จั๊กจั่น รับเคยคิดฆ่าตัวตาย

จั๊กจั่น - อคัมย์สิริ เปิดอกให้ ดู๋ - นุ่น ณ ที่นี่หมอชิต สัมภาษณ์ถึงความรักแบบหมดเปลือก เผยความรักกับ ชาคริต แย้มนาม ทำทุกข์แสนสาหัส ถึงขั้นคิดสั้น ลั่นไม่คิดย้อนเวลากลับไปแก้ไข เพราะหากไม่มี ''ไม้เลื้อย'' ในวันนั้น คงไม่มี จั่น ในวันนี้ ดูเหมือนความรักเมื่อ 2 ปีก่อน กับพระเอกไม้เลื้อย ชาคริต แย้มนาม จะฝังใจนางเอกสาวหน้าหวาน จั๊กจั่น - อคัมย์สิริ สุวรรณศุข จนยากที่จะลืม เพราะถึงวันนี้ นางเอกสาวก็ยังไม่ยอมเปิดใจให้ใครซักที แม้ที่ผ่านมาจะมีข่าวกับคนนั้นคนนี้เป็นระยะ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครซักคนที่คว้าหัวใจ จั่น ไปได้จริงๆ ซักที ด้วยเหตุนี้เองทำให้หลายคนสงสัยว่าความรักในอดีตยังตามหลอกหลอนจนเข็ดกับความรักหรือเปล่า เกี่ยวกับเรื่องนี้ นางเอกสาวหน้าหวาน ได้เปิดใจให้สองพิธีกร ดู๋ - นุ่น สัมภาษณ์แบบหมดเปลือก ในรายการ ที่นี่หมอชิต ว่า ความรักครั้งนั้น ทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานมากที่สุดในชีวิต จนถึงขั้นคิดสั้น เกือบจะทำร้ายตัวเอง แต่พอได้เข้าวัดทำบุญ จนความคิดตกผลึกก็คิดได้ว่า ยังมีคนอีกมากมายที่ทุกข์กว่าเธอ นอกจากนี้ จั่น ยังกล่าวอีกว่า ถ้าไม่มีทุกข์หนักในวันนั้น ก็คงไม่มี จั๊กจั่น ในวันนี้ ''จั่นคิดว่าหลายสิ่งที่ผ่านมาในชีวิต เกิดเพราะความไม่ละเอียดถี่ถ้วนเพียงพอ'' ดู๋ - แล้วเรื่องความรักตอนนั้นคุณแม่รู้เรื่องรึเปล่า ''คุณแม่ก็ถามแต่ก็เชื่อการตัดสินใจของตัวเองเป็นหลัก แต่พอมีเรื่องเกิดขึ้น ก็เสียใจ แม่ก็บอกว่ามันเป็นผลจากการตัดสินใจของเราเอง พี่ชายก็บอกว่าเราตัดสินใจเอง ไม่มีใครมาบังคับเรา ก็ต้องยอมรับผลของการตัดสินใจนั้นให้ได้ เราก็เออนะ ไม่มีใครมาบังคับเรา เราตัดสินใจเอง ก็ต้องยอมรับผลกรรมให้ได้ หลายคนก็บอกว่า ไม่ว่าสิ่งอะไรที่เกิดขึ้น มันก็จะมีข้อดีของมันอยู่ เพราะอย่างน้อยทำให้เรามีประสบการณ์ เรื่องอย่างนี้คงไม่เกิดกับเราอีก หรือดีแล้ว ที่เราหยุดมันไว้ตอนนี้ ไม่ปล่อยให้มันมากไปกว่านี้ สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้เราเข้มแข็งมากขึ้น ถ้าถามว่าอยากให้จั่นย้อนกลับไปแก้อะไรมั้ย จั่นก็ไม่อยากย้อน เพราะถ้าไม่มีเหตุการณ์ในวันนั้น ก็ไม่มีจั๊กจั่นในวันนี้ ทุกข์หนักที่สุดในชีวิตมั้ย จั่นก็อยากก็ให้มันเป็นอย่างนั้นนะคะ ไม่อยากให้มีอันที่ทุกข์ไปกว่านี้ ถ้าเลือกได้ เพราะตั้งแต่เด็กจนโต ก็ยังไม่มีเรื่องไหนทุกข์เท่าเรื่องนี้เลย ตอนที่เป็นทุกข์เรื่องนี้ จั่นทำงานได้นะคะ แต่ทำได้ไม่ดี สุขภาพก็เสีย หน้าก็แย่ จิตใจเศร้ามาก เพื่อนๆ ก็พยายามชวนไปเที่ยว ไปชอปปิ้ง แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้น ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเราอย่างเดียว อยู่คนเดียวจะร้องไห้ง่ายมาก เวลาทำงาน ก็อย่ามีใครมาพูดให้รู้สึก เพราะจะเศร้าได้ทันที ซักพักรู้สึกตัวเองแย่มาก ไม่ได้แล้วต้องทำอะไรซักอย่าง ก็ไปวัดฟังพระเทศน์ พระบอกว่าตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ เราอย่าไปยึดติด พยายามมองทุกอย่างให้เป็นกลาง เลยได้สติอยากทำตัวให้เป็นประโยชน์ ไปทำบุญเจอคนที่ด้อยกว่าเรา ยังสู้ไม่ยอมถอย แล้วเราครบ 32 ขนาดนี้ ยังทำประโยชน์ได้อีกตั้งหลายอย่าง ทำไมเราถึงยอมแพ้ ก็เพราะเวลาทุกข์เราจะมองอยู่แค่ตัวเอง ปัญหาของตัวเองจมแล้ววนอยู่ตรงนั้น ไม่ได้มองคนอื่น ไม่ได้มองว่ายังมีแม่และพี่ชายที่คอยเป็นห่วง ขนาดพี่ๆ นักข่าวที่มาสัมภาษณ์เราพอคุยเสร็จเค้าก็มาจับเข่าบอกว่า พี่ขอโทษนะ พี่รู้ว่าเราเสียใจอยู่ แต่พี่ก็ต้องถาม เพราะมันเป็นงาน แค่นี้จั่นก็รู้สึกดีแล้วค่ะ พอแล้วรู้สึกว่ายังมีคนแย่กว่าเราตั้งเยอะ เมื่อก่อนเราก็อยู่มาได้ แล้วต่อไปทำไมเราจะอยู่ไม่ได้เลย รู้สึกว่าเราต้องอยู่ได้ (แล้วมีคิดสั้นบ้างมั้ย) ยอมรับค่ะว่ามีบ้างแวบๆ เข้ามาที่คิดสั้น เพราะเราไม่เคยเจอปัญหาอย่างนี้มาก่อน เหมือนเราตั้งใจกับมันมาก แต่ทำไมเราผิดหวัง แต่พอตั้งสติได้ ก็คิดว่า เฮ้อ!! เราไม่น่าเลย ถือว่าที่ผ่านมาเป็นบทเรียน ถือว่าเราพลาดเองที่ไม่ได้รู้จักคิดอะไรให้รอบคอบ เดี๋ยวนี้ฟังคนอื่นมากขึ้น มองมุมมองคนอื่นมากขึ้น แต่เวลาตัดสินใจอะไรก็ยังตัดสินใจด้วยตัวเอง'' ดู๋ - แล้วเวลาคนมาจีบจะมองมากกว่าเดิมมั้ย ''มองมากกว่าเดิม แต่จั่นจะไม่เอาคนเก่ามาเปรียบเทียบกับคนใหม่นะ ก็จะดูๆ ไป ไม่รีบร้อนอะไร ใครถามจั่น จั่นก็บอกว่าไม่รีบร้อน อยากจะดูไปเรื่อยๆ ถ้าถามว่าวางข้อจำกัดอะไรไว้บ้าง ก็จะไม่วางอะไรไว้ ตอนนี้ก็ผ่านมา 2 ปีแล้ว ก็ยังไม่มีแฟนเลย หลายคนก็ถามว่าระแวงหรือเปล่า เข็ดหรือเปล่า ก็ไม่เข็ด ก็ยังอยากมีความรัก มีคู่ดีๆ มีลูกน่ารักๆ แต่ไม่รีบร้อน ถ้ามีแล้วไม่มีอยู่คนเดียวดีกว่า'' จั่น กล่าว ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก