ระนอง ไม่ไปไม่ได้แล้ว

ระนอง ไม่ไปไม่ได้แล้ว

ระนอง ไม่ไปไม่ได้แล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ว่ากันตามตรง “ระนอง” คือเมืองรองนอกสายตามาโดยตลอด แต่เมื่อได้ไปสัมผัสกับระนองแบบยาวๆ 3 วัน 2 คืน บอกได้เลยว่าระนองกลายเป็นเมืองหลักที่ขอปักหมุดบอกต่อสายเที่ยวแบบรัวๆ เพราะดีไปทุกอย่างจนต้องตั้งเป้าจะกลับไปซ้ำอีกรอบ ด้วยความที่ทุกมุมของจังหวัดนี้ชวนให้ตกหลุมรักได้ตลอดเวลา

รักแรกที่ระนองสำหรับเราคือความเขียวชอุ่มของต้นไม้ใบหญ้า ด้วยความที่จังหวัดนี้เป็นเมืองฝนแปด แดดสี่ คือมีฝนตกชุกมากกว่ามีแดด ทำให้ทั่วทั้งเมืองไม่ว่าจะเป็นภูเขา ทุ่งหญ้า หรือต้นไม้ดูสดชื่นตลอดเวลา

รักที่สองคือ “เกาะพยาม” เกาะนี้เคยได้ยินชื่อมานานกับความสวยงามที่ติดอันดับว่าควรไปให้ได้สักครั้งในชีวิต ตอนแรกก็คิดไว้ว่าคงไม่ขนาดนั้น แต่พอไปถึงได้เห็นของจริงบอกเลยว่าสวยกว่าที่คิด มีทั้งน้ำทะเลให้เล่น น้ำจืดให้ลอยคอ เส้นทางเดินป่าให้ได้ศึกษาธรรมชาติ และที่ถือเป็นไฮไลท์ชวนให้ตกหลุมรักมากขึ้นไปอีกคือมุมดูพระอาทิตย์ตกที่ไม่เหมือนที่ไหนกับการมองผ่านหินทะลุ ซึ่งเกิดจากการปั้นแต่งจากธรรมชาติที่มาเกื้อหนุนกันทำให้บรรยากาศตรงหน้าโรแมนติกขึ้นกว่าเดิม

การเดินทางไปเกาะพยามแนะนำให้ลงเรือที่ท่าเรือเทียบเทศบาลตำบลปากน้ำ จะมีเรือเมล์และสปีดโบ้ตให้เลือกตามงบประมาณในกระเป๋า

รักที่สามคือตัวเมืองระนองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ อาหารอร่อย และเรื่องราวทางวัฒนธรรมมากมาย โดยเฉพาะกับ “จวนเจ้าเมืองระนอง” บ้านเจ้าเมืองคนแรกของระนอง พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดีที่ถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ทางขนบประเพณีอย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อไปถึงจะได้เห็นศาลบรรพบุรุษพร้อมด้วยเครื่องบูชาตามประเพณีอย่างครบถ้วน ภายในบ้านตกแต่งตามแบบฉบับของชนชั้นขุนนางยุคก่อน มีเก้าอี้และโต๊ะไม้แกะฝังมุก 4 ชุด ใช้รับรองแขกกลางห้อง อีกทั้งยังมีอาวุธโบราณ หีบเหล็ก แจกกันประดับขนนกยูง โคมไฟแบบเดียวกับที่ใช้ที่พระที่นั่งรัตนรังสรรค์ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานคำจารึกเกียรติประวัติของพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดีไว้ด้วย

รักที่สี่อยู่ที่ “ภูเขาหญ้า” จุดนี้บอกเลยว่าสายเที่ยวแบบฮิปสเตอร์ที่อยากได้รูปสวยต้องมา! เพราะมุมไหนก็สวยไปหมดกับเนินเขาเล็กๆ ที่ในฤดูฝนจะมีหญ้าสีเขียวขึ้นปกคลุมตลอดแนวเขา ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นทุ่งหญ้าสีทองในช่วงฤดูแล้งตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน  

 

รักที่ห้ามอบให้แด่ “ศูนย์วิจัยป่าชายเลนระนอง” กับความอุดมสมบูรณ์ในทุกตารางเมตร ที่นี่มีพันธุ์ไม้หายากอยู่หลายชนิด มีต้นโกงกางอายุมากกว่า 200 ปีซึ่งถือเป็นต้นเดียวในประเทศไทย และมีต้นตะปูนดำยักษ์อายุมากกว่า 300 ปีที่เป็นแหล่งพักพิงของสัตว์ป่าชายเลนหาดูยากส่งผลให้ป่าชายเลนแห่งนี้จึงได้รับยกย่องให้เป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยและของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค จนองค์การยูเนสโกต้องประกาศให้พื้นที่บางส่วนของป่าชายเลนในระนองเป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑล

รักที่หกขอยกให้กับ “บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน” ถือเป็นหนึ่งในที่เที่ยวตามคำขวัญของจังหวัดที่เด็ดสมชื่อ บ่อน้ำร้อนแห่งนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีอุณหภูมิสูงประมาณ 65 องศาเซลเซียส มีคุณสมบัติพิเศษคือปราศจากกลิ่นกำมะถันและอุดมไปด้วยแร่ธาตุมากมายจึงได้รับยกย่องให้เป็นน้ำแร่คุณภาพดีอันดับต้นๆ ของโลก ทำให้คนนิยมที่จะไปแช่เท้าแช่ตัวกันแบบสบาย ๆ 

น้ำแร่ที่นี่นอกจากจะมีประโยชน์ต่อการบำบัดรักษาสุขภาพหลายอย่าง อาทิ ช่วยขยายหลอดเลือด ช่วยผ่อนคลายอาการปวดเมื่อย ช่วยบำรุงผิวพรรณ และช่วยในการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย ยังมีอีกหนึ่งทีเด็ดที่คนท้องถิ่นนิยมกันมาต้มไข่ออนเซ็นที่สุกกำลังดีรับประทานกัน

และรักที่สุดคือ “มิตรภาพ” ของคนในจังหวัดระนองที่พร้อมช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และมีรอยยิ้มแบ่งปันให้คนต่างถิ่นอย่างเราอยู่เสมอ

(Advertorial)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook