หนึ่งปีมีครั้ง "แกงกระด้าง" เมนูฤดูหนาวชาวเชียงใหม่ คนรุ่นใหม่แทบไม่รู้จัก

"แกงกระด้าง" กลับมาแล้ว เมนูฤดูหนาวคนเชียงใหม่ ปีหนึ่งมีครั้งเดียว เพราะต้องใช้อากาศหนาวเหน็บช่วย พ่อค้าหนุ่มบริการส่งฟรีถึงโรงแรม หวังสืบสานอาหารเมืองให้คงอยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากอากาศที่หนาวเย็นลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชาวพื้นเมืองใน จ.เชียงใหม่ หลายครอบครัว เริ่มทำเมนู “แกงกระด้าง” ซึ่งเป็นเมนูประจำฤดูกาลทางภาคเหนือ แกงกระด้าง จะต่างจากแกงอื่นทั่วไป เพราะหลังทำเสร็จจะทิ้งไว้ รอให้น้ำแกงจะแข็งตัวจนกลายเป็นวุ้น ถึงจะนำมารับประทาน

ซึ่งสาเหตุที่ทำให้แกงกระด้างเป็นเมนูดั้งเดิมของฤดูหนาว เนื่องจากชาวบ้านจะต้องอาศัยอากาศหนาวเย็นช่วงกลางคืน มาช่วยทำให้น้ำแกงแข็งตัวและเกาะเป็นวุ้น เป็นการใช้ภูมิปัญญาในการทำอาหารและถนอมอาหาร โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาตู้เย็นเหมือนเช่นปัจจุบัน

แต่ด้วยหลายปัจจัยในปัจจุบัน ทั้งอากาศที่หนาวเย็นน้อยลงและหลายคนเวลารัดตัวมากขึ้น ทำให้พ่อค้าแม่ค้าพากันทำเมนูแกงกระด้างขายเพื่อเอาใจลูกค้าให้ได้รับประทานกันได้ง่ายๆ อย่างเช่น นายเสกสรร อายุ 54 ปี และ นางอรพรรณ์ อายุ 53 ปี สองสามีภรรยาเจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งในตำบลฟ้าฮ่าม อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ตั้งใจทำแกงกระด้าง เพื่อตอบโจทย์ชาวเหนือยุคใหม่

ขั้นตอนการทำแกงกระด้าง เริ่มจากนำขาหมูไปต้มพร้อมกับรากผักชี ก่อนนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ คั่วกับพริกแกงจนมีกลิ่นหอมได้ที่ จากนั้นจึงเทน้ำต้มขาหมูลงไปในหม้อและนำแกงเทใส่ถาดที่เตรียมไว้ เพื่อให้น้ำแกงแข็งตัวจนกลายเป็นวุ้น ก็พร้อมรับประทาน มีรสชาดนุ่มลิ้น เคี้ยวกรุบกรับด้วยขาหมู

นายเสกสรร เปิดเผยว่า ปัจจุบันสภาพอากาศไม่ค่อยหนาวจัดเหมือนเมื่อก่อน ทำให้น้ำแกงเกิดความแข็งตัวได้ยากขึ้น ต้องผสมผงวุ้นเข้าไปเล็กน้อยเพื่อช่วยให้น้ำแกงแข็งตัว แต่หากคืนไหนที่หนาวมาก ก็จะไม่ใช้ผงวุ้นเข้าไปผสม

ในปัจจุบันคนรุ่นใหม่แทบจะไม่รู้จัก แกงกระด้าง กันแล้ว เมนูนี้จึงทำขึ้นเพื่อตอบโจทย์ลูกค้ารวมทั้งเป็นการอนุรักษ์อาหารพื้นเมืองดั้งเดิมไปพร้อมกัน โดยแกงกระด้างที่ทำขึ้นมีทั้งแบบดั้งเดิมสีขาว รสชาติเผ็ดจัดจ้าน พ่อค้าขายในราคาเพียงชิ้นละ 10 บาท พร้อมบริการเดลิเวอรี่ส่งฟรีถึงบ้าน

นอกจากนี้หากนักท่องเที่ยวเดินทางมา จ.เชียงใหม่ และอยากลองรับประทานก็ส่งให้ฟรีถึงโรงแรมอีกด้วย นายเสกสรร หวังว่าจะเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมอาหารพื้นเมืองของคนเชียงใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติไปพร้อมกัน