รีวิว "Infinix HOT 40 Pro" เน้นเล่นเกม ราคาเบาๆ 5,800 บาท

Infinix Hot 40 Pro เป็นสมาร์ทโฟนราคาประหยัดที่เปิดตัวไปไม่นาน มีขนาดหน้าจอขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2460 พิกเซล ทำงานด้วยชิปประมวลผล MediaTek Helio G99 มาพร้อม RAM 8GB พื้นที่เก็บข้อมูล 256GB กล้องหลัง 3 เลนส์ ความละเอียด 108MP กล้องหน้า 8MP แบตเตอรี่ 5000mAh รองรับชาร์จเร็ว 33W

Infinix Hot 40 Pro เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการสมาร์ทโฟนราคาประหยัด หน้าจอใหญ่ แบตเตอรี่อึด กล้องถ่ายรูปดี Sanook Hitech พาชมเครื่องจริง Infinix HOT 40 Pro วางจำหน่ายในไทย ราคาประมาณ 5,799 บาท และพาไปสัมผัสกับมือถือที่เหมาะสำหรับเล่นเกมเครื่องจริงว่าสวยแค่ไหน รอบนี้มีภาพให้ดูด้วยนะครับ

รายละเอียดสเปกของ Infinix HOT40 Pro

• ขนาดเครื่อง : 168.6 x 76.6 x 8.3 มิลลิเมตร
• น้ำหนัก : 199 กรัม
• หน้าจอขนาด 6.78 นิ้ว แบบ IPS-LCD ความละเอียด 2460 x 1080 พิกเซล พร้อมกับ Refresh Rate 120Hz และ ความสว่าง 500 nits
• กระจก : ไม่ได้ระบุ
• ขุมพลัง MediaTek Helio G99 Octa Core
• GPU : Mali G57 MC2
• ระบบปฏิบัติการ : Android 13 + XOS 13.5
• RAM 8GB + 8GB VRAM
• หน่วยความจำ 256GB เพิ่มได้ด้วย MicroSD
• รองรับ 5G, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Bluetooth, GPS
• กล้องหลัง 3 ตัวประกอบด้วย
  • กล้องความละเอียด 108 MP, F/1.8
  • กล้อง Macro 2 MP F/2.4
  • เซนเซอร์ Auxiliary Lens 0.08 MP
  • LED Flash แบบ Quad LED
  • วิดีโอ 1440p 30 FPS / 1080p 30 FPS
• กล้องหน้าความละเอียด 32 MP, Dual LED Flash วิดีโอ 1080p
• รองรับ USB-C 0
• แบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh
• ระบบชาร์จไฟแบบสาย 33W
• สีสัน : Palm Blue, Horizon Gold, Starlit Black, Starfall Green, Free Fire

ตัวเครื่อง Infinix HOT 40 Pro

ตัวเครื่อง Infinix HOT 40 Pro รุ่นใหม่ถือว่ามีขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว ถือว่าใหญ่และได้เปรียบกว่ามือถือระดับเดียวกันที่ค่าความละเอียดและการสัมผัสหน้าจอที่ทำได้รวดเร็วมากพอสมควร และสีสันทำได้คมชัด พร้อมกับติ่งด้านบนที่สามารถแสดงผลแบบยืดหดหรือเรียกว่า Magic Ring

รอบตัวเครื่องมาเป็นแบบโครเมี่ยมมันวาวแต่การออกแบบเสาอากาสศใหม่เรียบและกลมกลืน ฝั่งซ้ายมีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM 2 ช่อง และ MicroSD อีกฝั่งมีปุ่ม Power พร้อมกับระบบสเแกนลายนิ้วมือ และมีปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง

ส่วนบนมีลำโพงตัวที่ 2 ส่วนล่างมีช่องเสียบหูฟัง, USB-C ไมโครโฟน และ ลำโพงในตัว 

พลิกด้านหลังมีหลากหลายสี โดยสีที่ได้มาคือสีทอง และมีลวดลายแบบฝนดาวตกที่สวยงาม

ความรู้สึกที่ได้สัมผัส Infinix HOT 40 Pro

การออกแบบตัวเครื่องรุ่นนี้ค่อนข้างจับง่ายเพราะมีการออกแบบให้ส่วนของขอบมีความหนากำลังดีและมีการดีไซน์ด้านหลังจับแล้วไม่ลื่นมากนัก

ตำแหน่งของลำโพงทำได้เหมาะสม เสียงที่ออกมาค่อนข้างฟังเสียงได้ชัดเจนและสำคัญสุดคือรองรับ Hi-Res Audio อีกด้วย

ผลการทดลองประสิทธิภาพของ Infinix HOT 40 Pro

คะแนนถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีสำหรับมือถือระดับราคาไม่เกิน 6,000 บาท แต่เมื่อทดลองเล่นเกมจริง และลองปรับกราฟิกขึ้นมาระดับที่สูงกว่าพื้นฐาน ตอบสนองได้ดี เว้นแต่เกม Genshin Impact ที่ไม่ควรปรับระดับสูง เพราะจะทำให้การตอบสนองไม่ดี และรุ่นนี้รองรับการแสดงผลกับเกม Free Fire ในแบบ 120Hz 

การเชื่อมต่อทำได้ครบไม่มีปัญหาเพราะเลือกใช้เสาอากาศแบบใหม่จับสัญญาณได้แม่นยำ

ส่วนแบตเตอรี่ 5000 mAh ใช้งานจริงพบว่าอึดอยู่แต่ถ้าเล่นเกมเยอะก็จะหมดราวๆ 6 ชั่วโมง ก็ถือว่านานอยู่ แต่ถ้าไม่ได้เล่นเกมและใช้ทั้งวัน สามารถข้ามวันได้ 2 วัน ทั้งนี้ระบบชาร์จไฟรองรับกำลัง 33W 

ฟีเจอร์สำคัญของ Infinix HOT 40 Pro ที่ไม่เล่นไม่ได้

Infinix HOT 40 จะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 13 + XOS 13 ที่สามารถสั่งงานได้คล่องรองรับการแสดงผลแบบ Multi Tasking โดยจะเป็นหน้าต่างลอยเท่านั้น พร้อมกับการแจ้งเตือนแบบยืดหดหรือเรียกว่า Magic Ring โดยจะทำงานเมื่อมีการแจ้งเตือน หรือชัดเจนสุดคือการชาร์จไฟมือถือนั่นเอง ทั้งนี้เครื่องมือของรุ่นนี้มาแบบครบครันสั่งใช้งานได้ง่าย

กล้องดีแค่ไหน

ลูกเล่นของกล้อง Infinix HOT 40 Pro จะเป็นแบบปั่นขึ้นเพื่อสั่งงานโหมดต่างๆ ค่อนข้างที่จะครบครัน และมีโหมดวิดีโอที่ครบช่วยถ่ายภาพได้อย่างลงตัว การให้เลนส์กล้องของรุ่นนี้ให้มาค่อนข้างครบอยู่ โดยเฉพาะกล้องหลักคุณภาพถือว่าดีและระบบโฟกัสแม่นยำ

ตัวอย่างภาพของ Infinix HOT 40 Pro

(กล้องหน้า)

(กล้องหลัง)

สรุปหลังสัมผัสสั้นๆ กับ Infinix HOT 40 Pro

นับว่าเป็นมือถืองบไม่เกิน 6,000 บาท ที่ได้สเปกจัดเต็มและไว้ใจได้ทั้งการเล่นเกมและ ความอึดอยู่ได้นาน นอกจากนี้ยังได้ฟีเจอร์ต่างๆ ที่สามารถใช้งานได้ง่ายดายมากเช่นกัน หากใครมองหามือถือในราคานี้ก็คงบอกเลยว่า Infinix HOT 40 Pro ก็อยู่ในใจไม่ยากนัก

ราคาอย่างเป็นทางการของ Infinix HOT 40 Pro

Infinix HOT 40 Pro มีราคาอยู่ที่ 5,799 บาท โดยคุณสามารถหาซื้อได้ในแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

หากชอบรีวิวสั้นๆ แบบนี้อย่าลืมแชร์บทความนี้ให้กับเพื่อนๆ ของคุณได้ครับ