4 เหตุผลที่ทำให้ "Thaitanium" เป็นตำนานวงการฮิปฮอปไทย | Sanook Music

4 เหตุผลที่ทำให้ "Thaitanium" เป็นตำนานวงการฮิปฮอปไทย

4 เหตุผลที่ทำให้ "Thaitanium" เป็นตำนานวงการฮิปฮอปไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลายเป็นข่าวที่สร้างความตกใจให้หลายๆ คนเมื่อ Daboyway (เวย์-ปริญญา อินทชัย) ประกาศว่าตัวเองติดไวรัสโคโรนาหลังเล่นคอนเสิร์ตกับวง Thaitanium ช่วงวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมาในขณะที่เพื่อนร่วม ขัน-ขันเงิน เนื้อนวล และ เดย์-จำรัส ทัศนละวาด ได้ทำการกักตัวหลังทราบว่ามีผู้ติดเชื้อมาชมคอนเสิร์ต ซึ่งเหตุการณ์นี้สร้างความตกใจอย่างมาก เพราะ Thaitanium ถือเป็นวงฮิปฮอปแถวหน้า

ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา Thaitanium ได้เป็นศิลปินกลุ่มที่สร้างสีสันให้กับวงการเพลง และเป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินรุ่นใหม่หลายคน และวันนี้ทาง Sanook Music ก็ได้นำเรื่องราวความสำเร็จของ Thaitanium ที่ทำให้พวกเขาเป็นตำนานวงการเพลงไทยมาให้แฟนๆ ได้ชมกัน

Thaitanium และ Big Calo กับดีเจ Buddah

การจุดประกายวงการฮิปฮอปด้วยเพลงฮิปฮอปขนานแท้ 

ก้าวแรกของ Thaitanium นั้น เริ่มขึ้นเมื่อพวกเขาทำเพลงในฐานะสมาชิกกลุ่ม AA Crew ร่วมกับสมาชิกอย่าง โจอี้ บอย (อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต), JRoc เป็นต้น โดยผลงานที่พวกเขาทำในยุคแรกส่วนใหญ่เป็นมีความเป็นฮิปฮอป Old School ที่ได้รับความนิยมในประเทศสหรัฐอเมริกาผสมผสานอยู่ ซึ่งถือความแปลกใหม่ของวงการเพลงไทยในเวลานั้น

หลังจากนั้นไม่นาม 3 สมาชิก Thaitanium ก็ได้ปล่อยอัลบั้มที่ใช้ชื่อว่า Thai Rider และ R.A.S. ที่หลายๆ เพลงจากผลงานชุดนี้มาพร้อมแนวดนตรีที่มาพร้อมกลิ่นอาย Old School ก่อนจะเริ่มเติบโตและทดลองเพลงแนวใหม่ๆ ที่พวกเขาไม่เคยได้ทำมาก่อน  

การที่ Thaitanium ได้กล้าที่จะลองผิดลองถูก และนำเสนอวัฒนธรรมดนตรีที่พวกเขารักได้ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จในฐานะกลุ่มแร็ปเปอร์ที่ทรงอิทธิพล และ ทำให้ศิลปินฮิปฮอปยุคปัจจุบันมีพื้นที่ในการแสดงความสามารถและเล่าเรื่องราวของตัวเองผ่านท่อนแร็ปและผลงานที่พวกเขาทำออกมา เพราะก่อนหน้านั้นวงการฮิปฮอปถือเป็นของใหม่สำหรับผู้ฟังเพลงชาวไทย 

 

ผลงานเพลงฮิตที่ไม่ได้ให้แค่ความสนุกสนาน

ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา Thaitanium ได้มาพร้อมผลงานเพลงที่ประสบความสำเร็จมากมาย ซึ่งผลงานเพลง "นั่นไง", "ยักไหล่", "ทะลึ่ง" และอีกหลายซิงเกิลได้กลายเป็นผลงานที่ได้รับความนิยมในงานปาร์ตี้ และ สถานบันเทิงหลายๆ ที่

นอกจากเพลงจังหวะที่สนุกสนาน แล้ว Thaitanium ยังได้สร้างสรรค์ผลงานเพลงหลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นเพลงรักอย่าง "หลงเลย" เพลงให้กำลังใจอย่าง "สุดขอบฟ้า" ที่ได้ แอ๊ด Carabao (ยืนยง โอภากุล) มาร่วม ซึ่งผลงานเหล่านี้ได้พิสูจน์ว่าพวกเขาสามารถนำดนตรีและการแร็ปที่เป็นเอกลักษณ์ ไปผสมผสานกับแนวดนตรีใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา จนทำให้พวกเขากลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ไม่ใช่แค่กลุ่มคนฟังเพลงฮิปฮอปเพียงอย่างเดียว

การพาวัฒนธรรมฮิปฮอปจากไทยไปสู่สายตาชาวโลก  

เมื่อกลายเป็นที่รู้จักในวงการเพลงไทย สมาชิก Thaitanium ก็ได้เดินหน้าผลงานเพลงให้ชาวต่างชาติให้ฟัง โดยในปีพ.ศ. 2557 พวกเขาได้ปล่อยอัลบั้มเพลงสากลที่ใช้ชื่อเดียวกับวง ซึ่งเพลง "Wake up (Bangkok City)" ก็มีแร็ปเปอร์ระดับโลกอย่าง Snoop Dogg มาร่วมแจม ซึ่งถือเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่ธรรมดาของศิลปินฮิปฮอปไทย

หลังจากที่โกอินเตอร์ในฐานะกลุ่ม สมาชิกอย่าง Daboyway เองก็ได้มีผลงานเพลงสากลของตัวเองออกมาอย่าง "Yeah Yeah Yeah", "Do My Dance" และ “Gangsh!t” ส่วนทางฝั่งของ ขันเงิน และ Twopee Southside (โต้ง-พิทวัส พฤกษกิจ) เองก็ได้ร่วมงานกับโปรดิวเซอร์เนธอแลนด์อย่าง Wolfgang ในโปรเจกต์ Connected ซึ่งเปิดโอกาสให้แฟนๆ ได้ฟังเพลงฮิปฮอปไทยที่มาพร้อมดนตรีจากฝีมือทีมงานระดับนานาชาติ และทำให้ทีมงานฮิปฮอปฝั่งยุโรปได้เห็นความสามารถของเขา >> ขัน Thaitanium - Twopee เปิดโปรเจ็คใหม่ ปล่อยเพลงฮิปฮอปที่คนไทยไม่เคยฟัง

การเดินทางไปนำเสนอผลงานให้แฟนเพลงฮิปฮอปต่างชาตินั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ Thaitanium ก็เป็นศิลปินที่มาพร้อมความสามารถและความกล้าที่จะพรีเซนต์ผลงานของตัวเองให้กับผู้ฟังกลุ่มใหม่ๆ และได้พิสูจน์ให้ศิลปินรุ่นน้องและชาวไทยให้เห็นว่า วงการฮิปฮอปนั้นไร้พรหมแดน และแร็ปเปอร์มีโอกาสที่จะนำเสนอผลงานให้กับเวทีโลก

 

ถ้าไม่มี Thaitanium ก็ไม่มีแร็ปเปอร์ไทยอีกหลายๆ คน

ความสำเร็จและผลงานของ Thaitanium นั้นทำให้พวกเขากลายเป็นแรงบันดาลใจให้แร็ปเปอร์รุ่นใหม่หลายคนทำผลงาน ไม่ว่าจะเป็น Twopee Southside ที่ตัดสินใจเดินไปยื่นเดโม่และขอขึ้นแสดงเปิดเวทีคอนเสิร์ตของวงที่ภูเก็ตร่วมกับเพื่อนอย่าง Freddy V (เฟเดริโก วาสซานโล) หรือแม้แต่ UrboyTJ (จิรายุทธ ผโลประการ) ที่เคยตัดสินใจส่งผลงานของตัวเองไปให้ทางวง Thaitanium ฟังก่อนที่จะได้เข้ามาเป็นสมาชิก 3.2.1

และเมื่อสมาชิกอย่าง ขันเงิน และ เดย์ได้มาเป็นโปรดิวเซอร์รายการ The Rapper และ Show Me The Money Thailand พวกเขาก็ได้มีส่วนร่วมในการคัดเลือกผู้เข้าแข่งขัน และให้คำแนะนำผู้เข้าแข่งขันหลายๆ คนที่กลายเป็นแร็ปเปอร์ดังในยุคปัจจุบันไม่ว่าจะเป็น LazyLoxy (ท็อป-ปฐมภพ พูลกลั่น), OG-ANIC (บิ๊ก-ภูวดิท ศิลาอุดมเดช), Diamond (วรัญญ์ เครือบุตร), Maiyarap (แชมป์-นครินทร์ จรูญวิทยา), NICECNX (ไนซ์-ปิ่นพงศ์ ขุนกัน) และอีกหลายๆ คน 

ตลอดเวลาที่ผ่านมา Thaitanium ได้ชื่อว่าเป็นศิลปินที่ให้การสนับสนุนแร็ปเปอร์รุ่นน้องเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการชวนแร็ปเปอร์อย่าง J$R, YOUNGOHM (โอม-รัธพงศ์ ภูรีสิทธิ์), Young Bong, FIIXD, YOUNGGU ขึ้นแสดง Thaitanium Unbreakable Concert ในฐานะแขกรับเชิญ หรือการชวนศิลปินรุ่นใหม่มาร่วมแจมในผลงาน ซึ่งสิ่งนี้ก็แสดงให้เห็นว่านอกจากการเป็นศิลปินฝีมือเยี่ยม พวกเขาก็เป็นเหมือนพี่ชายของวงการที่พร้อมผลักดันเด็กรุ่นใหม่ให้ประสบความสำเร็จ >> “Thaitanium Unbreakable Concert” การส่งต่อยุคสมัยแห่งฮิปฮอปจากรุ่นสู่รุ่น?

 

ปัจจุบันนี้นอกจากงานวงแล้วสมาชิก Thaitanium เองก็มีโปรเจกต์เดี่ยวจำนวนมาก โดย Daboyway เองก็มีอัลบั้มเดี่ยวและบทบาทการเป็นผู้บริหารค่ายฮิปฮอปอย่าง Def Jam Thailand ด้วย ซึ่งเป็นอีกเครื่องยืนยันว่าเขาคือแร็ปเปอร์

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ ของ 4 เหตุผลที่ทำให้ "Thaitanium" เป็นตำนานวงการฮิปฮอปไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook