คลังจ่อเพิ่มปุ่ม "สละสิทธิ" ในเว็บไซต์เราไม่ทิ้งกัน.com หลังพบคนขาดคุณสมบัติเพียบ

คลังจ่อเพิ่มปุ่ม "สละสิทธิ" ในเว็บไซต์เราไม่ทิ้งกัน.com หลังพบคนขาดคุณสมบัติเพียบ

คลังจ่อเพิ่มปุ่ม "สละสิทธิ" ในเว็บไซต์เราไม่ทิ้งกัน.com หลังพบคนขาดคุณสมบัติเพียบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 25 เม.ย. 2563 เวลาประมาณ 09.00 น. เว็บไซต์ เราไม่ทิ้งกัน จะมีปุ่มเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งปุ่ม ซึ่งจะเป็นแถบสีชมพู เพื่อให้ผู้ที่ลงทะเบียนทบทวนสิทธิที่ผ่านมา ได้มีโอกาสขอสละสิทธิจากมาตรการเยียวยาดังกล่าว

หลังจากที่ "ทีมพิทักษ์สิทธิ" กว่า 1.7 หมื่นคน ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ เพื่อเปิดทางให้ผู้ที่ขาดคุณสมบัติ ซึ่งกระทรวงการคลังจะทำการตรวจสอบกลุ่มที่ได้รับเงินเยียวยาไปแล้วจำนวนหลายแสนคน คาดว่าน่าจะขาดคุณสมบัติการรับเงินเยียวยาเช่นกัน

รวมไปถึงกลุ่มพนักงานรัฐวิสาหกิจอีกจำนวนหนึ่ง ที่มาลงทะเบียนและได้รับเงิน 5,000 บาทไปแล้ว โดยกลุ่มดังกล่าวต้องคืนเงินให้กับกระทรวงการคลัง ผ่านปุ่มขอสละสิทธิมาตรการเยียวยาด้วยเช่นกัน ซึ่งขณะนี้ได้ทำการชี้แจงรายละเอียดกับรัฐวิสาหกิจทุกแห่งแล้วว่าหากใครได้รับสิทธิตามมาตรการให้มาทำการสละสิทธิ

"กลุ่มพนักงานรัฐวิสาหกิจที่ได้รับสิทธิตามมาตรการ เนื่องจากตอนลงทะเบียนว่าประกอบอาชีพอิสระ ค้าขาย ซึ่งมีการประกอบอาชีพดังกล่าวจริง แต่ก็มีอาชีพพนักงานรัฐวิสาหกิจอยู่ ซึ่งตามหลักเกณฑ์ไม่ได้" นายลวรณ กล่าว

นายลวรณ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีผู้ที่ได้เงินเยียวยาและเกิดเสียชีวิต ซึ่งทายาทมีการติดต่อเข้ามาเพื่อขอคืนเงินดังกล่าว ก็สามารถมาใช้ปุ่มขอสละสิทธิมาตรการเยียวยาได้ โดยเข้าไปกรอกรายละเอียด ซึ่งจะมีขั้นตอนการคืนเงินที่ได้รับไปแล้วด้วย ถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมอย่างมาก

ส่วนความคืบหน้าการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ได้รับสิทธิอีก 7 แสนคน รวมกับของเดิมที่จ่ายไปแล้ว 4.2 ล้านคน เป็น 4.9 ล้านคน เชื่อว่าตั้งแต่สัปดาห์หน้าจะจ่ายเงินได้รวดเร็วมากขึ้น เฉลี่ยวันละ 7 แสนคน จากเดิม 2-3 แสนคนต่อวัน โดยตั้งแต่วันที่ 27-28 เม.ย.นี้ จะสามารถจ่ายเงินให้กับผู้ที่ได้สิทธิทั้งสิ้น 1.5 ล้านคน ซึ่งมาจากทุกกลุ่ม ทั้งผู้ที่ผ่านเกณฑ์จริงๆ ผู้ที่ขอข้อมูลเพิ่มและผ่านเกณฑ์ รวมถึงผู้ที่ขอทบทวนสิทธิด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook