พ่อแม่ร่ำไห้! ลูกสาวถูกขังในห้องมืดบนเรือ ไม่รู้ชะตากรรม

พ่อแม่ร่ำไห้! ลูกสาวถูกขังในห้องมืดบนเรือ ไม่รู้ชะตากรรม

พ่อแม่ร่ำไห้! ลูกสาวถูกขังในห้องมืดบนเรือ ไม่รู้ชะตากรรม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(26 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่ 3 ต.บ้านยวด อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี หลังได้รับการร้องขอความช่วยเหลือเรื่องลูกสาวหาย คาดว่าจะถูกกักขังในเรือ ไม่รู้ชะตากรรม เมื่อเดินทางไปถึงพบเป็นบ้านชั้นเดียวยกพื้นสูง พบ นางหนูจร อายุ 54 ปี และนายเกษม อายุ 54 ปี สามีภรรยาเจ้าของบ้าน โดยมีนายอากาศ ชัยบุตร นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านยวด และญาติพี่น้องนั่งปรึกษากันอยู่อยู่ใต้ถุนบ้าน

นางหนูจร เล่าว่า ตนและนายเกษม มีอาชีพทำนา และรับจ้างดีดบ้าน มีลูก 2 คน คนแรกเป็นผู้ชายเดินทางไปทำงานเกษตรที่ประเทศเกาหลีใต้กับภรรยา ลูกคนที่ 2 ชื่อ น.ส.นิภาภรณ์ อายุ 25 ปี ยังไม่มีครอบครัวอาศัยอยู่กับพ่อแม่ กำลังเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี เมื่อเดือนตุลาคมได้ไปทำงานโรงงานที่กรุงเทพฯ เพื่อหาเงินมาใช้หนี้กองทุนยืมเรียน

แต่ทำงานได้ 15 วัน ก็เดินทางกลับมาบ้าน และมีนายหน้ามาชวนไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ แบบลักลอบเข้าเมืองโดยเสียค่าดำเนินการ 35,000 บาท ลูกสาวและ น.ส.บุญค้ำ อายุ 38 ปี ญาติซึ่งมีบ้านอยู่ติดกัน ได้ตกลงจะไปทำงานด้วยกัน และออกเดินทางเมื่อต้นเดือนพ.ย. แต่ปรากฏว่าไม่ผ่าน ตม.ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

ลูกสาวและญาติได้กลับไปที่พัก ได้มีนายหน้าคนใหม่มาชวนไปเกาหลีอีก โดยรับปากว่าจะพาไปให้ได้ แต่เสียค่าดำเนินการอีก 20,000 บาท ตนได้โอนเงินไปให้ลูก แต่ก็ไม่ผ่าน ตม.อีก น.ส.บุญค้ำ กลับไปทำงานโรงงานเหมือนเดิม ตนได้โทรศัพท์บอกให้ลูกกลับบ้าน ซึ่งเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 18 พ.ย. น.ส.นิภาภรณ์ โทรศัพท์มาบอกตนว่า ตอนนี้อยู่สนามบินดอนเมือง กำลังนั่งเครื่องบินกลับบ้าน

ตนและญาติได้ขับรถยนต์ไปรับที่สนามบินอุดรธานี แต่ก็ไม่พบลูกสาวกลับมา โทรศัพท์หาก็ไม่สามารถติดต่อได้ เมื่อตรวจสอบรายชื่อผู้โดยสารกับเที่ยวบิน ก็ไม่พบชื่อลูกสาว ตนได้พยายามโทรติดต่อ จนกระทั่งเวลา 21.00 น. ตนโทรศัพท์หาลูกสาวอีกครั้ง แต่ไม่มีคนรับสาย คิดในใจว่าลูกคงไปพักบ้านเพื่อน จึงเดินทางกลับบ้าน

พอเช้าวันที่ 19 พ.ย. ตนโทรศัพท์หาลูกสาวอีก แต่คราวนี้โทรศัพท์ปิดเครื่อง ไม่สามารถติดต่อได้ เมื่อโทรศัพท์สอบถาม น.ส.บุญค้ำ ญาติที่จะเดินทางไปเกาหลีใต้ด้วยกัน ก็บอกว่าหลังจากเดินทางไปทำงานที่เกาหลีใต้ไม่ได้ ก็กลับมาที่พัก เย็นวันที่ 16 พ.ย. น.ส.นิภาภรณ์ บอกว่าจะมีเพื่อนขับรถยนต์มารับ จากนั้นก็แยกกันไม่เห็น น.ส.นิภาภรณ์ อีกเลย นึกว่าเดินทางกลับบ้านแล้ว ตนรอจนครบ 48 ชั่วโมง บ่ายวันที่ 20 พ.ย.จึงไปแจ้งความคนหายที่ สภ.สร้างคอม จ.อุดรธานี

ต่อมาเย็นวันที่ 24 พ.ย. ญาติได้นำกล่องพัสดุไปรษณีย์ส่งมาถึงตน แต่ลงบ้านเลขที่ของญาติ โดยระบุชื่อผู้ส่งว่าคุณเม็ก ไม่มีนามสกุล ต.สระคุ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด รหัสไปรษณีย์ 45130 ซึ่งตนไม่รู้จักผู้ชายคนดังกล่าว เมื่อเปิดกล่องออกมาก็พบถุงก๊อบแก๊ปสีเหลืองมัดปากถุงไว้แน่น ภายในมีสบู่มะละกอ 12 ก้อน จำได้ว่าเป็นสบู่ที่ลูกซื้อไปจากบ้านเพื่อจะนำไปใช้ที่เกาหลีใต้ เมื่อตรวจดูก็พบกระดาษแผ่นเล็กพับอยู่ใต้ก้อนสบู่ จึงหยิบมาคลี่ดู ปรากฏว่าเป็นจดหมาย เขียนด้วยลายมือลูกสาวข้อความว่า

"แม่ นิเขียนจดหมายหาแม่ ไม่รู้จะถึงหรือเปล่า แม่หาทางช่วยนิหน่อย ตอนนี้นิน่าจะอยู่บนเรืออะไรสักอย่าง นิไม่รู้ว่าพวกไหนจับนิมา นิยังไม่ได้ทำอะไรเลย นิจะแอบไปกับของ ที่จะมีคนส่งของ โทรศัพท์เขาก็ไม่ให้นิ เขาเอาของนิไปหมดเลย นิไม่รู้ว่าจดหมายแม่จะได้รับไหม

แต่ตอนนี้เขายังบ่ได้ให้นิทำอะไร อยู่ในห้องมืด แม่ช่วยนิดด้วย เขาพูดภาษาอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน ภาษาจีนประมาณนั้น มีคนไทยมานิมา แล้วก็มีคนไทยอยู่บนนี้ด้วย ถ้าจดหมายถึงแม่ก็ดีไป ถ้าเขาจับได้ก็อาจจะตายไป นิคิดถึงพ่อกับแม่นะ นิไม่รู้ว่าเขาจะเอานิไปทำอะไร ถ้าใครได้รับจดหมายนี้ให้ติดต่อ 088-309XXXX "

และอีกด้านหนึ่งของแผ่นกระดาษ เขียนว่า "แม่ ถ้าหากเขาเอานิไปขายตัว นิก็จะตัดสินใจไป ดีกว่าอยู่แบบนี้ นิก็ยังจะได้ติดต่อแม่กับพ่อ นิจะต้องเอาตัวรอดให้ได้ แม่ต้องรอนินะ แม่ห้ามเป็นอะไรนะ นิจะหาทางกลับบ้านให้ได้ แม่ทำใจดีๆ นิจะหาทางกลับบ้านให้ได้ เดี๋ยวนิจะฝากเขาไป ขอร้องเขา แต่ไม่รู้ว่าเค้าจะช่วยได้แค่ไหน พ่อกับแม่ต้องรอนิ แค่นี้ก่อนนะ แม่เค้าจะไปแล้ว "

นางหนูจร เล่าทั้งน้ำตาว่า หลังได้อ่านจดหมายที่ลูกเขียนมาถึง ก็รู้สึกเป็นห่วงลูกมาก เชื่อว่าลูกสาวถูกหลอกไปทำงาน และจับตัวไว้แน่นอน เช้าวันนี้จึงชวน นายอากาศ ชัยบุตร นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านยวด ไปแจ้งความเพิ่มเติมว่าถูกสาวถูกลักพาตัวและกักขังหน่วงเหนี่ยว พร้อมกับร้องผ่านสื่อให้ช่วยติดตามหาลูกสาวให้ด้วย และขอวิงวอนผู้ที่ลักพาตัวลูกสาวและกักขังตัวไว้ ให้ปล่อยลูกสาวกลับมาหาตน เพราะตนและสามีคิดถึงและห่วงลูกมาก จนไม่เป็นอันกินอันนอน คิดถึงลูกคราวใดก็ได้แต่นั่งร้องไห้ ไม่รู้ว่าลูกจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร

ด้าน นายอากาศ ชัยบุตร นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านยวด เปิดเผยว่า หลังจากนางหนูจร และนายเกษม มาขอความช่วยเหลือเรื่องลูกสาวหาย ก็ได้ดูที่กล่องพัสดุไปรษณีย์ ก็พบว่าส่งมาจากไปรษณีย์มาบตะพุด จ.ระยอง

เมื่อให้ญาติตรวจดูภาพกล้องวงจรปิดผู้ที่นำกล่องพัสดุมาส่ง พบว่าเป็นหญิง ผมสั้น สวมเสื้อเหลือง เป็นผู้ส่ง เมื่อตรวจสอบไปตามที่อยู่ผู้ส่ง พบว่าเป็นที่อยู่ของร้านจำหน่ายกระเบื้องมีชื่อแห่งหนึ่งใน อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งตนได้พยายามติดต่อคนรู้จักใน อ.สุวรรณภูมิ ไปสอบถามคนที่ชื่อ "แม็ก" แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ ของ พ่อแม่ร่ำไห้! ลูกสาวถูกขังในห้องมืดบนเรือ ไม่รู้ชะตากรรม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook