เชื่อว่าหลายคนน่าจะยังจดจำภาพของแม่สาวบ้าระห่ำกับภารกิจแก้แค้นสุดเฉียบ ในบทบาทการแสดงอันน่าจดจำของ "อูมา เธอร์แมน" จากหนังบู๊งมีสไตล์ทั้ง 2 ภาค "Kill Bill Vol. 1" และ "Kill Bill Vol. 2" ที่เคยออกฉายเมื่อประมาณ 15-16 ปีก่อน กลายเป็นหนึ่งในหนังมาสเตอร์พีชที่คนดูหนังยังต้องพูดถึงทุกวันนี้
ล่าสุดปรากฏว่าโครงการภาคต่อของหนังเรื่องนี้กลับมาเป็นที่กล่าวถึงอีกครั้ง "Kill Bill Vol. 3" ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง หลังจากที่ผู้กำกับภาพยนตร์คนดัง "เควนติน แทแรนติโน" ยืนยันว่า โครงการสร้างภาคต่อของหนังชุดนี้ยังไม่ตายและยังคงอยู่ และเขาก็เปรยๆ พูดคุยกับอูมา เกี่ยวกับภาคต่อไปของหนังเรื่องนี้อยู่เรื่อยๆ
เควนติน แทแรนติโน ได้พูดถึงประเด็นนี้ผ่านทางรายการ Happy Sad Confused ทางช่อง MTV ระหว่างที่เดินสายโปรโมทภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขา "Once Upon A Time in Hollywood" โดยยืนยันว่า Kill Bill Vol. 3 ยังไม่ถูกพับเก็บโครงการไป หลังจากที่แผนสร้างมาตลอดหลายปี กระทั่งผ่านไปเกือบจะ 2 ทศวรรษแล้ว
เขายังมีโอกาสได้ติดต่อพูดคุยถึงโปรเจคนี้กับอูมา ซึ่งเป็นนักแสดงนำของหนังบู๊ชุดนี้ และเธอก็ดูสนใจที่จะกลับมาสานต่อบทบาทที่สร้างชื่อให้กับเธออีกครั้ง เควนตินยังวางแผนที่จะสร้างหนังเรื่องนี้ให้เป็นบทสรุปฉบับไตรภาคด้วย
โดยในภาคที่ 3 จะเน้นไปที่ตัวละครใหม่ "ลูกสาวของเวอร์นิตา กรีน" หนึ่งในนักฆ่าที่ถูกสังหารไปตั้งแต่ภาคแรก แต่บัดนี้เด็กสาวในวันวานได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว และเธอพร้อมที่จะออกแก้แค้น หลังเห็นภาพผู้หญิงผมบลอนด์บุกมาฆ่าแม่ถึงในบ้าน
แต่อย่างไรก็ตาม Kill Bill Vol. 3 อาจจะยังไม่ใช่โครงการต่อไปของเควนติน เพราะตอนนี้เขายังอยู่ระหว่างการเตรียมงานสร้างและเป็นผู้กำกับให้กับหนังชุดใหม่ของ "Star Trek" ที่จะเป็นฉบับเรท R แต่ตามรายงานข่าวก็ระบุว่า เควนตินยังไม่ได้ตัดสินใจอย่างแน่ชัดว่า โครงการหนังเรื่องที่ 10 ของเขาจะเป็นเรื่องไหนดี?
หนังซีรีส์ชุด Kill Bill ถือว่าประสบความสำเร็จทั้งคำวิจารณ์และรายได้ กวาดเงินได้มากกว่า 150 ล้านเหรียญทั่วโลก และการเล่าเรื่องราวอย่างมีชั้นเชิงทำให้หนังเรื่องนี้ครองใจคนดูมาถึงปัจจุบัน ขณะที่โลกโซเชียลต่างตื่นเต้นกับโครงการ Kill Bill Vol. 3 และเริ่มแชร์ไอเดียและแคสติ้งมโนขึ้นมากันเอง ล่าสุดดูเหมือนว่าดาราสาวดาวรุ่ง "อแมนด์ลา สเตนเบิร์ก" (จาก The Darkest Minds) จะยืนหนึ่งที่แฟนๆ เชียร์ให้มารับบทลูกสาวผู้ที่จะมาล้างแค้นให้กับแม่
ขอขอบคุณ
ข้อมูล :IndieWire