อย่าปล่อยให้โซเชียลมีเดีย “ทำพิษ” ต่อความสัมพันธ์

อย่าปล่อยให้โซเชียลมีเดีย “ทำพิษ” ต่อความสัมพันธ์

อย่าปล่อยให้โซเชียลมีเดีย “ทำพิษ” ต่อความสัมพันธ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทุกวันนี้ โซเชียลมีเดียและฟังก์ชันต่าง ๆ ในมือถือ ได้กลายมาเป็นสิ่งเร้าอย่างหนึ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์แบบคนรักของคู่รักหลาย ๆ คู่มีปัญหา ประการแรกคือความสำคัญในการเป็นพื้นที่แสดงความสัมพันธ์ของคนในฐานะคนรัก ที่หลายคู่มักจะลงสถานะการคบหาในเฟซบุ๊กของตนเอง เปิดเผยอย่างชัดเจนไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ว่ากำลังคบกับใครอยู่ ในขณะที่อีกหลายคู่กลับเผชิญกับความคลุมเครือในสถานะที่ไม่ยอมเปิดตัว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าแค่รักษาความเป็นส่วนตัว หรือพยายามซ่อนให้อีกฝ่ายเป็นคนในความลับ หรืออาจจะพยายามปิดบังอะไรอยู่กันแน่

อีกประการ แม้ว่าข้อดีของโซเชียลมีเดียจะมีประโยชน์ตรงที่เชื่อมโยงให้คนไกลได้อยู่ใกล้มากขึ้น แต่ในทางตรงกันข้ามโซเชียลมีเดียเจ้าเดิมกลับทำให้คนใกล้ ๆ ตัวรู้สึกห่างเหินกันมากกว่าเดิมเสียอย่างนั้น บ่อยครั้งที่โซเชียลมีเดียทำให้คู่รักที่นั่งแขนชนกันเหมือนอยู่กันคนละโลก หากดาบสองคมเริ่มทำงาน ไม่ได้จัดการให้เรื่องของความรู้สึกอยู่ในจุดที่สมดุลกับการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี โซเชียลมีเดียอาจกลายเป็นพิษต่อความสัมพันธ์ได้ในที่สุด และถ้าโดนมันเล่นงานหนักเข้า ปลายทางของพวกคุณทั้งคู่อาจจะเป็นการเลิกราเอาก็ได้

เป็นคนในความลับ ไม่มีร่องรอยใด ๆ ที่ระบุว่าพวกคุณคบกันอยู่

ยุคนี้สมัยนี้ ถ้าคุณออกเดตหรือคุยกับใครแบบจริงจัง คุณก็เริ่มคาดหวังว่าเขาหรือเธอจะเปิดตัวคุณในโซเชียลมีเดียของเขาว่ากำลังสร้างความสัมพันธ์บางอย่างกับคุณอยู่ ถ้ายังอยากจะคุยกันไปเรื่อย ๆ ก่อน การไม่เปิดเผยก็พอเข้าใจได้ แต่ถ้าคบกันจริงจัง แล้วคุณไม่เคยมีตัวตนอยู่ในชีวิตออนไลน์ของเขาเลย ไม่มีสถานะ ไม่มีภาพคู่ ไม่มีโมเมนต์แบบคนรัก ไม่มีการกดไลก์หรือเข้าไปคอมเมนต์ให้กัน หนักกว่าคือไม่แม้แต่จะรับเป็นเพื่อนหรือกดติดตามกันด้วยซ้ำ คุณก็ไม่ผิดที่จะรู้สึกไม่ดี เพราะเหมือนเขาหรือเธอพยายามกันคุณเป็นคนในความลับเอง ทั้งนี้หากเขาหรือเธอเป็นพวกออนไลน์มีไปงั้น ๆ ถนัดออฟไลน์มากกว่าก็ต้องเข้าใจหน่อย หรือถ้าคุณเองก็ไม่ชอบการเปิดตัวบนโลกเสมือนก็ดีไป

แฟนเก่าที่เป็นเพื่อนในโซเชียลมีเดีย ถึงไม่มีอะไรแต่ก็ระแวงไม่ใช่เล่น

เรื่องของถ่านไฟเก่าไม่ใช่เรื่องตลก ยิ่งถ้าพวกคุณต่างไม่รู้ว่าคนของตัวเองลืมแฟนเก่าได้เด็ดขาดแค่ไหน ใจจะร้อนรุ่มอยู่ตลอดว่ามันอาจจะคุขึ้นมาได้ตลอด บางคนที่จบความสัมพันธ์กับแฟนเก่าด้วยดี ลดสถานะกลับมาเป็นเพื่อนหรือพี่น้อง จึงไม่จำเป็นที่พวกเขาต้องอันเฟรนด์หรือบล็อกกัน ในขณะที่อีกส่วนอาจมีการไปแอดเฟรนด์หรือรับแอดเฟรนด์จากแฟนเก่า ขอให้คิดดี ๆ มันมีผลกระทบต่อคนปัจจุบันแน่นอน คนปัจจุบันเห็นเข้า ต่อให้ไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่เมล็ดพันธุ์แห่งความหวาดระแวงได้ถูกเพาะขึ้นในใจแล้ว มันอาจดูงี่เง่าทว่าบางคนรับไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นอย่าหาทำ มันไม่ได้มีความจำเป็นขนาดนั้น อะไรที่จบไปแล้วก็ให้จบกันไป ที่สำคัญคือ เคารพและให้เกียรติกับคนปัจจุบันด้วย

บ่นทุกปัญหาลงโซเชียลมีเดีย สาธารณะต้องรับรู้

มีคู่รักหลายคู่ที่มักจะอัปเดตความสัมพันธ์ลงบนโซเชียลมีเดียเป็นประจำ ทั้งโมเมนต์หวาน ๆ ที่มีความสุข คอมเมนต์จีบกันไปมา รวมถึงโพสต์ระบายปัญหา ประจาน ประชดประชันอีกฝ่ายเวลาทะเลาะกัน ตอบโต้ด้วยคอมเมนต์ออกสื่อก็มี ถ้าคุณทั้งคู่ต่างสะดวกแบบนี้ก็คงไม่มีปัญหา แต่ในกรณีที่แฟนคุณไม่ใช่คนแบบนั้น เรื่องนี้อาจทำให้เขาหรือเธอหมดความอดทนได้เลย มันทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัดและลำบากใจ ไม่ใช่ทุกคนที่พอใจจะแชร์เรื่องส่วนตัวให้สาธารณะรู้ โดยเฉพาะตอนทะเลาะกัน ในเมื่อมันเป็นเรื่องของคน 2 คน ก็ควรให้มันจบที่การคุยกันของ 2 คน จะโพนทะนาให้ชาวบ้านเข้ารับรู้ด้วยทำไม การไม่กล้าพูดตรง ๆ แล้วมาโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย จะทำให้เรื่องมันบานปลายกว่าเดิม

สเตตัสประดุจคนอกหัก ทั้งเศร้าทั้งเหงา แต่มีแฟนตัวเป็น ๆ

มีคนจำนวนไม่น้อยนะที่ชอบเรียกร้องความสนใจด้วยวิธีนี้ ชอบโพสต์อะไรเศร้า ๆ เหงา ๆ อารมณ์แบบว่าเพ้อถึงใครสักคน ทำตัวเหมือนคนอกหักหรือคนโสด ทั้งที่แฟนเป็นตัวเป็นตนก็มี และเบื้องหลังก็รักกันดี การกระทำแบบนี้มันบั่นทอนอีกฝ่ายจริง ๆ นะ ลองนึกถึงใจของอีกคนด้วยว่าจะรู้สึกอย่างไรถ้ามาเห็นเข้า ทำเหมือนเขาหรือเธอไม่มีตัวตน ไม่เห็นคุณค่า และไม่ให้เกียรติอีกฝ่าย ไม่มีใครชอบใจหรอกถ้าเห็นแฟนตัวเองเพ้อลักษณะนี้ในโซเชียลมีเดีย เรียกแขกให้เข้ามาถามไถ่ด้วยความสงสัยว่าเลิกกันเหรอ ทั้งที่ความจริงรักกันดีไม่ได้มีปัญหากัน คุณมีเขาหรือเธออยู่ทั้งคน อย่าทำให้พวกเขารู้สึกกังวลเลยว่าคุณเป็นอะไร หรือสงสัยว่าตัวเองไม่ดีตรงไหน เสียบรรยากาศ เสียความรู้สึกไปหมด

ติดมือถือ ติดโซเชียลมีเดียมากเกินไปจริง ๆ

ก็ไม่แปลกหรอกนะถ้าแฟนของคุณจะรู้สึกไม่ดีเมื่อเห็นว่าคุณสนใจมือถือหรือโซเชียลมีเดียมากกว่าพวกเขา บางทีมันก็ทำให้เขาหรือเธอนึกสงสัยว่าอะไรที่ทำให้คุณสนใจแต่หน้าจอมือถือมากขนาดนั้น วัน ๆ เหมือนถูกจอดูดก็ไม่ปาน หรืออีกกรณีคือต่างคนต่างก็ติดมือถือ นัดเจอกันแต่ต่างคนต่างก็นั่งไถโทรศัพท์ของตัวเองซะงั้น มันเสียโอกาสในการทำกิจกรรมสานสัมพันธ์กัน ละเลยกันและกัน ไม่ดูแลใส่ใจคนข้าง ๆ หรือไม่ยอมทำอะไรอย่างอื่นเลย ควรทำอะไรก็ไม่ทำ เดี๋ยวก่อนอยู่นั่นแหละ มันเป็นชนวนเหตุให้หงุดหงิดและทะเลาะกัน นอกจากนี้ การเสพติดโซเชียลมีเดียถึงขั้นที่มือถือแทบจะละลายติดมือ มันยิ่งชวนให้คิดไปไกลด้วยว่าติด (คน) อย่างอื่นบนโซเชียลมีเดียหรือเปล่า ระแวงนอกใจก็มา

ไม่มีสมาธิที่จะฟังเสียงของคนข้าง ๆ

การที่คุณเอาจิตใจทั้งหมดไปจดจ่ออยู่กับการไถโซเชียลมีเดีย ใส่หูฟังเพื่อดูคลิปสั้นต่าง ๆ แล้วเอาออกข้างหนึ่งเมื่อแฟนของคุณคุยด้วย มันอาจจะดูไม่มีอะไรมาก แต่คุณรู้หรือไม่ว่าคุณไม่ได้มีสมาธิในการคุยกับแฟนของคุณเลย ได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง ไม่เข้าใจก็บอกเข้าใจไว้ก่อน บางทีก็เออออไปงั้น รับปากส่ง ๆ พอถึงเวลาที่ต้องทำสิ่งนั้นจริง ๆ คุณก็พบว่าไม่มีข้อมูลนี้ในหน่วยความจำ หลง ๆ ลืม ๆ ก็ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าทำไมแฟนคุณถึงรู้สึกโกรธ เพราะที่คุยที่ตกลงกันไว้ เหมือนเขาหรือเธอพูดคุยกับอากาศ คุณไม่ได้เข้าใจและรับปากอะไรจริงจัง การปล่อยให้มือถือมีบทบาทเกินไปเวลาคุยกับคนข้าง ๆ ในโลกความจริง แสดงถึงความไม่ใส่ใจ ไม่ตั้งใจ โอกาสที่ผลลัพธ์จะออกมาพังมีสูงมาก

ล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวกันมากเกินไปแล้ว

ถึงจะรักกัน คบหาเป็นแฟนกัน หรือต่อให้แต่งงานกันแล้ว พื้นที่สำหรับหายใจเป็นสิ่งที่สำคัญ การมีความรักไม่ได้แปลว่าจะต้องสูญเสียความเป็นส่วนตัว การถูกครอบงำตามติดมากเกินไปทำให้อีกฝ่ายอึดอัด ฉะนั้น ถ้าแฟนของคุณไม่ได้มีพฤติกรรมน่าสงสัยอะไรขนาดนั้นเกี่ยวกับโซเชียลมีเดียและมือถือที่มันเป็นของส่วนตัว ก็ไม่ควรล้ำเส้นเข้าไปยุ่มย่าม การตามจับผิดด้วยความระแวงจนเกิดเหตุทั้งที่ไม่ได้มีมูลอะไร เช็กโทรศัพท์ (การแอบดูโทรศัพท์แฟนผิดกฎหมายด้วย) ขอรหัสบัญชีโซเชียลมีเดีย ถ้าเป็นไปได้อย่าหาทำ หรือต่อให้เขาหรือเธอเต็มใจให้ก็พยายามอย่าใช้มันเลยจะดีที่สุดถ้าไม่มีเหตุอันควร พื้นฐานความรักคือเชื่อใจกัน มิเช่นนั้น อาจกลายเป็นชนวนเหตุของการทะเลาะกันในที่สุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook