เปิดใจ! มือขโมยถุงเงิน 9.2 ล้าน อยากเป็นข่าว-ไม่พอใจผู้บริหาร

เปิดใจ! มือขโมยถุงเงิน 9.2 ล้าน อยากเป็นข่าว-ไม่พอใจผู้บริหาร

เปิดใจ! มือขโมยถุงเงิน 9.2 ล้าน อยากเป็นข่าว-ไม่พอใจผู้บริหาร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีรถขนเงินธนาคารกรุงไทย เกิดเหตุเงินสดสูญหายไปกว่า 9 ล้านบาท ที่ธนาคารกรุงไทย สาขาแม่ริม จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา ก่อนจะสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายได้เมื่อวานนี้ (18 มี.ค.) คือ นายสุเมฆ เลิศภาณุพัฒน์ อายุ 36 ปี ซึ่งสารภาพว่าก่อเหตุเพียงคนเดียว และใช้เงินของกลางไปเหลือ 8.8 ล้านบาท

ล่าสุดวันนี้ (19 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 ได้นำตัว นายสุเมฆ มาแถลงข่าวการจับกุม โดย นายสุเมฆ ได้เปิดใจรับสารภาพว่า เป็นพนักงานของบริษัทกรุงไทยธุรกิจบริการมากว่า 10 ปีแล้ว สาเหตุที่ลงมือนั้นเพราะ ไม่พอใจผู้บริหาร ที่ปล่อยปละละเลยพนักงาน ไม่ตรวจสอบประวัติพนักงานหรือพฤติกรรมฝากเข้าทำงาน แม้ตนจะเคยร้องเรียนเรื่องทุจริตภายในกองทุนพนักงานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการตรวจสอบ ตนจึงได้ก่อเหตุเพื่อเป็นตัวอย่างให้เห็นว่า องค์กรเกิดความความละหลวมในการปฏิบัติการเพียงใด

เมื่อสอบถามถึงขั้นตอนการก่อเหตุ นายสุเมฆ กล่าวอ้างว่า รถขนเงินคันดังกล่าวไม่ได้ล็อค เนื่องจากทราบว่าหัวหน้าและพนักงานรถขนเงินคันดังกล่าวมีพฤติกรรมละหลวม ไม่ล็อคประตูรถและตู้เซฟ จึงได้ขับรถเก๋งของเพื่อนมาดักรถ จนกระทั่งพนักงานประจำรถขนเงินออกไปทานอาหาร จึงได้เปิดประตูก่อเหตุเพียงไม่ถึงนาที

สำหรับเงินที่ก่อเหตุลักทรัพย์มา นายสุเมฆ บอกว่า ไม่มีเป้าหมายที่จะเอาไปทำอะไร เก็บเอาไว้ใช้เรื่อยๆ เนื่องจากไม่ได้มีปัญหาทางการเงิน แค่ต้องการให้เป็นประเด็นข่าวเท่านั้น แต่ก็นำเงินไปซื้ออาวุธปืนพร้อมกระสุน และไปซ่อมแซมรถยนต์ จนเหลือเงิน 8.8 ล้านบาทดังกล่าว

นอกจากนี้ ทางด้าน พล.ต.ต.สิทธิพร ศรีจันทร์ทับ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ยังได้เปิดเผยว่า ขณะนี้พบพยานหลักฐาน รวมถึงความเชื่อมโยงที่เชื่อว่า นายสุดปรีชา ทองพันธ์ และ นายชัชพงษ์ อุทยาน พนักงานประจำรถขนเงินคันที่เกิดเหตุ มีส่วนรู้เห็นด้วย จึงยังคงควบคุมตัวเอาไว้อยู่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook