ผลสำรวจ: Google ครองตลาด Retargeting มากกว่า 90% ในอเมริกา

ผลสำรวจ: Google ครองตลาด Retargeting มากกว่า 90% ในอเมริกา

ผลสำรวจ: Google ครองตลาด Retargeting มากกว่า 90% ในอเมริกา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ใครที่เคยเข้าไปดูหน้าเว็บไซต์ขายสินค้าคงจะเคยเจอโฆษณาที่ตามเข้าไปหลอก หลอนทุกที่ทุกเว็บไซต์ที่เราเข้าไปใช้ นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าการทำ Retargeting และก็มีข้อมูลออกมาว่า เจ้าตลาดในตอนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน อากู๋ Google นี่เอง

 ที่มา: http://tacticweb.fr ที่มา: http://tacticweb.fr
ที่มา: http://tacticweb.fr

สำหรับใครที่ยังงงๆ ว่าเจ้า Retargeting คืออะไร อธิบายกันง่ายๆ เลยก็คือการนำเอาข้อมูลจากการที่เราเข้าเว็บไซต์ก่อนหน้าขึ้นมาแสดงบนหน้าจอ ของหน้าเว็บไซต์ใหม่ที่เราเข้าไป โดยข้อมูลที่นำมาแสดงนั้นจะแสดงอยู่บน Banner และเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานเข้าไปชมล่าสุด ซึ่งก็เปรียบได้กับการกระตุ้นให้คนจำได้ หรือนึกขึ้นได้ว่าเคยเข้าไปเปิดดูแล้ว ถือเป็นการสร้างความสนใจและสร้างโอกาสให้คนที่เห็นได้กลับเข้ามายังหน้า เว็บไซต์อีกครั้ง

ถ้าที่เราจะเห็นกันบ่อยๆ ก็เป็นเว็บไซต์ที่เป็นการขายสินค้า e-commerce, จองที่พักและโรงแรม อธิบายมาขนาดนี้น่าจะคุ้นกันแล้วใช่ไหมครับ

สำหรับข่าวนี้เป็นการเก็บสถิติของส่วนแบ่งการตลาดของด้านการทำ Retargeting ของ โดยเจ้าใหญ่ที่ครองส่วนแบ่งมากที่สุดก็คือ Google ที่ครองไปได้มากถึง 91.5% ทิ้งอันดับ 2 อย่างไม่เห็นฝุ่น ที่เป็นของ Chango บริษัททำโฆษณาและ Retargeting ที่ได้ไปเพียง 2.7% และ Criteo ได้ไป 2% (เท่าที่ทราบ รายนี้เริ่มมองๆ การทำตลาดในไทยบ้างแล้วนะครับ)

สำหรับที่เราคุ้นเคยที่สุดก็คงหนีไม่พ้น Facebook Retargeting ที่คิดกันไว้ว่าจะมีสูง แต่กลับไม่ใช่เพราะได้ไม่ถึง 1%

บางส่วนที่จะพอมองจากตัวเลขด้านล่างก็คือความมั่นใจและเครือข่ายในการ โฆษณาของ Google ก็ถือว่ามีจำนวนมากที่จะช่วยให้กระจายให้คนเห็นโฆษณามากขึ้น เมื่อเทียบกับตัวอื่นที่อาจจะเหมือนกับว่าตามมาห่างชั้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีดูแล้วคงไม่ต่างกันมาก จะมีแต่เครือข่ายและกลุ่มเป้าหมายที่น่าจะตอบโจทย์กับกลุ่มคนที่จะได้เห็น โฆษณามากกว่าเท่านั้น

ส่วน Facebook ดูแล้วอาจจะต้องปรับกลยุทธเสียหน่อย เพราะถึงแม้ว่าจะทำอยู่ในลักษณะเดียวกันกับ Google ก็ตาม แต่คนก็ยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าใดนัก อาจเป็นเพราะมีปลายทางแค่เว็บไซต์เดียว ไม่ได้มีหลายๆ แห่งเหมือนเจ้าอื่นๆ นั่นเองครับ


ที่มา: adweek

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook