ศึกษาต่อมาเลเซีย ให้ประสบการณ์และรสชาติของชีวิตไม่ซ้ำใคร

ศึกษาต่อมาเลเซีย ให้ประสบการณ์และรสชาติของชีวิตไม่ซ้ำใคร

ศึกษาต่อมาเลเซีย ให้ประสบการณ์และรสชาติของชีวิตไม่ซ้ำใคร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ด้วยเหตุผลด้านอัตราการเกิดอาชญากรรมต่ำและมหาวิทยาลัยชั้นนำ 5 แห่งติดโผการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก

เส้นทางการศึกษาต่อในมาเลเซียให้ประสบการณ์และรสชาติของชีวิตไม่ซ้ำใคร ด้วยเหตุผลด้านอัตราการเกิดอาชญากรรมต่ำและมหาวิทยาลัยชั้นนำ 5 แห่งติดโผการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกทำให้มาเลเซียเป็นปลายทางการศึกษาต่อต่างประเทศที่ได้รับความนิยมมากขึ้น

มาเลเซียเป็นประเทศที่ทันสมัย มีประชากรหลากหลายชนชาติ ชาวมาเลย์ ชนพื้นเมืองดั้งเดิม จีนและอินเดีย อาศัยบนรอยต่อทางวัฒนธรรมอย่างกลมกลืน
มาเลเซียต้อนรับชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวและศึกษาต่ออย่างอบอุ่น วางระบบสาธารณูปโภครองรับอย่างครบครัน ทั้งระบบการขนส่งที่ดีและสถิติอาชญากรรมต่ำในหลายเมืองใหญ่

ภาพรวมการศึกษา
มาเลเซียจัดระบบการศึกษาอย่างทันสมัยและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ทุ่มเงินนับล้านในการวิจัยและพัฒนาเพื่อดึงดูดให้นักศึกษาและนักวิจัยต่างชาติเข้ามาในประเทศ
มหาวิทยาลัยในมาเลเซีย 5 แห่งติดอันดับสุดยอดมหาวิทยาลัยโลก 400 แห่งในปี 2008โดย THE-QS World University Rankings
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยในมาเลเซีย 5 แห่งติดอันดับสุดยอดมหาวิทยาลัยเอเชีย 100 แห่งในปี 2010 โดย QS Asian University Rankings เรียงตามอันดับดังนี้
- University of Malaya (UM) (อันดับ 42)
- National University of Malaysia (UKM) (อันดับ 58)
- University of Science, Malaysia (USM) (อันดับ 69)
- Putra University, Malaysia (UPM) (อันดับ 77)
- University Technology Malaysia (UTM) (อันดับ 82)
สถาบันการศึกษาระดับสูงในมาเลเซียประกอบด้วยมหาวิทยาลัยของรัฐ โพลีเทคนิค
วิทยาลัยชุมชน วิทยาลัยเทคนิคและอาชีวศึกษา มหาวิทยาลัยเอกชน มหาวิทยาลัยต่างประเทศที่เข้ามาเปิดวิทยาเขตในมาเลเซีย และวิทยาลัยเอกชน
มาเลเซียยังได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยนานาชาติจำนวนมาก เช่น Monash University จากออสเตรเลีย และ University of Nottingham จากสหราชอาณาจักร ล้วนเข้ามาจัดตั้งวิทยาเขตที่เปิดสอนหลักสูตรเดียวกับสถาบันแม่แบบ ในส่วนของค่าเล่าเรียนจะถูกกว่ามาก
ตัวอย่างเช่น ค่าเล่าเรียนระดับปริญญาตรีสาขาวิศวกรรม ในมาเลเซียประมาณ 7,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (228,000 บาท) เมื่อเปรียบเทียบกับในสหราชอาณาจักร 24,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (720,000 บาท)
ค่าครองชีพในมาเลเซียประมาณ 3,000-4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (90,000-120,000 บาท) ถูกกว่าสหรัฐอเมริกาหรือยุโรปที่มีค่าครองชีพประมาณ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (300,000 บาท)

ในแต่ละหลักสูตรเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนที่วิทยาเขตหลักในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร หรือออสเตรเลียราว 1-2 ภาคเรียน หรือให้โอกาสสำเร็จการศึกษาจากสองมหาวิทยาลัยในเวลาเดียวกัน
มีหลักสูตรปริญญาร่วมที่รู้จักกันในชื่อ Two-plus-one สมัครลงทะเบียนเรียนหลักสูตรในมาเลเซียและใช้เวลา 1 ปีการศึกษากับมหาวิทยาลัยพันธมิตร ซึ่งอาจจะอยู่ในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ หรือสหราชอาณาจักร ได้ทั้งประสบการณ์การเรียนและความเข้าใจวัฒนธรรมจากสองซีกโลก
มีหอพักและห้องเช่าส่วนตัวสำหรับนักศึกษานานาชาติ แต่อาจจะมีให้เลือกไม่มากเหมือนประเทศอื่น ๆ หอพักส่วนใหญ่มีโรงอาหารที่ราคาไม่แพง สามารถติดต่อผ่านทางฝ่ายกิจการนักศึกษาและหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น
สรุปข้อดีและข้อเสีย
- ค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพถูก
- มหาวิทยาลัยทั้งภาครัฐและเอกชนให้การศึกษาที่มีคุณภาพสูง
- ประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจและหลากหลาย
- สภาพแวดล้อมปลอดภัยและระบบการขนส่งที่ดี
- หลักสูตรเรียนเป็นภาษาอังกฤษ
- ความรู้สึกสับสนต่อวัฒนธรรมที่ไม่คุ้นเคยอาจเป็นปัญหาสำหรับนักศึกษาบางคน
- บางสังคมไม่สนใจผูกมิตรกับนักศึกษาต่างชาติ
- ความยุ่งยากในการขอวีซ่าที่อาจเกิดขึ้นได้สำหรับบุคคลบางสัญชาติ
- ผู้ถือวีซ่านักเรียนอาจไม่ได้ทำงานต่อเนื่องสม่ำเสมอ

ที่มา "การศึกษาวันนี้"
ผู้เขียน : จิระนันต์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook