พ่อเดินถือป้ายขอความเป็นธรรม ลูกถูกตร.ยิงเกือบพิการ
Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
//s.isanook.com/ns/0/ud/230/1152624/55.jpgพ่อเดินถือป้ายขอความเป็นธรรม ลูกถูกตร.ยิงเกือบพิการ

พ่อเดินถือป้ายขอความเป็นธรรม ลูกถูกตร.ยิงเกือบพิการ

แชร์เรื่องนี้

พ่อเดินถือป้ายขอความเป็นธรรมให้ลูกชาย หลังถูกตำรวจยิงเกือบพิการ เข้าใจผิดคิดว่าเป็นขโมย ซัดยัดข้อหาให้ โดยไม่มีความละอายใจ

(9 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหน้าตลาดเจ้าพรหม ต.หอรัตนไชย อ.พระนครศรีอยุธยา นายณัฐวัฒน์ อายุ 50 ปี ได้เดินถือป้ายเรียกร้องของความเป็นธรรม ให้กับลูกชายหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิง โดยแผ่นป้ายดังกล่าวมีข้อความว่า "ลูกชายผม โดนตำรวจใช้ปืนยิงเข้าข้างหลัง โดยที่ไม่มีอาวุธ มือเปล่าๆ ตำรวจไม่มีความผิดเพราะยัดข้อหาให้ โดยไม่มีความละอายใจ และไม่มีการพิสูจน์ความจริง "

นอกจากนี้ยังมีป้ายที่ติดอยู่ข้างรถยนต์ปิกอัพดัดแปลงเป็นรถตู้ จอดอยู่ใกล้ๆ มีป้ายข้อความติดอยู่รอบคันลักษณะเดียวกัน และมีรูปของนายวิศรุติ อายุ 24 ปี ลูกชายที่ถูกยิงติดอยู่ด้วยในลักษณะที่นอนอยู่บนเตียง โดยนายณัฐวัฒน์ เดินไปตามถนน พร้อมกับตีถาดเรียกร้องความสนใจไปด้วย

จากการสอบนายณัฐวัฒน์ เปิดเผยว่า เมื่อสองปีก่อนลูกชายเข้าไปที่บ้านร้างหลังหนึ่งในอ.วังน้อย ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวอยู่ใกล้กับบ้านของตำรวจนายหนึ่งของ สภ.วังน้อย ขณะที่เดินอยู่หลังบ้านได้ถูกตำรวจดังกล่าวยิงเข้าที่สะโพกด้านหลังได้รับบาดเจ็บสาหัส เนื่องจากตำรวจคิดว่าเป็นขโมย แต่เมื่อมีการสืบสวนสอบสวนแล้ว ศาลยกฟ้องลูกชายในข้อหาบุกรุกที่ตำรวจนายดังกล่าวแจ้ง ตนจึงร้องขอความเป็นธรรม และมีการตั้งข้อหาตำรวจดังกล่าวข้อหาพยายามฆ่า แต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง จากนั้นเรื่องก็เงียบหายไป ไม่มีการมาดูแลลูกชายของตน ทั้งที่ขณะนี้ลูกชายยังยืนไม่สะดวก และต้องออกจากงานที่โรงงาน และปัจจุบันไปเป็นคนงานอยู่ที่โครงการพระราชดำริ จ.กาญจนบุรี

สาเหตุที่ออกมาร้องเรียนขอความเป็นธรรม เพียงเพื่อให้ตำรวจนายดังกล่าวออกมารับผิดชอบ เพราะทุกวันนี้ลูกชายของตนยังไม่ได้ผ่ากระสุนออกเลย เนื่องจากรพ.พระนครศรีอยุธยา บอกว่าต้องไปรักษาที่รพ.ซึ่งมีแพทย์เชี่ยวชาญและต้องใช้เงินมากจึงไม่มีเงินรักษา

ทั้งนี้ตนใช้เวลาเดินร้องเรียนอย่างนี้เป็นเวลา 1 ปีแล้ว และไปร้องมาทุกหน่วยงานคือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมาธิการตำรวจ สิทธิมนุษยชน แต่ก็ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงต้องเรียกร้องต่อไปจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม