เฉลิมฉลองครบ 140 ปี ก่อตั้งแบรนด์ไซโก และครบ 30 ปี ไซโก ประเทศไทย

เฉลิมฉลองครบ 140 ปี ก่อตั้งแบรนด์ไซโก และครบ 30 ปี ไซโก ประเทศไทย

เฉลิมฉลองครบ 140 ปี ก่อตั้งแบรนด์ไซโก และครบ 30 ปี ไซโก ประเทศไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฮิโรยูคิ อะกาชิ กรรมการผู้จัดการ ไซโก ประเทศไทย จัดงาน The Legend Of Time Gala Dinner เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบ 140 ปี ก่อตั้งแบรนด์ไซโก และครบรอบ 30 ปีของ บริษัท ไซโก (ประเทศไทย)ได้จัดเป็นซิทดาวน์ดินเนอร์หรูหราในธีมงานสีน้ำเงิน โดยมีเหล่าเซเลบริตี้ ดารา และลูกค้าระดับวีไอพีร่วมงานคับคั่งอาทิ เดช-อุไรวรรณ นำสิริกุล, พลภัทร-วิริยา  อุดมผล, เบญจ  อรรถจินดา, สุวัฒน์  สุขกาย, ดร.ปราโมทย์  เหรียญเจริญสุข, จิรัสย์ วัฒนภัทรเศรษฐ์, กุลฉัตร ชาญเศรษฐิกุล, อารยา วทัญญุภาพ,อรุณ  ซุกลา และ ชลิต-ณัฐภัทร  สุนทรพลิน ร่วมดื่มด่ำกับวีดิโอเล่าประวัติความเป็นมาของแบรนด์กว่า 140 ปีแล้ว

ยังได้เพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงของเหล่านักร้องชื่อดังอาทิ แก้ม-วิชญาณี เปียกลิ่น, แม็กซ์-ณัฐวุฒิ เจนมานะ และนภ พรชำนิ ซึ่งเป็นแฟนคลับตัวยงของแบรนด์ Seiko รวมไปถึง ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ แบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุดของ Seiko ที่มาแสดงความยินดี และร่วมรับประทานอาหารรสเลิศในค่ำคืนนี้ ที่โรงแรมโฟว์ซีซั่น กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

ฮิโรยูคิ อะกาชิ กรรมการผู้จัดการ ไซโก ประเทศไทยกล่าวว่า “ปีนี้เป็นปีที่สำคัญทั้งของไซโก ที่ครบรอบ 140 ปีและไซโก ประเทศไทย ที่ได้ดำเนินธุรกิจและจดทะเบียนภายใต้ชื่อ บริษัทไซโก ประเทศไทย อย่างเป็นทางการเมื่อปี 1991 ซึ่งปีนี้ก็ครบรอบ 30 ปีแล้วและในปี 2022 ที่จะถึงนี้ก็จะเป็นการเริ่มต้นศักราชใหม่ของทุกท่านและไซโกเองเช่นกัน Seiko จะยังคงสร้างความมั่นใจให้กับคนไทยทุกคนด้วยการบริการที่ดีที่สุดของเราและจะพยายามแบ่งปันความสุขกับคนไทย หวังว่าทุกท่านจะสนับสนุน Seiko Thailand ต่อไปและเริ่มเดินทางใหม่ไปด้วยกัน  ท้ายนี้ขอให้ทุกท่าน มีความสุขและมีสุขภาพที่แข็งแรง และถือโอกาส Happy New year 2022 ให้กับทุกท่าน ณ โอกาสนี้ครับ”

นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวคอลเลคชั่น Real Thai Collection นาฬิกาที่ถูกออกแบบและมีแรงบันดาลใจมาจากความสวยงามของวัฒนธรรมไทยที่ดึงเอาเอกลักษณ์ของไทยทั้ง 4 ภาค รังสรรค์เป็นดีไซน์เรือนเวลารุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น ถึง 4 ซีรีย์เพื่อฉลองครบรอบการก่อตั้งบริษัทไซโก ประเทศไทย อย่างเป็นทางการครบรอบ 30 ปี ในปีนี้ เริ่มด้วย

-ภาคอีสาน นาฬิกาซูโม่ที่สวยที่สุด โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากเทศกาลอันโด่งดังจากภาคอีสานอย่างผีตาโขน

-ภาคใต้ มากับตัวเรือนยอดฮิตอย่างมอนสเตอร์ โดยมีแรงบันดาลใจจากความสวยงามของท้องทะเลทางภาคใต้และตัวตลกของหนังตะลุงชื่อดังอย่าง อ้ายเท่ง

-ภาคเหนือ King Turtle ที่นำเอาแรงบันดาลใจจากเทศกาลงานลอยโคมยี่เป็งทางภาคเหนือมาใช้

-ภาคกลาง ที่นำเอาแรงบันดาลใจของยักษ์วัดแจ้ง 2 ตน คือ  สหัสเดชะ และทศกัณฐ์ ตำนานแห่งท่าเตียนมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ นอกจากนี้ไซโก(ประเทศไทย) ยังมีโปรเจกต์ พิเศษที่ร่วมกับศิลปินรุ่นใหม่ กลุ่ม High cloud ร่วมกันสร้างสรรค์ บทเพลงพิเศษ ชื่อเพลง ช่วงเวลาพิเศษในโอกาสฉลองครบรอบ 30 ปีนี้อีกด้วย

คินทาโร่ ฮัตโตริ (Kintaro Hattori) ผู้ก่อตั้งแบรนด์ไซโก ได้เริ่มต้นก่อตั้งบริษัทของเขาเมื่อปี 1881เมื่อเขามีอายุเพียงแค่ 21 ปีเท่านั้น ในช่วง 50 ปีภายใต้การคุมหางเสือของเขา Seikoได้กลายเป็นบริษัทนาฬิกาชั้นนำในญี่ปุ่น โดยเป็นศูนย์กลางในการออกแบบและมีโรงงานที่ใช้ผลิตเป็นของตนเอง นี่คือความสำเร็จที่เป็นผลโดยตรงมาจากวิสัยทัศน์เพียงหนึ่งเดียวที่ยึดมั่นของฮัตโตริ นั่นคือ ฯ “One step ahead of the rest” หมายถึง ‘การที่ต้องนำหน้าคู่แข่งอยู่1ก้าวเสมอ’ คำกล่าวของเขายังคงสะท้อนดัง และเป็นแรงบันดาลใจในการทำงานของ Seiko มาจนถึงปัจจุบัน

ในปี 2021นี้ Seiko ได้เปิดตัวนาฬิกาตัวคอลเลคชั่นใหม่ออกมาหลากหลายรุ่น ได้รับการสร้างสรรค์เพื่อสะท้อนถึงจิตวิญญาณที่เกิดจากคำกล่าวของคินทาโร่และเพื่อเป็นเกียรติในการฉลองครบรอบ 140 ปีของการก่อตั้งบริษัทและแบรนด์ ไซโก โดยเริ่มต้นด้วยการออกแบบนาฬิการุ่นพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองในครั้งนี้ ทั้งคอลเลคชั่นของ แกรนด์ ไซโก (Grand Seiko)พรอสเป็กซ์ (Prospex) พรีซาจ(Presage) และ แอสตรอน (Astron) โดยทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความสำเร็จของแบรนด์ ในระดับสากล

หนึ่งนาฬิกา ‘ในอุดมคติ’ ที่ได้มาตรฐานด้านความเที่ยงตรง ความทนทาน พร้อมทั้งความสง่างามระดับโลก Grand Seiko ที่ได้เปิดตัวครั้งแรกในปีค.ศ. 1960 ภายใต้สัญลักษณ์สิงโตถูกสลักลงบนฝาหลังของนาฬิกา Grand Seiko แต่ละเรือนเพื่อแสดงถึงความเป็น “ราชาแห่งนาฬิกา” หลังจากการเปิดตัว Grand Seiko รุ่นแรก นาฬิกาที่ผลิตต่อมาในปี 1967 คือ 44GSคุณค่าที่เป็นอมตะสะท้อนความงดงามแบบญี่ปุ่นก่อกำเนิดแนวความคิด Grand Seiko Style โดยถูกออกแบบมาเพื่อบ่งบอกแนวคิดแห่งความงดงามที่โดดเด่นตามแบบฉบับญี่ปุ่นซึ่งถือเป็นอุดมคติของ Grand Seiko

ด้วยความต้องการสร้างมาตรฐานระดับสูงในด้านความเที่ยงตรงสำหรับนาฬิกาจักรกลแบบไขลาน 44GS ได้สร้างนิยามแห่งภาพลักษณ์ของการออกแบบ และถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบัน 44GS  จึงนับเป็นหลักชัยในประวัติศาสตร์ของ Grand Seiko และเป็นแรงบันดาลใจต่อการรังสรรค์นาฬิกาทุกเรือนในเวลาต่อมาเพราะถึงแม้เป็นเวลาเกือบครึ่งศตวรรษหลังจากการเปิดตัวแต่ 44GS ก็ยังคงมีดีไซน์ที่โดดเด่นและประณีต และสามารถยืนหยัดผ่านความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา และความลับอยู่ที่การยึดมั่นในความงดงามแบบญี่ปุ่นนั่นเอง

ต้องขอบคุณการพัฒนาอย่างต่อเนื่องที่ทำให้ 9S เคยเป็นและยังคงเป็นหนึ่งนาฬิกาจักรกลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก กลไก 9S51 และ 9S55 ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1998 กลไก 9S67 ที่มีการสำรองพลังงานยาวนานถึง 72 ชั่วโมงถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 2006 และแน่นอนว่าการเดินทางของกลไก9S ของ Grand Seiko ยังคงก้าวต่อไปเรื่อย ๆ

Grand Seiko ยังเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง การันตีความสำเร็จด้วยรางวัลจากเวที หลายต่อหลายเวที อาทิรุ่น SLGH005 รับรางวัล Men’s Watch Prize 2021 จาก Grand Prix d’Horlogerie de Genèveและรุ่นSBGJ005รับรางวัล Petite Aiguille Prize 2014 จาก Grand Prix d’Horlogerie de Genève

ไซโกได้ก้าวเข้าสู่ปีแห่งความยิ่งใหญ่กับนาฬิกาดำน้ำ พรอสเปกซ์ เมื่อ 55 ปีก่อน Seiko ได้แนะนำนาฬิกาดำน้ำรุ่นแรกของญี่ปุ่น ที่มาพร้อมกลไกอัตโนมัติและความสามารถกันน้ำได้ 150 เมตร โดยได้รับการพิสูจน์ถึงความน่าเชื่อถือจากการใช้งานจริงของสมาชิกของการสำรวจขั้วโลกใต้ของญี่ปุ่น (Japanese Antarctic Research Expedition) ระหว่างปี 1966-1969 และในปีต่อๆ มา Seiko ได้สร้างสรรค์นาฬิกาดำน้ำออกมาอีกหลายรุ่น ที่ได้รับความนิยมจากนักดำน้ำมืออาชีพและนักผจญภัย ด้วยคุณภาพสูงและความน่าเชื่อถือของผลงานนี้คอลเลคชั่น Prospexซึ่งปัจจุบันคือเครื่องหมายแห่งความเป็นเลิศของนาฬิกาที่สามารถตอบสนองความต้องการได้กับกีฬาทุกประเภทและสภาพแวดล้อมที่ท้าทายทุกรูปแบบ

แม้จะภาคภูมิใจที่นาฬิกาได้รับการพิสูจน์ในแอนตาร์กติกมาแล้ว แต่วิศวกรของ Seiko ก็ยังคงพัฒนาผลงานของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลงานที่ดีกว่าที่สามารถตอบสนองความต้องการของนักดำน้ำมืออาชีพ นี่คือเหตุผลสำคัญที่นาฬิกาดำน้ำ Seiko รุ่นแรก ซึ่งสามารถกันน้ำได้ที่ 300 เมตร และกลไกอัตโนมัติที่เดินด้วยความถี่สูง 10-บีท ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นในปี 1968 และถูกนำไปใช้ครั้งแรกโดยบุคคลจากญี่ปุ่น ในภารกิจปีนสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์ แต่บางส่วนของความสำเร็จนี้ถูกบดบังด้วยจดหมายจากนักดำน้ำมืออาชีพในปีเดียวกันที่ยืนยันอย่างเงียบๆ ว่า ไม่เคยมีนาฬิกาดำน้ำใดที่ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นโดยมีความทนทานต่อทุกเงื่อนไขในการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันของนักดำน้ำมืออาชีพเช่นนี้มาก่อน

ทีม Seiko ตระหนักดีว่า จำเป็นต้องสร้างขั้นตอนเทคนิคในการสร้างนาฬิกาดำน้ำที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นนาฬิกาสำหรับ “มืออาชีพ” อย่างแท้จริง­ ทีม Seiko ใช้เวลานานถึง 7 ปีในการพัฒนาผลงาน และในที่สุดปี 1975 นาฬิกาดำน้ำที่สามารถกันน้ำได้ 600 เมตรที่ผลักดันขอบเขตให้ไกลกว่านาฬิกาดำน้ำใดๆ ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็ถือกำเนิดขึ้น ด้วยตัวเรือนไทเทเนียมแบบชิ้นเดียว และกรอบป้องกันตัวเรือนด้านนอก และใช้ปะเก็นรูปตัว L ที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้ฮีเลียมเข้ามา โดยไม่จำเป็นต้องใช้วาล์วปล่อยฮีเลียม และมีสายรัดข้อมือแบบ accordion-style ที่ทำให้นาฬิกาบนข้อมือมีความปลอดภัย ไม่ว่าแรงกดดันจากสภาพแวดล้อมจะเป็นอย่างไรก็ตาม นาฬิกาที่เปี่ยมเอกลักษณ์นี้ได้เปลี่ยนความคาดคิดของโลกในสิ่งที่นาฬิกาดำน้ำทำได้ และโครงสร้างตัวเรือนที่มีเอกลักษณ์ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูง ยังนำไปสู่ชื่อที่ได้รับการเรียกขานในวงกว้างจากแฟนนาฬิกาทั่วโลกว่า “ทูน่า”และในปี 2021 ยังได้เปิดตัวแคมเปญใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์  “Keep Going Forward” เพื่อตอบโจทย์เหล่านักผจญภัยทั่วโลก

นอกจากนั้น แบรนด์ ไซโก ยังได้ เติมเต็มทุกความครบเครื่องด้วยการเสริมความแกร่งในไลน์ของนาฬิกา Astron นาฬิกาที่ล้ำสมัยด้วยนวัตกรรม GPS เพื่อความแม่นยำและเที่ยงตรงในระดับสูง, Presage นาฬิกาแนวเดรส วอชท์ ที่บอกเล่าประสบการณ์ของช่างฝีมือและงานฝีมือแบบญี่ปุ่น,และ Seiko 5 Sports นาฬิกาสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่จะมีคาแรคเตอร์ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นตัวของตัวเองพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์

30 ปีแห่งความยิ่งใหญ่ของไซโก ประเทศไทย

ย้อนกลับไปช่วงปี 1991 ไซโกได้จดทะเบียนบริษัทและเริ่มจัดจำหน่ายนาฬิกาภายใต้แบรนด์ ไซโก ในประเทศไทยครั้งแรกอย่างเป็นทางการ ซึ่งบริหารงานโดยบริษัท “เมืองทอง ไซโก” ด้วยการบุกเบิกตลาดของครอบครัวนักธุรกิจชาวไทย โดยในยุคนั้นนาฬิกาข้อมือชั้นนำยังไม่ได้ถูกนำเข้าไปวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าเหมือนปัจจุบัน แต่ใช้รูปแบบการจัดจำหน่ายเหมือนกับประเทศญี่ปุ่นคือ การจัดจำหน่ายผ่านตัวแทนร้านค้า ด้วยชื่อเสียงบวกกับคุณภาพของนาฬิกาไซโก จึงทำให้นาฬิกาเริ่มได้รับความนิยมและมีตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกระจายอยู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ซึ่งผู้ใช้ต่างก็ชื่นชอบและพูดเป็นเสียงเดียวกันในเรื่องของความทนทานของนาฬิกาจากประเทศญี่ปุ่นแบรนด์นี้ และทำให้เป็นที่นิยมสืบเนื่องมาถึงปัจจุบันที่สามารถยืนยันด้วยคอลเลคชั่นที่ประสบความสำเร็จมากมายอาทิคอลเลคชั่น Thailand Creation ที่ประกอบไปด้วย Zimbe, Monster, 5 Sports Thailand Limited Edition, Number 9และปิดท้ายด้วย 30th Anniversary “Real Thai Collection”

ปี 2021นี้ ไม่เพียงแต่เป็นโอกาสพิเศษของแบรนด์คุณภาพจากญี่ปุ่นที่เดินทางมาครบรอบ 140 ปีเท่านั้น เพราะสำหรับไซโกประเทศไทยเองก็ถือเป็น “ช่วงเวลาพิเศษ” เช่นกัน โดยในปี 2564 หรือ ปี 2021 นั้น ถือเป็นโอกาสพิเศษที่ บริษัท ไซโก (ประเทศไทย)จำกัด ได้ครบรอบการดำเนินกิจการในเมืองไทยมาครบ 30 ปีเช่นกัน หากใครเป็นแฟนไซโกกันมาตั้งแต่ยุคต้นๆที่เริ่มเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยนั้นต้องขอบอกคำเดียวเลยว่าการเปลี่ยนแปลงระหว่าง 30 ปีที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับวงการนาฬิกาในประเทศไทย

นอกจากนั้นแล้ว ไซโก ยังมีแบรนด์ในเครือที่จัดจำหน่าย โดย ไซโก ประเทศไทยอย่างนาฬิกา Alba และ Seiko Clock โดย ALBAได้ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับความหมายถึงควางสว่างไสวของแสงอาทิตย์รุ่งอรุณในยามเช้าเป็นสัญลักษณ์แห่งแสงสว่างความหวังและการเริ่มต้นใหม่โดยมีรากศัพท์ดั้งเดิมมาจากภาษาสเปนและอิตาลี ALBAเป็นนาฬิกาข้อมือที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดดเด่นด้วยความสดใสออกแบบได้อย่างลงตัว โดยประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วจนเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะนาฬิกาคุณภาพหนึ่งในเอกลักษณ์จากนาฬิกาที่รังสรรค์โดยSEIKO

Seiko Clocks นาฬิกาแขวนที่มาพร้อมประวัติมากมาย นาฬิกาแขวนเรือนแรกถูกผลิตในปี 1892 ตั้งแต่นั้นมาจุดมุ่งหมายที่แน่วแน่ของเราคือการสร้างนาฬิกาที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่สูงขึ้น และเสริมสร้างความสวยงามให้กับบ้านทั่วโลก รวมไปถึงที่ทำงาน และพื้นที่ใช้สอยของชุมชนจากนาฬิกาแขวนที่มีลูกตุ้มเชิงกลเครื่องแรกของเราในยุคเมจิไปจนถึงนาฬิกา GPS ที่มีความแม่นยำสูงที่ทันสมัยในทุกวันนี้ 

ทั้งหมดนี้คือการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้ง โดยพิสูจน์ให้เห็นแล้วจากความสำเร็จทั้งในระดับโลก และระดับประเทศว่าไซโก คือหนึ่งในนาฬิกาที่ได้รับการยอมรับจากคนทั่วโลก     

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook