ยายทวดวัย 93 ต่ออายุบัตรคนพิการไม่ได้ หมอบอกตาพร่าเพราะชรา ไม่ได้พิการ

ญาติยายทวดวัย 93 ปี ชาวบ้านหนองพลวง ต.โกรกแก้ว อ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ หลังยายทวดถูกตัดสิทธิ์คนพิการ ทั้งที่เคยมีบัตรคนพิการทางสายตามานานถึง 8 ปี จากการลงพื้นที่ตรวจสอบทราบชื่อคือ น.ส.เพ็ชร คิดถูก อายุ 93 ปี ปัจจุบันหลานสาวเป็นคนเลี้ยงดู เนื่องจากไม่มีครอบครัว โดยยายเพ็ชร มีสายตาพร่ามัว ไม่สามารถเดินได้ด้วยตนเองต้องใช้รถเข็น

 จากการสอบถาม น.ส.สุทร พร้อมพูน อายุ 47 ปี หลานสาวที่เป็นคนดูแลยายเพ็ชร บอกว่า ยายไม่มีสามีและลูก ตนจึงเป็นคนเลี้ยงดู ที่ผ่านมาก็อาศัยเบี้ยผู้สูงอายุในการยังชีพ กระทั่งเมื่อปี 2555 ยายเริ่มสายตาพร่ามัว จึงไปตรวจที่โรงพยาบาลหมอระบุว่าเป็นคนพิการ จึงได้รับบัตรผู้พิการตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ทำให้คุณยายได้รับเบี้ยผู้สูงอายุและเบี้ยผู้พิการเดือนละ 1,800 บาท ก็สามารถนำไปเป็นค่าใช้จ่ายซื้อข้าวปลาอาหารได้ เพราะตนไม่ได้ทำงานอะไรปัจจุบันมีรายได้แค่ค่าตอบแทน อสม.เดือนละ 1,000 บาท แต่ต้องดูแลคนถึง 5 ชีวิตทั้ง ยายวัย 93 แม่วัย 83 และหลานอีก 3 คน ก็พอได้เบี้ยผู้สูงอายุของแม่เดือนละ 800 บาท เบี้ยผู้สูงอายุยายเดือนละ 1,000 บาท รวมถึงเบี้ยผู้พิการของยายอีกเดือนละ 800 บาท ค่าตอบแทน อสม.ของตนเองเดือนละ 1,000 บาท และลูกชายทำงานรับจ้างที่กรุงเทพฯ ก็ส่งมาให้บ้างเดือนละ 2 – 3,000 บาทก็พอประทังชีวิตอยู่ได้ แต่บางเดือนก็ไม่พอ เพราะต้องซื้อข้าว กับข้าว ค่านมหลาย ค่าเดินทางพาแม่และยายไป โรงพยาบาล ค่าน้ำค่าไฟอีก รวมเฉลี่ยเดือนละกว่า 1 หมื่นบาท เดือนไหนไม่พอก็ต้องไปหยิบยืมเพื่อนบ้าน

แต่เมื่อบัตรคนพิการของยายได้หมดอายุ เมื่อวันที่ 24 พ.ย.2563 ที่ผ่านมา ตนจึงไปสอบถามทางเทศบาลว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง ทางเทศบาลก็แนะนำว่าต้องพายายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตามระเบียบหลักเกณฑ์ ก่อนจะไปยื่นที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แต่เมื่อพายายไปตรวจทางโรงพยาบาลกลับบอกว่า สายตาของยายเสื่อมสภาพตามอายุขัย ไม่ได้เป็นผู้พิการทางสายตา จึงไม่ออกใบรับรองให้ ทำให้คุณยายไม่มีใบรับรองไปยื่นต่ออายุบัตรคนพิการ ซึ่งหากไม่ได้เบี้ยคนพิการ ก็จะเดือดร้อนทั้งยาย รวมทั้งตนเองซึ่งเป็นผู้ดูแล จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและช่วยเหลือด้วย

ด้านนายแสวง สัตย์รัมย์ เพื่อนบ้านซึ่งเป็นผู้พิการทางการเคลื่อนไหว กล่าวว่า หลังจากหลานของยายมาขอคำปรึกษากรณีที่ไม่สามารถต่ออายุบัตรคนพิการได้ ตนก็ได้โพสต์ถามในโซเชียล และพาคุณยายเดินเรื่องตามขั้นตอนที่ทางเทศบาลแนะนำ โดยพายายไปพบเจ้าหน้าที่ พมจ. เพื่อขอต่อบัตรคนพิการที่หมดอายุแล้ว เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่า ต้องไปตรวจร่างกายกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่โรงพยาบาล เพื่อนำใบรับรองแพทย์มายื่นต่อบัตรคนพิการตามขั้นตอน จึงพาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลในพื้นที่ อ.โนนสุวรรณ แต่ทาง โรงพยาบาลไม่มีเครื่องมือในการตรวจวัดสายตา จึงได้ไปโรงพยาบาลอื่นที่มีแพทย์เฉพาะทางและเครื่องมือในการตรวจสายตา แต่พอตรวจแล้วแพทย์ระบุว่า สายตายายที่พร่ามัวของยาย เกิดจากการเสื่อมสภาพตามอายุขัยหรือความชรา จึงไม่สามารถออกใบรับรองความพิการให้ได้ จากกรณีดังกล่าวทั้งตนเองและญาติของยาย ก็งง เพราะเมื่อปี 2555 แพทย์ก็รับรองว่าพิการทางสายตาและได้รับเบี้ยคนพิการมาตลอด 8 ปี และที่ญาติกังวลใจคือทางเทศบาล ได้เรียกเบี้ยคนพิการที่โอนเข้าบัญชียายไปแล้วกลับคืน เนื่องจากไม่สามารถต่ออายุบัตรคนพิการได้ จึงอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือคุณยายด้วย เพื่อรับการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับยายด้วย

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.บุรีรัมย์ ได้ทำบัตรคนพิการให้ยายเรียบร้อยแล้ว โดยมอบหมายให้เทศบาลตำบลโกรกแก้ว พายายไปตรวจซ้ำ โดยหมอระบุพิการทางการเคลื่อนไหว โดยได้มอบหมายให้ น.ส. สุทร พร้อมพูน อายุ 47 ปี หลานสาวเป็นผู้มารับแทน หลานสาวเมื่อเห็นบัตรคนพิการใบใหม่ ระบุว่า ดีใจที่ยายได้คืนสิทธิ สภาพจิตใจยายก็จะดีขึ้น หลังนอนไม่หลับมาหลายวันเพราะความกังวล

ด้านนางปิยนาฏ เสงี่ยมศักดิ์ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มนโยบายและวิชาการ สำนักงาน พมจ.กล่าวว่า ยายเพ็ชร ถือเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับบัตรคนพิการ ซึ่งครั้งนั้น ใช้วิธีตรวจโดยแพทย์ทั่วไป เมื่อพบความผิดปกติก็จะรับรองให้เป็นคนพิการทันที แต่ต่อมา กระทรวงได้มีการปรับเปลี่ยนระเบียบขึ้น ผู้ที่จะตรวจและออกใบรับรองเป็นคนพิการ จะต้องเป็นแพทย์เฉพาะทาง เมื่อบัตรหมดอายุจะต้องทำการตรวจใหม่ตามขั้นตอน

กรณีนี้หมอไม่ได้ทำผิดขั้นตอน เพราะเป็นหมอเฉพาะทาง จะต้องวินิจฉัยตรงกับความเป็นจริง อย่างไรก็ตามกรณี น.ส.เพ็ชร แพทย์ได้เปลี่ยนจากพิการทางสายตา มาเป็นพิการทางการเคลื่อนไหว จึงสามารถออกบัตรให้ได้