โรงพยาบาลดังชี้แจง ดราม่าครูสาวป่วย 10 วันตาย อ้างหมอวินิจฉัยโรคผิด

โรงพยาบาลดังชี้แจง ดราม่าครูสาวป่วย 10 วันตาย อ้างหมอวินิจฉัยโรคผิด

โรงพยาบาลดังชี้แจง ดราม่าครูสาวป่วย 10 วันตาย อ้างหมอวินิจฉัยโรคผิด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร ชี้แจงประเด็นดราม่าครูสาวเสียชีวิต หลังรักษาและหมอบอกว่าเป็นไมเกรน แต่สุดท้ายพบเป็นยื้อหุ้มในสมองอักเสบ เพราะติดเชื้อโรคเมลิออยด์

จากกรณีที่โลกโซเชียลมีเดียได้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องราวของผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Chandra Channary ที่เล่าว่า ครูสาวคนหนึ่งได้ป่วยเป็นไข้ แพทย์วินิจฉัยระบุว่าเป็นโรคไมเกรน และจ่ายยามาให้ ก่อนจะกลับไปหาหมออีกครั้งเพราะมีอาการถ่ายเหลวและเป็นไข้ หมอว่าเป็นโรคท้องเสีย

ต่อมาจึงเปลี่ยนรักษาที่อีกโรงพยาบาล เพื่อขอเจาะเลือดและตรวจโดยละเอียด ก่อนที่แพทย์จะพบว่ามีอาการติดเชื้อไวรัส เมื่อกลับมาพักที่บ้านอาการยังไม่ดีขึ้น กลับทรุดหนักลงไปอีก ทำให้โรงพยาบาลแห่งที่ 3 มารับตัวไปและพบว่าเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ กระทั่งรักษาไม่ทันและเสียชีวิตลงด้วยอายุยังน้อย ตามข่าวที่ได้รายงานไปแล้วนั้น

>> ครูสาวป่วย 10 วัน หมอบอกเป็น "ไมเกรน" สุดท้ายเยื่อหุ้มสมองอักเสบดับ

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (24 ก.พ.) นพ.ณัฐภร ประกอบ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร พร้อมด้วย แพทย์หญิง นิภาพร อรุณวรากรณ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรม ได้แถลงข่าวถึงข้อเท็จจริงกรณีผู้ป่วยชื่อ นางสาวกนกศิลป์ อายุ 26 ปี ที่เสียชีวิตในครั้งนี้

นพ.ณัฐภร ประกอบ เปิดเผยว่า ผู้ป่วยมาโรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร ครั้งแรกในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 16.40 น. ด้วยอาการปวดศีรษะทั่วไป ไม่มีไข้ ตรวจร่างกายไม่พบความผิดปกติ แพทย์ได้ให้ยากลับไปรับประทาน

ต่อมาผู้ป่วยมาโรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร ครั้งที่ 2 ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 13.20 น. ด้วยอาการไข้ ถ่ายเหลว และปวดศีรษะ ตรวจร่างกายไม่พบความผิดปกติ แพทย์ได้ให้ยากลับไปรับประทาน ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562 ทราบว่าผู้ป่วยเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลรวมแพทย์ชัยนาท และได้ตรวจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์สมองไม่พบสิ่งผิดปกติ แพทย์ได้ให้ยากลับไปรับประทาน

news18-1

ผู้ป่วยกลับมาตรวจอีกวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 19.00 น. ที่โรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร ด้วยอาการปวดศีรษะยังไม่หาย ถ้าได้ตรวจอาการทางสมองไม่พบอาการผิดปกติ ผู้ป่วยรู้สึกตัวดีและตรวจไม่พบอาการคอเกร็งแพทย์ได้ฉีดยาแก้ปวด

ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 16.50 น. ผู้ป่วยถูกส่งต่อจากโรงพยาบาลสรรคบุรีด้วยอาการชักเกร็ งประมาณ 1 นาที ผู้ป่วยรู้สึกตัวมีอาการซึมลง ตรวจร่างกายพบอาการคอแข็งเกร็ง และตรวจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ซ้ำ สงสัยว่ามีเยื่อหุ้มสมองอักเสบ จึงส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร

ผู้ป่วยได้นอนรักษาที่โรงพยาบาลชัยนาทนเรนทรได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบและได้ให้การรักษาด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิดโดยให้ยาปฏิชีวนะครอบคลุมเชื้อหลายกลุ่มให้ยากันชักและอื่นๆ รวมทั้งเจาะน้ำไขสันหลังส่งตรวจหาเชื้อ

ต่อมาในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2562 ผู้ป่วยมีอาการแย่ลงจึงได้ส่งเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์สมองซ้ำ และให้ยาเพิ่มความดันโลหิต รวมทั้งยาปฏิชีวนะเพิ่มอีก 1 ตัว ผู้ป่วยอาการไม่ดีขึ้น และได้เสียชีวิตลงในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งผลเพาะเชื้อพบ เชื้อโรคเมลิออยด์ (Meloidiosis) เป็นโรคติดเชื้อจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ที่ปนเปื้อนได้ในน้ำและดิน แพร่กระจายสู่คนผ่านการสัมผัสเชื้อโดยตรงหรือโดยการติดต่อจากสัตว์ที่ติดเชื้อ เป็นโรคที่มีอัตราการเสียชีวิตค่อนข้างสูง

ส่วนสาเหตุที่เสียชีวิตเกิดจากความรุนแรงของ โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งทำให้สมองบวมอย่างมากและความรุนแรงของเชื้อโรคทำให้ระบบหายใจ ระบบหัวใจล้มเหลวและเสียชีวิตในที่สุด ตลอดระยะเวลาที่นอนรักษาที่โรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร แพทย์และพยาบาลได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคความรุนแรงของโรคทุกครั้งที่มีอาการเปลี่ยนแปลงรวมทั้งแผนการรักษาแก่ญาติผู้ป่วย ตลอดจนกระทั่งผู้ป่วยเสียชีวิตก็ได้อธิบายถึงสาเหตุของการเสียชีวิตแก่ญาติผู้ป่วยให้ทราบโดยละเอียด

ทางด้าน แพทย์หญิง นิภาพร อรุณวรากรณ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรม หมอผู้รักษาคนไข้ เปิดเผยว่า โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบในความเป็นจริงก็คือ การอักเสบของเยื่อหุ้มสมองและไขสันหลัง เป็นการติดเชื้อและภาวะโรครุนแรงทางการแพทย์ มีโอกาสเสียชีวิตค่อนข้างสูง

ซึ่งภาวะแทรกซ้อนของโรคนี้ เมื่อที่มีการเช้าสมอง การวินิจฉัยจะใช้จากอาการ เป็นไข้ ปวดศรีษะ ซึมลง ร่วมกับการตรวจร่างกายทางระบบประสาท การคอแข็งเกร็ง ในระยะแรกของโรคนี้ มีอาหารเพียงแค่ปวดศรีษะอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งพบในโรคอื่นได้ เหมือนโรคไมเกรน

ในเรื่องของไข้ก็สามารถพบได้ เมื่อมีอาการแสดงแล้วต้องตรวจเอ็กซเรย์เยื่อหุ้มสมอง เจาะน้ำไขกระดูกสันหลัง เพื่อวินิจฉัยยืนยัน ทำการรักษาอย่างใกล้ชิด ในเคสนี้ ช่วงแรกที่มาโรงพยาบาลมารักษาเป็นผู้ป่วยนอก อาการปวดศีรษะ ไม่พบอาการคอแข็งเกร็ง จึงไม่เข้าข่ายโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

แต่เมื่ออาการเปลี่ยนแปลง เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เข้ามารักษา เริ่มมีอาการคอแข็งเกร็ง ในผู้ป่วยรายนี้ได้ให้การรักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะที่ครอบคลุมโรค เมื่ออาการเปลี่ยนแปลงของโรค เริ่มรุนแรงขึ้น เพราะมีอาการสมองบวม เยื่อหุ้มสมองอักเสบ อาจมีอาการชัก หายใจไม่ไหว ถึงขั้นเสียชีวิตได้

ทั้งนี้ กระบวนการต่างๆ ทางโรงพยาบาลได้ดูแลใกล้ชิดอย่างเต็ม ที่ในห้อง ICU มีการแจ้งผลการตรวจต่างๆ ตามลำดับ การสรุปสาเหตุการเสียชีวิต ทางทีมแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบลุกลาม จนสมองบวมเป็นที่มาของการติดเชื้อในกระแสเลือด ช็อก จนเสียชีวิตในที่สุด

ทางทีมก็มีความตั้งใจและดูแลรักษาอย่างเต็มที่ ด้วยความรุนแรงของโรคจึงไม่สามารถหยุดยั้งการเสียชีวิตของผู้ป่วยรายนี้ได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook