ้น
จาก 9 วิธีดังกล่าว หากเราลองทำดูสักนิดเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานให้ iPhone ไม่จากเราไปก่อนวัยอันควรทั้งในเรื่องของการทำงานในด้านต่างๆ และสภาพของ แบตเตอรี่ นอกจากนี้ยังจะช่วยให้เราประหยัดเงินในกระเป๋าได้มากขึ้น จึงทำให้มีเวลาสำหรับการออมเงินในการซื้อ iPhone รุ่นใหม่ได้โดยไม่ลำบาก และถ้าจะให้ดีก็อย่าลืมแบ่งปัน หรือบอกต่อเรื่องราวที่มีประโยชน์เหล่านี้กับเพื่อนๆ ชาว iPhone ของคุณบ้างนะครับ
ที่มา Time
นำเสนอทิป&ทริคโดย : Thaimobilecenter.com