10 สิ่งเกี่ยวกับเทคโนโลยี...ที่ผมทำในช่วงวันหยุดยาว
10 สิ่งเกี่ยวกับเทคโนโลยี...ที่ผมทำในช่วงวันหยุดยาว
1/
เช่ารถ
ผมอยากได้รถเบนซ์เปิดประทุนช่วงยุค 1950 มีตะกร้าปิคนิคทำจากหวายวางไว้ท้ายรถ วิทยุเปิดเพลงของ Louis Armstrong ลมพัดผมปลิวสยาย แต่ในที่สุดผมก็ได้รถทรงเหลี่ยมคันจิ๋วขนาดพอๆ กับกล่องพลาสติกใส่รองเท้าเด็กพร้อมความเร็วสูงสุดที่ 85 กม./ชม. และชุดเครื่องเสียงที่ทำให้เสียงเพลงจาก iPhone ฟังดูคล้ายเสียงผึ้งที่เป็นโรคหอบหืด พอกลับถึงบ้านหลังจากเที่ยวเสร็จผมก็เพิ่งจะรู้ว่าผมสามารถเช่ารถลีมูซีนในราคาเท่ากับที่ผมเช่ารถกระป๋องคันนั้น
2/
ซ่อนเครื่อง GPS
ผมขับรถมาได้ 16 นาที ได้เวลาแวะปั๊มน้ำมัน ที่ใดที่หนึ่งอย่างปั้ม Leigh Delamere, Knutsford, Chieveley หรือ Kanye West เพื่อหาแฮมเบอร์เกอร์รองท้องตอน 11 โมงเช้า และเดินเล่นที่ร้าน WH Smith แต่ก่อนอื่นเลยผมปลดล็อกเครื่องนำทางออกจากแท่นวางอย่างเคยชิน แม้มันจะส่งเสียงร้องอย่างสิ้นหวังว่า ‘กลับรถในทันทีที่ทำได้!’ และจับมันยัดไว้ใต้เบาะที่นั่ง ใช่แล้ว นั่นจะป้องกันไม่ให้เหล่าหัวขโมยที่ดักรอเหยื่อตามปั๊มน้ำมันทุบกระจกรถสุดฮอตที่ผมเช่ามา
3/
จัดการกับเตาอบประหลาด
หลังจากที่นั่งหลังขดหลังแข็งอยู่หลังพวงมาลัยนาน 18 ชั่วโมง ผมก็มาถึงบ้านพักที่ผมเช่าไว้ ผมใช้เวลากดสารพัดปุ่มนานครึ่งชั่วโมงด้วยความหวังเล็กๆ ว่าปุ่มใดปุ่มหนึ่งจะเปิดเมนสวิตช์ควบคุมการจ่ายไฟฟ้าและตัดสินใจทำอาหารเที่ยงทานเอง แต่แทนที่ผมจะเห็นเตาแก๊สและเตาอบระบบพัดลมกระจายความร้อน ผมกลับเห็นอุปกรณ์โลหะสี่เหลี่ยมสนิมเขรอะคล้ายเตาหลอมถ่านหินในรถไฟพลังไอน้ำ ซึ่งผมต้องบรรจงจุดไม้ขีดไฟอย่างแผ่วเบาพร้อมกับภาวนาว่ามันจะไม่ระเบิดใส่หน้าผม
4/
คิดถึงฟุตบาท
เตาอบเสีย แต่ Google Maps บอกว่าร้านอาหาร The Red Cock ห่างจากที่พักของผมแค่สามกิโลเศษเท่านั้น ผมเดินไปได้สบายผมคิดอย่างนั้น แต่ในความเป็นจริงนั้นมันห่างไกลจากการเดินเล่นได้อย่างง่ายๆ ชิลล์ๆ มาก เพราะผมจะต้องเดินเลียบลำห้วยที่เสียงสายน้ำรินไหลฟังดูน่ากลัว แถมยังมีบันไดที่ผมจะต้องปีนข้ามกำแพงในบางจุดอีกด้วย ผมจะต้องเดินตัวลีบชิดขอบถนนโดยมีทางเดินกว้างประมาณหกนิ้วและภาวนาว่ารถแต่งซิ่งคันต่อไปที่ขับผ่านมาจะไม่เฉี่ยวชนผมจนกระดูกสะโพกหัก พอผมเดินไปถึงร้านอาหารเสื้อผ้าเต็มไปด้วยดินโคลน ก็ปรากฏว่าร้านไม่เปิดในเวลากลางวันและปิดวันพุธ ชินซะละเรื่องแบบนี้
5/
ถ่ายภาพสนามหญ้า
รู้สึกหดหู่ใจจากเหตุการณ์ร้านอาหารปิด มีบางสิ่งบางอย่างผลักดันให้ผมเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับความงดงามของธรรมชาติ เสน่ห์เย้ายวนใจแห่งฟิลเตอร์ Instagram แสนสะดวกและใช้ง่ายเป็นอะไรที่ผมไม่สามารถต้านทานได้ ผมหยุดไม่ได้ที่จะลองสารพัดเอฟเฟ็คท์เลเยอร์แล้วเลเยอร์เล่าบนภาพถ่ายแต่ละภาพ จนในที่สุดภาพเหล่านั้นดูคล้ายผลงานของจิตรกร ‘Constable’ น้อยลงเรื่อยๆ และดูคล้าย ‘มิวสิควิดีโอเพลง Purple Pills ปี 2001 ของ D12’ มากขึ้นทุกที
6/
ดื่มน้ำไซเดอร์ท้องถิ่น
เวลาสองทุ่มเป๊ะ ในที่สุดร้านอาหารก็เปิด ผมพยายามทำตัวสำรวมและสุขุมที่สุด เดินไปที่เคาน์เตอร์และวางหมวกโบตเตอร์ลง จากนั้นก็สั่งเครื่องดื่ม ‘Old Mad Hen’ หนึ่งแก้วจากพนักงานวัยร่วงโรยที่จ้องตาเขม็งมาที่ผม ซึ่งผมเหลือบไปเห็นมันในตู้เย็นอยู่ในบรรจุภัณฑ์รูปทรงคล้ายถังไม้โอ๊ก หลังจากดื่มไซเดอร์ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ 11 เปอร์เซ็นต์ และสีคล้ายน้ำหวานแฟนต้าเพียงจิบเดียว ผมก็เริ่มไม่สนใจสิ่งต่างๆ รอบข้าง และมองไม่รู้เรื่องแล้วว่าคนท้องถิ่นเขาดื่ม Beck’s Vier กัน และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาทีตาของผมก็พร่ามัวไปหมด
7/
พึ่งพาคอลเล็กชั่นดีวีดีของคนแปลกหน้า
ผมตัดสินใจกลับมานอนพักที่บ้านพักแต่ก็รู้สึกอยากดูอะไรสนุกๆ ก่อนเข้านอน แต่ผมไม่เห็นสัญญาณ 3G มาตั้งแต่เมือง Swindon แล้ว และทีวีก็เปิดดูได้แค่ช่อง S4C ไม่เป็นไร เจ้าของบ้านพักติดตั้งเครื่องเล่นดีวีดีไว้ให้แขกดู ไหนขอดูหน่อยซิว่ามีอะไรบ้าง Free Willy2? Highlander II: The Quickening? King Ralph? Dumb and Dumberer? ไม่เข้าตาอย่างแรง แต่ผมก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันทีที่เห็น Fight Club อยู่ในกอง ปัทโธ่ พอเปิดตลับออกมาข้างในดันเป็นแผ่นดิสก์เรื่อง The Pink Panther ซะนี่ เป็นเวอร์ชั่นที่ Steve Martin แสดง คงจะเป็นคืนที่แสนยาวนานแน่ๆ
8/
ถ่ายภาพจานชีส
พร้อมแก้วไวน์แดงที่เหลือครึ่งหนึ่ง เตาผิงเป็นฉากหลังและเท้าของผมวางบนตั่งพักเท้า ขอแสดงความยินดี! เราเป็นหนึ่งในบรรดานักท่องเที่ยวอย่างน้อย 100 คนที่เคยพักที่นี่และโพสต์ท่าแบบนี้เป๊ะ
9/
วางแผนอ่านอีบุ๊ค
ผมมีนวนิยายที่ฮอตที่สุดของปี 2009 บนเครื่อง Kindle มาตั้งแต่ปี 2009 และในที่สุดผมก็มีเวลาอ่านมันสักที อย่างไรก็ตาม หลังจากอ่านไปได้เพียงประโยคเดียวผมก็อดรนทนไม่ได้ที่จะต้องกลับไปหา iPhone พยายามซัดลูกโทษลูกที่ 72 ให้ไซด์โค้งสุดๆ เพื่ออ้อมผ่านกำแพงนักเตะ ใน Flick Kick Football ให้ได้ ขณะที่ข้อความก็เข้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่หลายวันก่อน ทุกครั้งที่ผมเดินเข้าไปในบริเวณลึกลับของบ้านประมาณหนึ่งตารางนิ้วที่สามารถรับสัญญาณได้โดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจ และไม่รู้ด้วยว่าจุดไหน
10/
ทิ้งอุปกรณ์พกพาที่เอาติดตัวไป
ได้เวลากลับบ้านแล้ว ผมไม่สนใจที่จะหยิบลำโพงพกพาที่ใช้พลังจากโทรศัพท์ที่ผมสอยมาจากปั๊มน้ำมัน Shell ใส่กระเป๋าเสียด้วยซ้ำ ผมแค่จับมันโยนลงในกล่องใส่อุปกรณ์ก๊องแก๊งราคาถูกที่นักท่องเที่ยวทิ้งไว้ที่บ้านพักหลังนี้ และตามธรรมเนียมปฏิบัติที่นักท่องเที่ยวทำสืบต่อกันมา ผมต้องทิ้งไข่หนึ่งฟองไว้ในตู้เย็นและเสื้อผ้าหนึ่งชุดไว้ด้วย จากนั้นผมก็กระโดดขึ้นรถกระป๋องตัวถังดูคล้ายพลาสติกและบึ่งรถกลับสู่ความศิวิไลซ์ชนิดเหยียบมิดคันเร่งด้วยความเร็ว 85 กม./ชม. แต่เดี๋ยวก่อน...นั่นป้ายปั๊มน้ำมัน Knutsford Services ไม่ใช่หรือ
ที่มา: ขอขอบคุณ T3 ผู้สนับสนุนเนื้อหา