หนุ่มนั่งดื่มเหล้าไม่สบอารมณ์กลับบ้านไปคว้าปืน กลับมาไม่ทันยิงถูกรุมขวดแทงดับ

วันที่ 27 ธันวาคม 2561 เมื่อเวลา 00.20 น. พ.ต.ท. สพัศ ปราการพิทัก สารวัตรเวรสอบสวน สภ.คูคต จ.ปทุมธานี ได้รับแจ้งมีเหตุวัยรุ่นทะเลาะกันจนเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณปากซอยสุสวาส 6 ฝั่งตะวันออก ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี

หลังรับแจ้งจึงรายงาน พ.ต.อ. สมิทธิ สารอต ผกก.สภ.คูคต พ.ต.อ.วรพันธ์ พิสุธานนท์ ผกก.หัวหน้าพนักงานสอบสวน และเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.คูคต เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เขต 1, แพทย์เวรจาก รพ.ภูมิพลอดุลยเดช และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู

ในที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตเป็นชายหนึ่งราย ทราบชื่อต่อมานายสุทธิพงษ์ อายุ 30 ปี สภาพศพถูกแทงด้วยขวดเบียบ มีบาดแผลที่ลำคอ 3 แผล นอนหงายจมกองเลือด สวมกางเกงยีนขาสั้น ใส่เสื้อสีดำคอกลม

ตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบขวดเบียร์ปากฉลามเปื้อนเลือดตกอยู่ในที่เกิดเหตุ และข้างลำตัวฝั่งขวา พบอาวุธปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่หนึ่งกระบอก, ลูกกระสุนปืนที่ตกยังไม่ถูกใช่งานอีกสองนัด และใกล้กันพบรถ จยย. ยี่ห้อยามาฮ่ามีโอ สีน้ำเงิน ทะเบียน ลฉล-647 กทม. จอดอยู่

จากการสอบสวน นายปริญญา อายุ 23 ปี ให้การว่า ตนเองพร้อมด้วยพวกประมาณ 4 คน ได้นั่งดื่มกันบริเวรปากซอยสุสวาส 6 ส่วนผู้เสียชีวิตก็ได้นั่งกินอยู่ด้วยกัน แต่ขณะนั้นได้พูดจาทะเลาะกันกับเพื่อนในกลุ่ม จากนั้นผู้เสียชีวิตได้ขับรถ จยย. ออกไปจากวงเหล้า

ออกไปประมาณสัก 20 นาที ตนจึงได้โทรศัพท์บอกพี่อีกคนที่พอจะรู้จักกับผู้เสียชีวิตว่ามีเรื่องทะเลาะกัน จากนั้นผู้เสียชีวิตได้เดินทางย้อนกลับมาอีกครั้งพร้อมอาวุธปืน ซึ่งได้ขี่รถ จยย. และเข้ามาทำท่าเข้ามาหาเรื่องกับกลุ่มของตนอีกครั้ง

จังหวะนั้นเพื่อนในกลุ่มได้แย่งปืนและตะลุมบอนกัน ตนเองเห็นท่าไม่ดีจึงเข้าไปช่วยเพื่อนและใช้ขวดตีและแทง จนผู้เสียชีวิตล้มแน่นิ่งไป จากนั้นจึงได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ทางด้าน พ.ต.อ. วรพันธ์ พิสุธานนท์ ได้ให้สารวัตรเวรถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน ให้พิสูจน์หลักฐาน 1 ปทุมธานีเข้าเก็บหลักฐานรายละเอียดทั้งหมดในที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งสอบสวนกลุ่มผู้ก่อเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง

เบื้องต้นผู้ที่ก่อเหตุไม่ได้หลบหนีแต่อย่างใด ทราบว่ามีเรื่องทะเลาะกัน แต่ผู้เสียชีวิตมีอาวุธแต่ไม่ทันยิงใส่กลุ่มผู้ก่อเหตุ แต่ถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุแย่งอาวุธปืนได้และรุมทำร้ายจนเสียชีวิต อย่างไรก็ตามต้องส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่นก่อน และจะได้สอบสวนพยานและตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุอีกครั้ง

ส่วนศพผู้เสียชีวิตมอบให้มูลนิธิร่วมกตัญญส่งชันสูตรที่ รพ.ภูมิพลอดุลยเดชอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างแท้จริง ก่อนที่จะติดต่อทางญาติผู้เสียชีวิตให้มาติดต่อรับไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนาต่อไป