ไม่ทันดูใจ "ผอ.กศน." เปิดโรงแรมนอนรอกลับบ้านพร้อมเมีย พบอีกทีเป็นศพคาเตียง

ไม่ทันดูใจ "ผอ.กศน." เปิดโรงแรมนอนรอกลับบ้านพร้อมเมีย พบอีกทีเป็นศพคาเตียง

ไม่ทันดูใจ "ผอ.กศน." เปิดโรงแรมนอนรอกลับบ้านพร้อมเมีย พบอีกทีเป็นศพคาเตียง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อากาศร้อนจัดอดีต ผอ.กศน.ดับคาเตียงโรงแรม หลังเปิดห้องพักรอภรรยากลับจากทัศนศึกษา ตำรวจคาดโรคประจำตัวกำเริบ ประกอบอากาศร้อน

(13 พ.ค.) เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอ่างทอง ได้รับแจ้งพบผู้เสียชีวิตภายในห้องพักเลขที่ 201 โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.อ่างทอง จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยวีอาร์อ่างทอง เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดอ่างทอง แพทย์โรงพยาบาลอ่างทองและเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยวีอาร์อ่างทอง เมื่อไปถึงบริเวณห้องพักชั้นสอง พบร่างผู้เสียชีวิตนอนอยู่บนเตียงภายในห้องพัก ทราบชื่อภายหลังคือ นายสมภพ อายุ 63 ปี อดีตผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดอ่างทอง ใส่กางเกงขาสั้นสีดำ เสื้อสีดำ บริเวณปลายเตียงพบกระเป๋าสองใบวางอยู่ ภายในห้องไม่มีร่องรอยการต่อสู้หรือรื้อค้นสิ่งของแต่อย่างใด จึงให้เจ้าหน้าที่วิทยาการเข้าเก็บพยานหลักฐาน พร้อมประสานแพทย์เข้าตรวจชันสูตรพลิกศพ

จากการสอบสวน นางณัฐกาญจน์ อายุ 59 ปี แม่บ้านของโรงแรมทราบว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาประมาณ 21.00 น.นายสมภพได้เข้ามาพักในโรงแรมโดยเปิดห้องชั้น 2 ซึ่งหลังจากพาขึ้นมาบนห้องสังเกตเห็นว่านายสมภพมีอาการเหนื่อยหอบแต่ตนก็ไม่ได้สอบถามอะไร จนกระทั่งช่วงบ่ายวันนี้ซึ่งต้องเช็คเอาท์ห้อง จึงขึ้นไปเรียกก็ปรากฏว่าพบนายสมภพนอนเสียชีวิตอยู่ภายในห้องแล้ว จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ

ขณะที่ญาติของนายสมภพเปิดเผยว่า เมื่อวานที่ผ่านมานายสมภพกลับจากไปเยี่ยมบ้านที่กรุงเทพ และจะเดินทางกลับเข้ามาที่บ้าน แต่ว่าภรรยาของนายสมภพไปทัศนศึกษาต่างจังหวัด และกำลังเดินทางกลับในวันนี้ ทำให้นายสมภพมาเปิดห้องพักโรงแรมเพื่อรอเข้าบ้านพร้อมภรรยาของตน แต่น่าจะเกิดโรคประจำตัวกำเริบจนเสียชีวิตเสียก่อน

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้เสียชีวิตซึ่งมีโรคประจำตัวหลายโรคประกอบกับอาจจะเกิดจากอาการเหนื่อยจากการเดินทางและอากาศที่ร้อนจัด จนทำให้เกิดอาการป่วยกำเริบจนเสียชีวิต เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมอบให้ทางเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยวีอาร์อ่างทองนำศพส่งสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook