รัฐบาลห่วงม็อบทำโควิด-19 พุ่ง ของดชุมนุม ชี้ผิดกฎหมาย

รัฐบาลห่วงม็อบทำโควิด-19 พุ่ง ของดชุมนุม ชี้ผิดกฎหมาย

รัฐบาลห่วงม็อบทำโควิด-19 พุ่ง ของดชุมนุม ชี้ผิดกฎหมาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รัฐบาลขอความร่วมมือหลีกเลี่ยงการรวมตัวกัน ป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะเร่งมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบระลอกใหม่

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องด้วยขณะนี้ยังมีความจำเป็นในการใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ เพื่อควบคุมโรคระบาดอยู่ ดังนั้นรัฐบาลจึงขอความร่วมมือให้ประชาชนได้หลีกเลี่ยงการรวมตัวกันโดยเฉพาะการชุมนุมทางการเมืองในช่วงเวลานี้ ซึ่งรัฐบาลขอขอบคุณประชาชนส่วนใหญ่ที่ได้ให้ความสำคัญเรื่องการร่วมมือกันป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างดียิ่ง

นอกจากนี้รัฐบาลก็กำลังเร่งพิจารณามาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่นี้ รวมถึงการเร่งเตรียมการในเรื่องการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในขั้นต่อไป ดังนั้น รัฐบาลจึงไม่อยากเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นจากเหตุของการรวมตัวกันเพื่อชุมนุมทางการเมืองในช่วงนี้ จึงขอความร่วมมือประชาชนปฎิบัติตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง และขอความร่วมมือสื่อมวลชนได้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงความจำเป็นในการหลีกเลี่ยงการรวมตัวกันด้วยอีกทางหนึ่ง

“บิ๊กตู่” ยกโมเดล BCG เป็นวาระแห่งชาติ

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เป็นประธานในการประชุมเพื่อพิจารณาแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. 2564-2569 เป็นรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจที่พัฒนาต่อยอดจากจุดแข็งของประเทศไทย คือ ความหลากหลายทางชีวภาพ และความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทั้งนี้ ที่ประชุมฯได้เห็นชอบกรอบแผนยุทธศาสตร์โมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. 2564-2569 ยกเป็น “วาระแห่งชาติ” สำหรับการดำเนินวิถีชีวิตใหม่หลังการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 (Post COVID-19 Strategy) พร้อมให้นำแผนยุทธศาสตร์ฯ ฉบับนี้เป็นกรอบการทำงานของงบประมาณปี 2565

โดยโมเดลเศรษฐกิจ BCG มีศักยภาพเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เป็น 4.4 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 24 ของ GDP ในอีก 6 ปีข้างหน้า และการรักษาฐานทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพให้สมดุลระหว่างการมีอยู่และใช้ไปเพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ BCG Model คือ เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ความท้าทายสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจไทยในทศวรรษหน้า คือ ความผันผวนทางเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การระบาดของโรคอุบัติใหม่และอุบัติซ้ำ การแปรปรวนของภาพภูมิอากาศ รวมถึงการลดลงของทรัพยากร ด้วยเหตุนี้การพัฒนาและขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะสามารถสร้างการพัฒนาอย่างสมดุลมากขึ้น ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และยังเปลี่ยนแรงกดดันหรือข้อจำกัดเป็นพลังในการขับเคลื่อน เพื่อให้เกิดการเร่งรัดพัฒนาความสามารถในการฟื้นตัว และการสร้างภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงจากภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาอันรวดเร็ว

นายกฯ ห่วงใยประชาชนในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง

เนื่องด้วยพยากรณ์อากาศในช่วงวันที่ 17 – 19 ม.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นลง และมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลงตั้งแต่ 2 ถึง 3 องศาเซลเซียส ในภาคเหนือภาคกลาง ภาคตะวันออก กรุงเทพฯและปริมณฑล ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะลดลง 4 ถึง 6 องศาเซลเซียส

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แสดงความห่วงใย โดยขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง และหากพื้นที่ใดมีความจำเป็นที่จะต้องก่อไฟเพื่อช่วยให้อุ่นขึ้น ก็ขอให้ดูแลระมัดระวังในเรื่องอัคคีภัยด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook