ดีเอสไอยึดทรัพย์แชร์ Forex 3D กว่า 740 ล้าน ยังไม่ออกหมายจับใคร

ดีเอสไอยึดทรัพย์แชร์ Forex 3D กว่า 740 ล้าน ยังไม่ออกหมายจับใคร

ดีเอสไอยึดทรัพย์แชร์ Forex 3D กว่า 740 ล้าน ยังไม่ออกหมายจับใคร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ดีเอสไอได้เข้ายึดรถยนต์หรู 7 คัน เอี่ยวคดีแชร์ Forex 3D รวมมูลค่ากว่า 43 ล้านบาท อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับผู้ต้องหา ขณะที่มีเหยื่อกว่าหมื่นราย

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตรวจสอบรถยนต์หรูจำนวน 7 คัน รวมมูลค่ากว่า 43 ล้านบาท หลังถูกเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ทำการยึดอายัดมาตรวจสอบ หลังจากตรวจพบว่าอยู่ในความครอบครองของผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงที่กระทำความผิดในคดีแชร์ ฟอร์เร็กซ์ทรีดี ซึ่งคดีนี้ ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษไว้สอบสวนแล้ว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า การตรวจยึดทรัพย์สินครั้งนี้เป็นการยึดทรัพย์ครั้งที่ 3 แล้ว โดย 2 ครั้งก่อนหน้านี้ยึดทรัพย์มาได้แล้วกว่า 700 ล้านบาท รวมขณะนี้ยึดทรัพย์สินมาได้แล้วกว่า 743 ล้านบาท

นายสมศักดิ์ ยืนยันว่า ทรัพย์สินที่ยึดมาได้นั้น เชื่อว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดของผู้ที่เกี่ยวข้องในคดี แต่ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหา ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายเรียก หรือหมายจับกับบุคคลใด

สำหรับผู้เสียหายในคดีลงทะเบียนกับดีเอสไอแล้ว 11,565 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 1,585 ล้านบาท แต่ปัจจุบันมีผู้เสียหายมาให้ปากคำแล้ว 1,739 คน และจะสิ้นสุดการให้ปากคำในวันที่ 25 ธันวาคมนี้ ซึ่งหากไม่มีผู้มาแสดงตัวให้ปากคำอีก ดีเอสไอจะปิดรับผู้เสียหายไว้เท่านี้ก่อน เพื่อที่จะดำเนินการในขั้นต่อไป และเฉลี่ยทรัพย์สินที่ยึดมาได้ให้กับผู้เสียหายก่อน

นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ คาดว่าภายในวันที่ 25 ธันวาคมนี้ จะมีผู้เสียหายมาพบเจ้าหน้าที่รวมแล้วกว่า 3,000 คน และจะสามารถยึดทรัพย์ได้อีกรวมกว่า 1,500 ล้านบาท ส่วนผู้เสียหายที่เหลือสามารถไปยื่นแจ้งความเสียหายได้ที่สำนักงาน ปปง. ได้ต่อ เพราะดีเอสไอต้องสรุปสำนวนส่งดำเนินคดีแล้ว

สำหรับปฏิบัติการตรวจค้นและยึดทรัพย์เป็นครั้งที่ 3 โดยที่ผ่านมา ได้มีการดำเนินการยึดทรัพย์ มาแล้วจำนวน 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 เป็นการเข้าตรวจค้นและยึดทรัพย์เป้าหมายจำนวน 11 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยยึดอายัดทรัพย์มูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท (ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562) ครั้งที่ 2 เป็นการเข้าตรวจค้นและยึดทรัพย์เป้าหมายจำนวน 4 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยยึดอายัดทรัพย์มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท (ในวันที่ 4 ธันวาคม 2562) รวมมูลค่าในการยึดอายัดทรัพย์ทั้งสิ้น ขณะนี้รวมประมาณ 743 ล้านบาท

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook