9 เหตุผลที่ว่ากันว่า iPhone ดีกว่ามือถือ Android จริงจริ๊ง !!
ระหว่าง iPhone และมือถือ Android ใครดีกว่า ? ยังเป็นปัญหาโลกแตกสำหรับสาวก Apple กับสาวก Android ที่คลั่งไคล้แบรนด์ที่ตัวเองรักจนเข้าเส้นเลือดใหญ่ ที่ไม่ว่าจะเถียงกันด้วยเหตุผลใดตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่อาจหาข้อสรุปได้ งั้นคราวนี้ลองมาดูกันไหมว่าเว็บไซต์ต่างประเทศอย่าง Business Insider จะยกเหตุผลอะไรมากล่าวอ้างว่า iPhone นั้นดีกว่ามือถือ Android
1. iPhone จะเป็นอุปกรณ์ที่รองรับแอพพลิเคชันที่ดีที่สุด
อย่างที่หลายท่านทราบดีว่าสัดส่วนผู้ใช้ Android ทั่วโลก มีจำนวนมากถึง 80% ซึ่ง Apple ยังมีสัดส่วนที่เป็นรองอยู่มาก แต่ทว่านักพัฒนากลับเลือกเขียนแอพฯ สำหรับ iPhone เป็นลำดับแรก เนื่องจาการพัฒนาแอพฯ บน Android มีต้นทุนที่สูงในการพัฒนาคุณสมบัติต่างๆ และการออกแบบที่ทำได้ยากสำหรับอุปกรณ์ Android ที่มีความหลากหลายทั้งแบรนด์ รุ่น และขนาด รวมทั้งรายได้จากการพัฒนาแอพฯ บน iPhone ยังสูงกว่า Android อีกนั่นเอง
2. การออกแบบที่ดึงดูดผู้ซื้อได้มากกว่า
การเปิดตัว iPhone 6/6 Plus ก่อให้เกิดกระแสและความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ประกอบดีไซน์ที่เปลี่ยนไปชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่าหากวางเทียบกับมือถือ Android ในหลายๆแบรนด์ iPhone ต้องเป็นอุปกรณ์แรกๆ ที่ดึงดูดให้หลายท่านได้มาหยิบจับหรือทดลองใช้ก่อนซื้อใช้งานอย่างแน่นอน
3. การมาของ Apple Pay ส่งผลให้ iPhone มีระบบการชำระเงินด้วยมือถือที่ดีที่สุดไปแล้ว
แม้ Apple Pay หรือระบบการชำระเงินบน iPhone จะยังอยู่ที่ช่วงเริ่มต้น แต่จากการประกาศพันธมิตรที่ร่วมกับ Apple ที่อยู่กว่า 700 แห่ง แสดงให้เห็นถึงการยอมรับและสนับสนุนระบบดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
4. การบริการจาก Apple Store
สำหรับประเทศไทยยังไม่มี Apple Store มาเปิดสาขา แต่ในหลายประเทศ Apple Store เป็นที่ยอมรับด้านการบริการเป็นอย่างยิ่ง โดยหากผู้ใช้ iPhone ต้องการคำแนะนำหรือความช่วยเหลือด้านการใช้งานหรืออื่นๆ พนักงานสามารถให้คำแนะนำได้อย่างคล่องแคล่ว ซึ่งก็หวังว่าในอนาคต Apple จะขยายสาขาของ Apple Store มาในไทยเช่นกัน
5. ในอนาคตอันใกล้ iPhone จะเชื่อมการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน
แพลตฟอร์ม HomeKit ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 8 เป็นที่ชัดเจนว่า Apple ให้ความสำคัญกับการเชื่อมการใช้งานระหว่าง iPhone กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน ซึ่งผู้ผลิตจำนวนมากต่างตอบรับต่อแพลตฟอร์ม HomeKit ทำให้ในอนาคตอันใกล้เราน่าจะได้เห็นการเปิดตัวอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายใน บ้านที่สามารถควบคุม สั่งการ ได้ผ่าน iPhone มากขึ้น
6. พ่อแม่มีบทบาทมากขึ้นในควบคุมแอพฯ สำหรับลูกๆ
หนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ใน iOS 8 ที่เรียกว่า Family Sharing ช่วยให้คุณแบ่งปันสิ่งที่ซื้อจาก iTunes, iBooks และ App Store ภายในครอบคัวได้มากถึง 6 คน โดยไม่ต้องใช้บัญชีเดียวกัน ช่วยให้คุณสามารถจำกัดการใช้แอพพลิเคชัน บางอย่างที่ไม่เหมาะสมสำหรับลูกๆ ที่ยังมีอายุน้องได้อย่างสะดวก
7. เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือของ Android ยังไม่สามารถทำได้ดีกว่า Touch ID ของ Apple
แม้ Samsung และ HTC หรืออีกหลายแบรนด์จะพยายามอย่างหนักที่จะพัฒนาและผลักดันให้เซนเซอร์มสแกน ลายนิ้วมือให้เป็นหนึ่งคุณสมบัติที่สร้างความพึงพอใจต่อผู้ใช้ แต่ความแม่นยำยังอาจไม่อาจสู้กับ Touch ID ของ Apple ได้ ซึ่งประเด็นที่ส่งผลต่อคุณภาพของการสแกนลายนิ้วมือบน iPhone 5s/ 6 /6 Plus หรือ iPad Air 2 คือการเข้าซื้อกิจการบริษัท Authentec ผู้พัฒนาเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือที่ดีสุดของโลก เข้า,kเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างระบบรักษาความปลอดภัยและให้ความเป็นส่วนตัว แก่อุปกรณ์ของ Apple
8. กล้องที่ยอดเยี่ยมของ iPhone ส่งผลต่อภาพถ่ายที่สร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใช้
แม้ในตลาดมือถือ Android ส่วนหนึ่งมีการแข่งขันในด้านจำนวนพิกเซลของกล้อง ยิ่งรุ่นใหม่ๆ หลายท่านพอจะคาดเดาได้ก่อนล่วงหน้าว่าอย่างน้อยกล้องหลังมีจำนวนพิกเซลที่ เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน แต่สำหรับ iPhone เป็นประเภทอินดี้ ! ไม่ขอตามกระแส ต่อให้มือถือ Android หลายรุ่นจะมีกล้องหลายสิบล้านพิกเซล ส่วนตอนนี้ iPhone ขอหยุดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล (กล้องหลัง)ใช้การเพิ่มคุณสมบัติต่างๆ ให้มีสามารถถ่ายและให้ภาพที่มีคุณภาพได้
9. การอัพเกรดซอฟต์แวร์
Google เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Android รุ่นใหม่ประมาณปีละครั้ง เช่นเดียวกับ iOS ของ Apple แต่ผู้ใช้ Android จำนวนมากกลับไม่สามารถรับซอฟต์แวร์ล่าสุด จนกว่าพวกเขาจะซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ หรืออาจต้องรอนานนับเดือนกว่าผู้ผลิตจะปล่อยซอฟต์แวร์อัพเกรดมาให้ใช้
ซึ่งก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่ามือถือ Android ที่ท่านถืออยู่จะได้รับอัพเกรดซอฟต์แวร์รุ่นล่าสุด สวนทางกับ iPhone ที่รุ่นเก๋าอย่าง iPhone 4s ก็ยังมีโอกาสได้รับการอัพเกรดไปใช้ iOS รุ่นใหม่ ตาม iPhone 6/ 6 Plus ด้วยเช่นกัน เพียงแต่จะถูกตัดบางฟีเจอร์ไปเท่านั้น
จากทั้ง 9 ข้อที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นการรวบรวมมาจากเว็บไซต์ Business Insider โดยส่วนตัวแล้วมองว่าไม่ว่าจะเป็น iOS หรือ Android มีดีแตกต่างกันไป
ลองคิดดูนะครับว่า แค่ชื่อก็เขียนไม่เหมือนกันแล้ว เพราะฉะนั้นการทำงานหรือคุณสมบัติต่างๆ ก็ย่อมต่างไปด้วย ซึ่งใครจะชอบหรือไม่ชอบอะไรก็สุดแท้แต่จะพิจารณากันล่ะครับ แต่เชื่อว่าทุกท่านที่อ่านคงมีความเชื่อและใช้ความคิดไตร่ตรองเพื่อเลือก สิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองและเลือกไม่ผิดแน่นอนครับ