[Hands On] ครั้งแรกกับ "Samsung Galaxy S23 Series" ดีไซน์สวย กล้อง 200 ล้านพิกเซล

สิ้นสุดการรอคอยแล้วครับ ในเวลานี้ Samsung Galaxy S23 Series ทั้ง 3 รุ่นประกอบ Galaxy S23 ขนาดเล็กสุดที่หน้าจอ 6.1 นิ้ว, Galaxy S23+ ขนาดหน้าจอ 6.7 นิ้ว และ Galaxy S23 Ultra ตัวท็อปใหม่ล่าสุดที่มีหน้าจอขนาด 6.8 นิ้ว สำหรับบทความนี้พาคุณไปสัมผัสแรกของมือถือรุ่นนี้ จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง และคุ้มค่าไหมถ้าจะอัปเกรด หรือเลือกซื้อ มาดูกันเลย

รายละเอียดสเปกในแต่ละรุ่นของ Samsung Galaxy S23 Series

Samsung Galaxy S23

• ขนาด : 146.3 x 70.9 x 7.6 มิลลิเมตร
• น้ำหนัก : 167 กรัม
• หน้าจอ : ขนาด 1 นิ้ว Dynamic AMOLED 2X, ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080 พิกเซล) รองรับ HDR 10+ ค่า Refresh Rate 48 – 120Hz แบบ Adaptive
• กระจกกันรอย : Gorilla Glass Victus 2
• มาตรฐานกันน้ำ : IP68
• CPU : Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 For GALAXY
• GPU : Adreno 740
• RAM : 8GB
• ความจำภายใน : 128 / 256GB
• ความจำภายนอก : ใช้ระบบ Cloud ทั้ง One Drive และ Google Drive
• ระบบปฏิบัติการ : Android 13 + One UI 5.1
• สเปกกล้องหน้า
  • ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (F/2.2) HDR 10+ มุมกว้าง 80 องศา, PDAF, Dual Pixel, OIS
• สเปกกล้อง
  • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล F/1.8 Dual Pixel, OIS
  • กล้องมุมกว้างความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ให้มุมมอง 120 องศา
  • กล้อง Telephoto ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล ซูมได้ 3 เท่า
  • วิดีโอบันทึกได้สูงสุด 8K 30 FPS, 4K, FHD รองรับ HDR 12-bit
• การเชื่อมต่อ : 4G / 5G, Wi-Fi 6E มาพร้อมกับ Bluetooth 5.3, GPS, A-GPS, Samsung Dex ทั้งแบบเสียบสายและ ไร้สาย
• ลำโพง : Dual Speaker + Dolby ATMOS
• ระบบป้องกัน : Samsung KNOX + ระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ แบบ Ultra Sonic, ระบบสแกนใบหน้า
• พอร์ตการเชื่อมต่อ : USB-C
• แบตเตอรี่ : 3900 mAh
• ระบบชาร์จไฟ : แบบสาย Fast Charge กำลัง 25W รองรับการชาร์จไฟไร้สาย 10W และ Reveres Charging
• ระบบปล่อยไฟให้อุปกรณ์อื่น : Wireless Power Share กำลัง 10W
• สีสัน : Lavender, Cream, Phantom Black, Green และสีพิเศษ Sky Blue, Red, Graphite และ Lime

Samsung Galaxy S23+

• ขนาด : 157.8 x 76.2 x 7.6 มิลลิเมตร
• น้ำหนัก : 195 กรัม
• หน้าจอ : ขนาด 6 นิ้ว Dynamic AMOLED 2X, ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080 พิกเซล) รองรับ HDR 10+ ค่า Refresh Rate 48 – 120Hz แบบ Adaptive
• กระจกกันรอย : Gorilla Glass Victus 2
• มาตรฐานกันน้ำ : IP68
• CPU : Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 For GALAXY
• GPU : Adreno 740
• RAM : 8GB
• ความจำภายใน : 256 / 512GB
• ความจำภายนอก : ใช้ระบบ Cloud ทั้ง One Drive และ Google Drive
• ระบบปฏิบัติการ : Android 13 + One UI 5.1
• สเปกกล้องหน้า
  • ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (F/2.2) HDR 10+ มุมกว้าง 80 องศา PDAF, Dual Pixel, OIS
  • วิดีโอ : สูงสุด 4K ที่ 60 FPS
• สเปกกล้อง
  • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล F/1.8 Dual Pixel, OIS
  • กล้องมุมกว้างความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ให้มุมมอง 120 องศา
  • กล้อง Telephoto ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล ซูมได้ 3 เท่า
  • วิดีโอบันทึกได้สูงสุด 8K 30 FPS, 4K, FHD รองรับ HDR 12-bit
• การเชื่อมต่อ : 4G / 5G, Wi-Fi 6E มาพร้อมกับ Bluetooth 5.3, GPS, A-GPS, Samsung Dex ทั้งแบบเสียบสายและไร้สาย
• ลำโพง : Dual Speaker + Dolby ATMOS
• ระบบป้องกัน : Samsung KNOX + ระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ แบบ Ultra Sonic, ระบบสแกนใบหน้า
• พอร์ตการเชื่อมต่อ : USB-C
• แบตเตอรี่ : 4700 mAh
• ระบบชาร์จไฟ : แบบสาย Fast Charge กำลัง 45W รองรับการชาร์จไฟไร้สาย 10W และ Reveres Charging
• ระบบปล่อยไฟให้อุปกรณ์อื่น : Wireless Power Share กำลัง 10W
• สีสัน : Lavender, Cream, Phantom Black, Green และสีพิเศษ Sky Blue, Red, Graphite และ Lime

Samsung Galaxy S23 Ultra

• ขนาด : 163.4 x 78.1 x 8.9 มิลลิเมตร
• น้ำหนัก : 233 กรัม
• หน้าจอ : ขนาด 8 นิ้ว Dynamic AMOLED 2X, ความละเอียด QHD+ (3088 x 1440 พิกเซล) รองรับ HDR 10+ ค่า Refresh Rate 1 – 120Hz แบบ Adaptive รองรับค่าสี DCI-P3 Wide Gamut 100%
• กระจกกันรอย : Gorilla Glass Victus 2
• มาตรฐานกันน้ำ : IP68
• CPU : Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 For GALAXY
• GPU : Adreno 740
• RAM : 8 / 12GB แบบ LPDDR 5X
• ความจำภายใน : 256 / 512GB และ 1TB แบบ UFS 4.0
• ความจำภายนอก : ใช้ระบบ Cloud ทั้ง One Drive และ Google Drive
• ระบบปฏิบัติการ : Android 13 + One UI 5.1
• สเปกกล้องหน้า
  • ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (F/2.2) HDR 10+ มุมกว้าง 80 องศา PDAF เป็นแบบ Dual Pixel, OIS
  • วิดีโอ : สูงสุด 4K ที่ 60 FPS
• สเปกกล้อง
  • กล้องหลักความละเอียด 200 ล้านพิกเซล จาก Samsung ISOCELL HP2 ขนาดเซนเซอร์ 1/1.3 นิ้ว, 0.6 µm ค่ารูรับแสง F/1.7 ระบบ Dual Pixel, OIS
  • กล้องมุมกว้างความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ให้มุมมอง 120 องศา
  • กล้อง Telephoto ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล ซูมได้ 3 เท่า
  • กล้อง Periscope Telephoto ความละเอียด 10 ล้านพิกเซลซูมได้ 10x แบบ Optical Zoom
  • ครอบทับด้วยกระจก Camera Glass Protection Layer ( Cameras DX)
  • วิดีโอบันทึกได้สูงสุด 8K 30 FPS, 4K, FHD รองรับ HDR 12-bit
• การเชื่อมต่อ : 4G / 5G, Wi-Fi 6E มาพร้อมกับ Bluetooth 5.3, GPS, A-GPS, Samsung Dex ทั้งแบบไร้สายและมีสาย
• SIM Card : Dual Nano SIM + 1 eSIM
• ลำโพง : Dual Speaker + Dolby ATMOS
• ระบบป้องกัน : Samsung KNOX + ระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ แบบ Ultra Sonic, ระบบสแกนใบหน้า
• พอร์ตการเชื่อมต่อ : USB-C
• แบตเตอรี่ : 5000 mAh
• ระบบชาร์จไฟ : แบบสาย Fast Charge กำลัง 45W รองรับการชาร์จไฟไร้สาย 10W
• ระบบปล่อยไฟให้อุปกรณ์อื่น : Wireless Power Share กำลัง 10W
• สีสัน : Lavender, Cream, Phantom Black, Green และสีพิเศษ Sky Blue, Red, Graphite และ Lime

แรกเห็นรูปร่างหน้าของ Samsung Galaxy S23 Series 

เรามาเริ่มต้นกับรุ่นเล็กจาก Samsung Galaxy S23 และ S23 + ยังคงมีดีไซน์เหมือนกับรุ่นที่แล้วในเฉพาะด้านหน้าขนาดหน้าจอของทั้งคู่ไม่ได้แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้า คือ S23 ได้ขนาด 6.1 นิ้ว และ S23+ ขนาด 6.6 นิ้ว

Galaxy S23

Samsung Galaxy S23 Plus

รอบตัวเครื่องออกแบบเป็นวัสดุอลูมิเนียมชุบโครเมี่ยมมีความหนาเท่าเดิมแต่การออกแบบใหม่ทำให้ และเห็นรู้สึกว่าไม่มีรอยต่อเลยแม้แต่นิดเดียว ปุ่มกดทุกอย่างใช้กับรุ่นเดิมได้แทบจะทั้งหมด  

ด้านหลังคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดของมือถือคู่นี้โดยจะไม่มีกรอบรองกล้องอีกต่อไปแต่ก็ยังได้กล้อง 3 ตัววางในตำแหน่งแนวตั้งพร้อมกับโชว์สีของเครื่องที่สวยและดูดีมาก

 Galaxy S23 Plus

Galaxy S23

สำหรับ Samsung Galaxy S23 Ultra ยังคงได้หน้าจอขนาด 6.8 นิ้วเท่าเดิม สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือความมนของขอบตัวหน้าจอจะน้อยลงกว่ารุ่นที่แล้วเพื่อทำให้ปากกา S Pen สามารถใช้งานได้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม  

ขอบตัวเครื่องรอบนี้มีความหนาและถ้าเทียบกับรุ่นปกติแล้วถือว่าหนาพอๆกันแต่จากภาพที่คุณเห็นอีกภาพ ที่มีการเทียบกับรุ่นที่แล้วจะพบว่าขอบอลูมิเนียมของเครื่องรุ่นใหม่หนากว่าเดิม

ด้านล่างนั้นแม้ว่าจะออกแบบเหมือนเดิมทุกประการ แต่ว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือช่องเสียบปากกา S Pen แบบใหม่จะทำให้การเก็บอาการนั้นเรียบมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม  

และภาพต่อไปนี้คือ การเปรียบเทียบรอบตัวเครื่องกับ Galaxy S22 Ultra จะพบว่า ขอบของ Galaxy S23 Ultra หนากว่าและทำให้ขอบตั้งขึ้น ส่งผลให้หน้าจอและกรอบด้านหลังมีส่วนโค้งที่น้อยลง การที่ขอบหนาขึ้นแบบนี้ส่งผลให้จับได้ถนัดมือกว่ารุ่นเดิม สายถ่ายภาพน่าจะชอบครับ ทั้งนี้ไม่ได้บอกว่าวัสดุแตกต่างจากรุ่นเดิมไหมนะครับ แต่ยังคงใช้คำว่า "Armor Aluminium"

Galaxy S23 Ultra (บน) | Galaxy S22 Ultra (ล่าง)
Galaxy S23 Ultra (บน) | Galaxy S22 Ultra (ล่าง)
Galaxy S23 Ultra (บน) | Galaxy S22 Ultra (ล่าง)
Galaxy S23 Ultra (ซ้าย) | Galaxy S22 Ultra (ขวา)

ด้านหลังของ Galaxy S23 Ultra พบว่าการจัดวางกล้องเหมือนกับรุ่นที่แล้วแต่ว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือ ขนาดของกล้องตัวหลักที่มีเซ็นเซอร์ระดับ Quad Bayer ทำให้ตำแหน่งของกล้องเปลี่ยนไปจากเดิมจนไม่สามารถจะใส่เคสรุ่นเดิมได้อีกต่อไป 
ยังไงก็ตามครับ Samsung ได้บอกว่าในรุ่นนี้จะมี Option เคสพิเศษให้เลือกมากกว่ารุ่น S22 เดิมพอสมควรก็ต้องติดตามกันว่าเคสแบบไหนจะเข้าสู่ประเทศไทยบ้างกันต่อไป  

อะไรใหม่ใน Galaxy S23 Series  

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับมือถือเรือธงรุ่นนี้นั่นก็คือการใช้ขุมพลัง Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 สำหรับ Samsung Galaxy ซึ่งมีการเคลมว่าประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม และมี Vapor Chamber หนาขึ้น 2.7% นงนะบายความร้อนไวขึ้น แต่ทั้งนี้ยังไม่บอกว่าประหยัดไฟขึ้นด้วยหรือเปล่าอันนี้อาจจะต้องรอทดสอบกันต่อไปครับ 

จุดนี้ทำให้เราเห็นว่าในเรื่องของการทำงานสลับไปมาระหว่างโหมดกล้องกับหน้าจอหลักและการทำงานอื่นๆของมือถือรุ่นนี้ทำงานได้รวดเร็วทันใจมากขึ้นกว่ารุ่นเดิม อาการทำงานช้าโดยเฉพาะการเปิดกล้องนั้นน้อยลง ที่สำคัญ Samsung ได้ยกระดับความสว่างของหน้าจอมือถือกลุ่มนี้ทั้งหมดให้สุดอยู่ที่ 1,750 nits เรียกได้ว่าสว่างสดใสและมองเห็นข้อความได้ชัดแม้กระทั่งที่แสงน้อย  

ส่วน S Pen ของ Samsung Galaxy s23 Ultra แม้ว่าสเปกอาจจะดูเหมือนเดิมแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนมากก็คือเรื่องของการเปลี่ยนเวอร์ชั่นบลูทูธจากเวอร์ชั่น 5.2 เป็นเวอร์ชั่น 5.3 ทำให้การใช้งานและสั่งงานนั้นทำงานได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมโดยรุ่นนี้กลับมาเน้นคือจุดเด่นในเรื่องของการสั่งงานด้วยท่าทางที่จะตอบโจทย์ในเรื่องของการสั่งงานได้มีมากยิ่งขึ้นกว่ารุ่นเดิมแต่ถ้าทางต่างๆยังคงใช้แบบเดิมอยู่นะครับไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างใด  

มาถึงในเรื่องของกล้องกันบ้างสำหรับสเปกกล้องก็จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันดังต่อไปนี้ ทุกรุ่นจะมีการพัฒนา AI ให้สามารถตอบโจทย์ในเรื่องของการ ถ่ายภาพได้ดีโดยเฉพาะการเก็บละเอียดพวกการซูมทุกรุ่นจะทำให้ภาพที่ซูมแบบดิจิตอลคมชัดมากยิ่งขึ้นกว่ารุ่นเดิม  

แต่สำหรับ แต่สำหรับการถ่ายภาพกลางคืนนั้นโดยเฉพาะ Samsung Galaxy S23 Ultra ด้วยการรวม Pixel ที่ได้มากกว่าเดิมจากการที่ขยายเซ็นเซอร์หลักให้มากถึง 200 ล้านพิกเซลทำให้การรวม Pixel มากถึง 16 in1 ทั้งนี้ภาพตัวอย่างที่คุณเห็นยังไม่ใช่ Firmware Version เต็ม แต่ภาพออกมาก็ยังถือว่าทำได้ดีกว่า Galaxy s22 พอสมควร ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซลตัวใหม่ที่ใช้กับ S23 ทุกรุ่นพบว่าการโฟกัสและการทำงานต่างๆนั้นถือว่าทำได้ไวกว่าเดิม  

และแบตเตอรี่จากที่เห็นจากสเปกนั้นมีการเพิ่มขึ้นในรุ่น Galaxy S23 (3900 mAh) และ Galaxy S23+ (4700 mAh) แต่ถ้าเป็นรุ่น Galaxy S23 Ultra ยังคงได้เท่าเดิม คือ 5000 mAh ส่วนระบบชาร์จไฟ ในรุ่น Galaxy S23 จะได้แค่ 25W ส่วน Galaxy S23+ และ Galaxy S23 Ultra จะได้ที่ 45W ส่วนระบบชาร์จไฟไร้สาย ได้กำลังเท่าเดิมคือ 15W และทำกระจายไฟออก หรือ Reverse Power Share ที่ 10W

ภาพตัวอย่างจากกล้อง (ภาพที่ทดลองนี้มาจาก Firmware ที่ยังไม่ได้เป็นตัววางจำหน่ายจริง)

สรุปสั้นๆ หลังทดลองสัมผัส Samsung Galaxy S23 Series ทั้งหมด 3 รุ่น ระยะเวลาสั้นๆ

หลังจากได้ทดลองมาเป็นระยะเวลาสั้นๆก็พบว่า Samsung Galaxy S 23 Series ทั้งหมด เป็นการ นำรุ่นที่แล้วมาปรับปรุงงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะในเรื่องของกล้องที่เห็นได้ชัดเจนว่าการเพิ่ม AI แล้วก็ทำให้ Machine Learning ทำงานได้มีประสิทธิภาพสูงทำช่วยทำให้ในการคิดประมวลผลแล้วก็จัดการภาพนั้นทำได้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม  

ส่วนราคาของทั้ง 3 รุ่นมีดังนี้

• Samsung Galaxy S23
  • RAN 8GB / 128GB = 30,900 บาท
  • RAM 8GB / 256GB = 33,900 บาท
• Samsung Galaxy S23+
  • RAM 8GB / 256GB = 37,900 บาท 
  • RAM 8GB / 512GB = 42,900 บาท
• Samsung Galaxy S23 Ultra
  • RAM 8GB / 256GB = 43,900 บาท
  • RAM 12GB / 512GB = 49,900 บาท
  • RAM 12GB / 1TB = 59,900 บาท

ส่วนโปรโมชั่นกลางมีดังนี้

• ฟรีความจุเพิ่ม เป็น 2 เท่า มูลค่าสูงสุด 10,000​
• เก่าแลกใหม่ ลดเพิ่มสูงสุด 5,000.- (ลดเพิ่มจากราคาประเมิน 5,000.- เมื่อซื้อ Galaxy S23 Ultra และ 4,000.- เมื่อซื้อ Galaxy S23+ l S23 )​
• ส่วนลด 30% แลกซื้อ Galaxy Watch5 Series และ/หรือ Galaxy Buds2 Pro

 

พิเศษ! เฉพาะที่ samsung.com เท่านั้น​

• เลือกได้ว่าจะ รับความจุเพิ่มเป็น 2 เท่า หรือ รับ E-voucher มูลค่าสูงสุด 10,000.- ใช้ซื้อหรือเป็นส่วนลดซื้อสินค้าในเว็บ samsung.com ได้ในครั้งถัดไป​
• รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 5% เมื่อชำระผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด​
• รับคะแนนสะสม Samsung Rewards 2% ของยอดซื้อสุทธิ เพื่อใช้เป็นส่วนลดครั้งถัดไป  (1 บาท = 1 คะแนน)​
• เมื่อจองสีพิเศษ จะได้รับเพิ่ม Clear Cover Case และ สติกเกอร์ตกแต่ง 1 เซ็ต มูลค่ารวม 1,080. บาท

พิเศษ! เฉพาะที่ Samsung Experience Store เท่านั้น​

• เมื่อลูกค้าจองและซื้อเครื่องพร้อมเคสซัมซุง รับเพิ่มอุปกรณ์ตกแต่ง 1 เซต 4 ชิ้น ได้แก่ สติกเกอร์ 2 ลาย,
• สายคล้องเครื่อง 1 ชิ้น และ Griptok 1 ชิ้น และ โค้ดส่วนลดเคสซัมซุง 20% บนเว็บไซต์ Casetify ​ 

สำหรับทุกการสั่งซื้อหรือการจอง จากทุกช่องทาง ​เพิ่มเติมไปอีก!!!!​

• รับสิทธิ์ซื้อประกันจอแตก Samsung Care+ ในราคาพิเศษ ลด 50%

 
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องลุ้นกันต่อไปกันก็คือเรื่องของราคาและการทดลองจริงซึ่งติดตามได้ทาง Sanook Hitech ไม่นานเกินรอครับ

สำหรับใครที่สนใจอยากจอง Samsung Galaxy S23 Series เป็นเจ้าของก่อนใคร สามารถซื้อได้เลยที่ Samsung S23 / S23+ และ Samsung S23 Ultra แอบกระซิบว่ามี 4 สีพิเศษเฉพาะการสั่งซื้อที่ Samsung เท่านั้น!

ขอบคุณเนื้อหาจาก
• https://www.samsung.com/th/smartphones/galaxy-s23/
• https://www.samsung.com/th/smartphones/galaxy-s23-ultra/