นักท่องเที่ยวผงะ! ขึ้นชมวิว "เขาพริก" เจอศพชายนิรนามผูกคอตายบนยอดเขา

นักท่องเที่ยวผงะ! ขึ้นชมวิว "เขาพริก" เจอศพชายนิรนามผูกคอตายบนยอดเขา

นักท่องเที่ยวผงะ! ขึ้นชมวิว "เขาพริก" เจอศพชายนิรนามผูกคอตายบนยอดเขา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันที่ 19 สิงหาคม 2561 พ.ต.ต.พนม สิงหเศรษฐกิจ พนักงานสอบสวน สภ.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งจาก 191 จ.นครราชสีมา ว่ามีพลเมืองดีพบศพคนผูกคอเสียชีวิตบนยอดเขาพริก ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยพรหมธรรมสีคิ้ว

ที่รับแจ้งเหตุอยู่บนจุดชมวิวยอดเขาพริกของสำนักสงฆ์เขาพริก ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ซึ่งมีความสูงจากพื้นดินถึงยอดเขา 1,500 เมตร พนักงานสอบสวน และชุดสืบสวน สภ.คลองไผ่ และหน่วยกู้ภัยพรหมธรรมสีคิ้ว ต้องเดินทางลัดเลาะทางที่คดเคี้ยวและแคบมากต้องใช้เวลาเดินทางเกือบ 1 ชั่วโมง

เมื่อไปถึงบนยอดเขาเป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดของสำนักสงฆ์เขาพริก พบศพชายไม่ทราบสัญชาติสวมชุดวอร์มสีแดง ผูกคอด้วยเชือกไนลอนสีเขียว ห้อยตัวอยู่ใต้ต้นไม้ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 วัน ลักษณะศพเริ่มเน่าเปื่อย

พนักงานสอบสวนจึงได้ให้หน่วยกู้ภัยพรหมธรรมสีคิ้วนำศพผู้เสียชีวิตลงมา เพื่อตรวจสอบหาหลักฐานว่าผู้ตายเป็นใคร จากการตรวจสอบร่องรอยรอบๆ ที่เกิดเหตุ ไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือหลักฐานอื่นๆ ในตัว

พนักงานสอบสวนได้สอบถามคนที่ขึ้นมาเจอศพเป็นคนแรก คือนายสมจิตร มิ่งจันทึก โดยได้บอกกับร้อยเวรว่า ตั้งใจขึ้นมาเที่ยวเขาพริก เพื่อมาชมบรรยากาศและวิวทิวทัศน์บนยอดเขาที่สูงถึง 1,500 เมตร ซึ่งสามารถมองเห็นเขื่อนลำตะคองและอำเภอสีคิ้วได้ทั้งเมือง

เมื่อเดินขึ้นมาบนยอดเขาก็ได้นั่งพักเหนื่อยสักพัก และสายตาเหลือบไปมองเห็นอะไรบางอย่างสีแดงๆ ห้อยอยู่ใต้ต้นไม้ จึงเดินไปดูใกล้ๆ แล้วก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อพบว่าเป็นคนผูกคอเสียชีวิต จึงรีบลงจากเขามาบอกพระสงฆ์และคนที่ขึ้นมาทำบุญที่อยู่ในศาลาปฏิบัติธรรมกลางเขา พร้อมกับได้โทรแจ้ง 191 และหน่วยกู้ภัยให้มาช่วยนำศพลงมา

ทั้งนี้พนักงานสอบสวนได้ถามพระสงฆ์และคนที่มาทำบุญว่ารู้จักผู้เสียชีวิตและเคยเห็นหรือไม่ แต่ไม่มีใครรู้จัก พนักงานสอบสวน สภ.คลองไผ่ จึงได้นำศพไปชันสูตรที่ รพ.สีคิ้ว พร้อมกับประสานหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อประกาศแจ้งหากพบว่ามีผู้สูญหาย รวมทั้งจะได้ทำการสืบสวนหาเบาะแสผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook