รกพันคอลูกตายคาท้อง แม่สะอื้นนอนเจ็บเจียนตาย ตะโกนเรียกแล้วแต่พยาบาลนอนเฉย

รกพันคอลูกตายคาท้อง แม่สะอื้นนอนเจ็บเจียนตาย ตะโกนเรียกแล้วแต่พยาบาลนอนเฉย

รกพันคอลูกตายคาท้อง แม่สะอื้นนอนเจ็บเจียนตาย ตะโกนเรียกแล้วแต่พยาบาลนอนเฉย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พ่อ-แม่ อุ้มกรอบรูปถ่ายของลูกชายที่อยู่ในครรภ์ 9 เดือน ร้องสื่อผ่าน หลังเจ็บท้องรอคลอด เห็นลูกดิ้นผิดปกติจึงเรียกพยาบาลที่ดูแลนอนอยู่ตรงข้าม แต่กลับไม่ลุกมาดูได้แต่ตะโกนบอกข้ามเตียง สุดท้ายรกพันคอลูกตายในท้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (6 ธ.ค.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากคุณพ่อคุณแม่คู่หนึ่ง ที่ใช้เวลาในการอุ้มท้องลูกน้อยมา 9 เดือน อีกไม่กี่ชั่วโมงจะได้เห็นหน้าลูกชาย เพื่อต้อนรับสู่ครอบครัว ท้ายที่สุดเหมือนสวรรค์กลั่นแกล้งกลับต้องเสียน้ำตาและทำใจไม่ได้ เมื่อได้รับแจ้งว่าลูกน้อยรกพันคอตายในท้อง

ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปยังบ้านของผู้เสียหายเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง อยู่ภายในหมู่ที่ 9 ตำบลทุ่งหลวง อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี พบกับ น.ส.ปริชาติ อายุ 41 ปี และนายวิเชียร อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นพ่อแม่ของ ด.ช.อภิวัฒน์ เด็กน้อยในครรภ์ 9 เดือน ที่เสียชีวิตตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลก ที่ยังคงอยู่ในอาการโศกเศร้า หลังเพิ่งทำพิธีฌาปนกิจศพลูกชายได้เพียงวันเดียว

น.ส.ปริชาติ ผู้เป็นมารดา เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้ตนยังคงอยู่ในสภาพความเสียใจเหมือนใจแทบขาดสลาย แม้ก่อนหน้านี้ตนเองจะเคยมีลูกมีครอบครัวมาแล้ว แต่พอมาเริ่มต้นใหม่กับนายวิเชียร ผู้เป็นสามี ลูกคนนี้ถือเป็นลูกชายคนแรกที่เป็นความหวังของครอบครัว

ช่วงตั้งครรภ์ตนก็คอยดูแลประคบประหงมอย่างดี ไปตรวจสม่ำเสมอ ไม่เคยพบความผิดปกติใดๆ จนกระทั่งหมอแจ้งว่าลูกเป็นเพศชาย สุขภาพแข็งแรง สามารถคลอดได้แล้ว เมื่อเจ็บท้องเดินทางเข้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในอำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี และอีกไม่กี่ชั่วโมงจะได้เห็นหน้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนนี้แล้ว

"ขอให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ พยาบาลหรือหมอควรเลือกที่มีจรรยาบรรณ ไม่ว่าจะยากดีหรือมีจนควรที่จะตระหนักให้มากกว่านี้ ดูแลคนไข้ตามวิชาชีพของตนเอง ตะโกนเรียกเพราะเด็กมีอาการผิดปกติ แต่ไม่กลับไม่ลุกมาดูเด็ก ได้แต่ตะโกนบอกจนเด็กค่อยๆ หมดลมหายใจตายในท้องในที่สุด" น.ส.ปริชาติ กล่าว

น.ส.ปริชาติ เล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้นว่า เมื่อเช้าของวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 09.00 น. จู่ๆ ก็ปวดท้อง จึงรีบพามาโรงพยาบาล พยาบาลห้องคลอดเวรเช้าบอกว่าปากมดลูกเปิดไม่เยอะ แต่ตนเองรู้สึกเจ็บท้องถี่มากขึ้น ทุก 15 – 20 นาที โดยที่พยาบาลก็เข้ามาตรวจ และบอกว่าปากมดลูกยังเปิดไม่เยอะต้องทำเป็นขั้นเป็นตอน

รอจนถึง ตี 3 ซึ่งตนเองก็รู้สึกว่าเจ็บท้องมากขึ้นน้ำเริ่มเดินแล้ว ซึ่งลูกก็ยังปกติ ดิ้นดี จนตี 4 ตนรู้สึกน้ำเดินมากขึ้นและเริ่มมีความรู้สึกผิดปกติของลูกที่ดิ้นแรงมากขึ้น และท้องเกร็งแข็ง ก่อนจะค่อยๆ เงียบลง ตนก็ได้ตะโกนบอกพยาบาล ซึ่งตนจะเรียกพยาบาลคนนี้ว่าหมอ"หมอหนูเจ็บมากแล้วนะหนูไม่ไหวแล้วนะ ส่งตัวหนูไปโรงพยาบาลราชบุรีที"

ซึ่งพยาบาลคนดังกล่าวก็ตอบกลับมาว่า"ใบส่งตัวไม่ได้กันมาง่ายๆ หรอก เพราะโรงพยาบาลราชบุรีไม่ได้รับคนง่ายๆ และนี่มันก็ดึกแล้ว" และทีนี้ตนก็เลยบอกว่า"หนูเจ็บไม่ไหวแล้วนะ"

ก่อนที่พยาบาลคนดังกล่าวพูดกับตนเองว่า “ทำยังไงได้ก็ต้องทนเอาสิ” ซึ่งก็นอนพูดอยู่กับเตียงที่เขานอนอยู่ ซึ่งก็อยู่ตรงข้ามกับเตียงของตนเอง พอมาจนถึงเวลา 05.00 น. พยาบาลคนดังกล่าวได้เดินเข้ามาตรวจดูปรากฏว่าเด็กไม่หายใจ พยาบาลจึงรีบไปตามหมอเข้ามาดู เมื่อแพทย์เข้ามาและอัลตราซาวด์ดูพบว่าเด็กไม่หายใจแล้ว

จนเวลา 06.00 น. หมอได้ตามให้สามีเข้ามาและแจ้งว่าเด็กเสียชีวิตแล้วในครรภ์ ตนจึงถามหมอกลับไปว่า “ทำไมตอนตี 4 ตนเจ็บท้องหนักทำไมไม่ส่งไปที่โรงพยาบาลราชบุรี ทำไมไม่ลุกขึ้นมา ทำไมไม่ช่วยหนู แล้วเอาแต่นอน ห่วงนอนทำไม” ตนก็ว่าตามนี้ จนกระทั่งนำศพกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านและเวลาเพียงแค่ 3 คืน ก่อนจะมีพิธีฌาปนกิจศพเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.61

น.ส.ปริชาติ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องมามีหัวหน้าพยาบาลมากัน 3-4 คน มาช่วยเงินสดในการทำศพ 5 พันบาท โดยการมาเป็นเจ้าศพ ส่วนในวันเผา ไม่มีใครมาเลย โดยเฉพาะพยาบาลที่ทำให้น้องตายไปก็ไม่มา ตรงนี้ตนเองก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร เพียงแต่อยากออกมาเตือนเป็นอุทาหรณ์ ตนและสามีรู้สึกเหมือนชีวิตพังทลาย พูดไม่ออกทุกครั้งที่เห็นรูปก็เจอภาพเจ็บปวด

เมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามทาง นายวิเชียร ผู้เป็นสามีของน.ส.ปริชาติ ยอมรับว่าตนเห่อมาก กะว่าจะตั้งชื่อลูกชายว่า "น้องโฮม" ชื่อจริงว่า "อภิวัฒน์"  ไม่นึกว่าจะไม่มีโอกาสแม้แต่ได้เรียกชื่อลูก ตอนนี้พูดไม่ออกได้แต่เครียด “แทนที่จะได้อุ้มลูก ต้องมาอุ้มโลงศพลูกแทน”

หลังจัดงานศพให้ลูกชาย ข้าวของที่เตรียมจะรับขวัญลูก ก็บริจาคให้กับคนอื่น เพื่อที่จะทำบุญให้กับดวงวิญญาณของลูก และไม่อยากจะเก็บไว้ให้สะเทือนใจ

ทั้งนี้ ครอบครัวของเด็กน้อยผู้เสียชีวิตกำลังรอการดำเนินการตามสิทธิ์ ที่ทางโรงพยาบาลดำเนินการให้ คือ มาตรา 41 การยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น กรณีผู้รับบริการได้รับความเสียหาย จากการเข้ารับบริการ (มาตรา 41) พรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545

ซึ่งเกณฑ์การพิจารณาเงินช่วยเหลือ (1) เสียชีวิตหรือทุพพลภาพอย่างถาวร ตั้งแต่ 240,000 ไม่เกิน 400,000 บาท (2) สูญเสียอวัยวะหรือพิการ ตั้งแต่ 100,000 ไม่เกิน 240,000 บาท (3) บาดเจ็บหรือเจ็บป่วยต่อเนื่อง ไม่เกิน 100,000 บาท

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook