"แซบ จูดาห์" : นักชกที่เคยส่ง "ฟลอยด์" ไปกองและทำให้ "เดอะ มันนี่" เก่งกว่าเดิม 10 เท่า

"แซบ จูดาห์" : นักชกที่เคยส่ง "ฟลอยด์" ไปกองและทำให้ "เดอะ มันนี่" เก่งกว่าเดิม 10 เท่า

"แซบ จูดาห์" : นักชกที่เคยส่ง "ฟลอยด์" ไปกองและทำให้ "เดอะ มันนี่" เก่งกว่าเดิม 10 เท่า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"พริตตี้ บอย" คือฉายาที่มีไว้ให้กับนักมวยที่ขึ้นชก และสามารถเอาชนะด้วยใบหน้าที่ไร้รอยขีดข่วน เปรียบเทียบได้กับการชนะคู่แข่งด้วยการไม่ต้องออกแรงอะไรมากมายนัก และหนึ่งในนักชกที่ได้รับฉายานั้นคือ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ นักชกไร้พ่ายที่ประกาศแขวนนวมไปแล้วในเวลานี้

ทว่าเมื่อย้อนไปปี 2006 แฟนมวยทั่วโลกได้เห็น "พริตตี้ บอย" อย่าง ฟลอยด์ ลงไปกองกับพื้น ด้วยฝีมือของนักมวยที่เร็วกว่า, แรงกว่า และแม่นกว่าใน 6 ยกแรกอย่าง แซบ จูดาห์ ... ชายที่ "ว่ากันว่า" ส่งฟลอยด์ ลงไปกองกับพื้นถึง 2 ครั้ง 2 ครา

 

นี่คือเรื่องราวของนักชกที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองเเพ้ เมย์เวทเธอร์ ในค่ำคืนนั้น และหลังไฟต์ที่แสนวุ่นวายกับคำตัดสินที่ไม่เป็นใจ เกิดอะไรขึ้นกับ แซบ จูดาห์ ติดตามได้ที่นี่

เกิดมาเพื่อคว่ำฟลอยด์? 

ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ คือนักชกที่ผันตัวเองจากต่อยระดับสมัครเล่นและได้แข่งขันในโอลิมปิกปี 1996 และหลังเซ็นสัญญาเป็นนักชกในการดูแลของ บ็อบ อารัม เขาเริ่มขึ้นมาชกในระดับอาชีพ และเริ่มแสดงให้เห็นถึงความเหนือชั้นจนได้ฉายา "พริตตี้ บอย" 

 1

ด้วยความที่เป็นนักมวยที่มีคาแร็คเตอร์กวนโอ๊ยและโอหังในการให้สัมภาษณ์แต่ละไฟต์ ดังนั้นนักชกหลายคนพยายามที่จะคว่ำเขาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็น เจนาโร เฮอร์นานเดซ, โฆเซ่ หลุยส์ กาสติโญ่ และ เดอร์มาคัส คอร์ลี่ย์ ด้วย พวกเขาอาจจะสู้ได้ดี และใกล้เคียงกับการโค่นฟลอยด์ แต่มันก็ไม่มากพอ ... ในที่สุดคิวของการท้าชิงก็วนมาถึงเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ อย่าง แซบ จูดาห์

จูดาห์ และ ฟลอยด์ เป็นเหมือนไก่เห็นตีนงูงูเห็นนมไก่ ทั้งสองรู้ไส้รู้พุงกันเป็นอย่างดีเพราะเติบโตในวงการมวยยุคเดียวกัน ทั้งคู่เป็นนักชกที่เข้าแคมป์คัดตัวทีมชาติสหรัฐอเมริกาในโอลิมปิกปี 1996 ที่ แอตแลนต้า แต่อยู่คนละรุ่น (จูดาห์ - ไลท์เวลเตอร์เวต, ฟลอยด์ - เฟเธอร์เวต) ซึ่งแม้จูดาห์จะไม่ได้ไปแข่งขันในรอบสุดท้าย แต่เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับเหตุผลที่ทำไม จูดาห์ ถึงค่อนข้างมั่นใจว่า ฟลอยด์ จะได้เจอกับความยากลำบากบนสังเวียนมากที่สุดหากได้ชกกับเขา

"ผมรู้จักเขา และเขาก็รู้จักผมดี ช่วงปี 1996 เราเป็นเพื่อนซี้กันเลย มีผม, เขา และ ซาฮีร์ ราฮีม ส่วนตัวผมนั้นมีโอกาสได้เจอกับ ฟลอยด์ บนเวทีประจำในทัวร์นาเมนต์ต่างๆ เขามาจากดีทรอยต์ และผมมาจากนิวยอร์ค" จูดาห์ เล่าถึงความหลังเมื่อครั้งอดีต 

 2

หลังจากที่ทั้งคู่เทิร์นโปรต่างคนต่างก็แยกย้ายไปคนละทาง จูดาห์ นั้นย้ายไปอยู่ภายใต้การดูแลของ ดอน คิง ที่เคยเป็นโปรโมเตอร์ของ มูฮัมหมัด อาลี และ ไมค์ ไทสัน ขณะที่ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ได้เข้าสังกัดของบ็อบ อารัม ซึ่งแน่นอนว่าทั้งสองค่ายถือเป็นศัตรูกันโดยตรง พวกเขาต้องการสร้างแชมป์โลกขึ้นมาเพื่อหาข้อสรุปว่าค่ายไหนกันแน่เป็นค่ายที่ดีกว่ากัน

ตัวของจูดาห์ เทิร์นโปรตั้งแต่ปี 1996 และก่อนจะเจอฟลอยด์ เขาถือครองเข็มขัด IBF รุ่นเวลเตอร์เวท ส่วนฟลอยด์ ขณะนั้นเป็นแชมป์ไร้พ่าย 3 รุ่น เพราะฉะนั้น นี่จึงเป็นอีกหนึ่งไฟต์ยิ่งใหญ่ที่หลายคนรอคอย ทว่าก่อนไฟต์นี้เกิดจุดเปลี่ยนเล็กน้อย เมื่อจูดาห์ ดันไปพลาดท่าแพ้ เสียเข็มขัดแชมป์รุ่นเดียวกันของ WBC ให้กับ คาร์ลอส บัลโดเมียร์ เมื่อต้นปี 2006 ทำให้การชกระหว่างจูดาห์ กับฟลอยด์ ที่เดิมทีวางแผนไว้ในเดือนเมษายนปี 2006 ต้องชะงักลง

อย่างไรก็ตาม 2 โปรโมเตอร์ผู้ทรงอิทธิพลนั่งคุยเพื่อหาข้อสรุปของไฟต์นี้กันใหม่ ซึ่งเดิมทีฟลอยด์ จะได้การันตีค่าชกที่ 6 ล้านเหรียญ และจูดาห์ ได้รับการันตี 3 ล้านเหรียญ แต่พอจูดาห์แพ้บัลโดเมียร์ ก่อนหน้านี้ ก็ทำให้มูลค่าของไฟต์ระหว่างเขากับฟลอยด์ลดลง เขายินยอมรับค่าชกเพียง 1 ล้านเหรียญ ขณะที่ฟลอยด์ ได้รับการันตีที่ 5 ล้านเหรียญสหรัฐโดยการชกยังเป็นไปตามกำหนดเดิม แต่นาทีนั้นเขาไม่สนแล้ว เขามั่นใจว่าด้วยสไตล์มวยของเขาจะโค่นล้มฟลอยด์ลงได้

ฟลอยด์ เซ ร่วง! 

ไฟต์ระหว่าง ฟลอยด์ และ จูดาห์ ในปี 2006 เป็นอีกไฟต์ที่ได้รับการตอบรับในแง่ของกระแสคนดูสูง เพราะมีคนจ่ายเงินชมการถ่ายทอดสดแบบ Pay-Per-View กว่า 374,000 คน ทำให้ส่วนแบ่งจากการถ่ายทอดสดทั้งหมดมากถึง 16.8 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว 

 3

"มันเป็นเรื่องของความฉลาด ผมคือคนที่เก่งที่สุดในวงการมวยและนั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมผมถึงยังไร้พ่าย" ฟลอยด์ กล่าวอย่างมั่นใจก่อนขึ้นชก ขณะที่ด้านของ จูดาห์ ตอบกลับสั้นๆ ว่าถึงวันชกทุกคนจะได้เห็นเอง

"ฟลอยด์ เป็นนักมวยที่ปากดี เราจะเจอกันในวันที่ 8 เมษายนนี้ แล้วเรามาดูกันว่าเขาจะยังปากเก่งแบบนั้นอีกไหม?" แซบ จูดาห์ เปิดประเด็น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตั๋วในไฟต์นี้ขายดิบขายดี 

จูดาห์ เริ่มไฟต์ด้วยความร้อนแรง เขาห้าวหาญเปิดยกแรกด้วยการท้าทายจุดเเข็งที่สุดจุดหนึ่งของ ฟลอยด์ นั่นคือ "ความเร็ว" ที่ จูดาห์ ใช้การหลบและดักชก 1-2 จนแฟนๆ ที่ ลาส เวกัส พร้อมใจเฮกันหลายหน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ จูดาห์ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาเร็วกว่า

ความเร็วที่ว่าแจ๋วและเรียกเสียงฮือฮายังไม่เท่าไฮไลต์ในยกที่ 2 เมื่อ ฟลอยด์ พรวดพราดเข้ามาหมายจะเล่นลำตัวของคู่ชก ทว่ามันเข้ามาในรัศมีของ จูดาห์ ก่อนที่เจ้าตัวจะดักชกด้วยหมัดขวาที่ฟลอยด์ คาดไม่ถึงเข้าเต็มหน้า ก่อนที่ "พริตตี้บอย" จะเซจนเข่าติดพื้น 

 4

นั่นควรจะเป็นช็อตที่ จูดาห์ ควรจะคะแนนพุ่งขึ้นมาเพราะจากภาพช้ามันเห็นได้ชัดๆ ว่าหมัดขวาของเขาโดนหน้าของฟลอยด์ อย่างจัง ทว่ากรรมการตัดสินว่าจังหวะเซจนเข่าเเตะพื้นของ ฟลอยด์ เกิดจากการก้าวพลาด และลื่นของเจ้าตัวเอง 

"ผมแค่รู้สึกว่าอะไรๆ มันก็ไม่เข้าทางผมเลย อย่างแรกสุดคือผมน็อคเขาลงแล้วแท้ๆ แต่ดันมีคนบอกว่ามันเป็นการลื่นของเขาเอง" จูดาห์ กล่าว 

"ซึ่งอันที่จริงมันไม่ใช่ ตอนนั้นผมส่งเขาร่วงพื้นได้จริง และควบคุมการชกได้หมดเเล้ว ผมยอมรับว่า ฟลอยด์ เป็นนักสู้ที่ยิ่งใหญ่ แต่ผมแทบไม่ได้อะไรจากไฟต์นั้นเลย" 

6 ยกเต็มๆ ที่ จูดาห์ เดินหน้าไล่ถล่ม ฟลอยด์ ด้วยหมัด 1-2 และการดักต่อยที่แม่นยำ แม้เจ้าตัวจะเริ่มมีเป๋หลังถูกฟลอยด์ต่อยเข้าที่จมูกจนเลือดกำเดาไหลในยกที่ 5 อย่างไรก็ตามเมื่อเข้าสู่ยก 7 กลับกลายเป็นว่า ฟลอยด์ เริ่มทำได้ดีกว่าและเรียกคืนความแม่นยำ ด้วยการทำให้เลือดกำเดาอีกฝ่ายไหลอีกครั้ง จนสามารถเริ่มคุมสถานการณ์ได้ 

 5

แต่แล้วจังหวะปัญหาที่ทำให้ภาพลักษณ์ของ จูดาห์ โดนมองว่าติดลบและสมควรเป็นผู้แพ้ก็ปรากฎขึ้น ... เมื่อเหลืออีก 10 วินาทีสุดท้ายของยกที่ 10 จูดาห์ โดนจับว่าพยายามเล่นโกงจากการชกใต้เข็มขัด และต่อยเข้าที่ด้านหลังศีรษะของฟลอยด์ ซึ่งหมัดที่เขาชกหลังหัว ทำให้ "พริตตี้บอย" ดิ้นด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็เกิดเหตุชุลมุนขึ้นทันที

ทีมพี่เลี้ยงของฟลอยด์กระโจนขึ้นมาบนเวที และพยายามจะหาเรื่องกับ แซบ จูดาห์ ทว่าเรื่องก็มั่วเข้าไปอีกเมื่อ โจเอล จูดาห์ ทีมพี่เลี้ยงของ แซบ ชิงเปิดงานด้วยการต่อยใส่พี่เลี้ยงของ ฟลอยด์ จากนั้นก็ชุลมุนกันมั่วซั่วจนตำรวจต้องรีบขึ้นมาหยุดสถานการณ์ดังกล่าว

 6

"ผมไม่ใช่นักมวยที่ชกสกปรก การทำฟาวล์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในการแข่งขัน ผมไม่ได้พยายามจะชกใต้เข็มขัดเหมือนกับที่ บ็อบ อารัม กำลังจะบอกคนอื่นๆ จริงๆ แล้วมันต้องย้อนกลับไปอีกครั้ง หาก โรเจอร์ เมย์เวทเธอร์ (พี่เลี้ยงของฟลอยด์) เก็บตูดของเขาให้นั่งติดเก้าอี้ไม่ขึ้นมามั่วบนเวที เรื่องราววุ่นๆ นี้คงไม่เกิดขึ้นหรอก”

หลังจากเคลียร์เหตุการณ์ทั้งหมดจบลง 2 ยกสุดท้ายก็ตกเป็นของ ฟลอยด์ โดยปริยาย เขาปิดเกมจนถึงยก 12 และชนะไปแบบเอกฉันท์ 116–112, 117–111 และ 119–109

มันใช่เหรอ?

แม้ในไฟต์จะดูสูสี แต่สกอร์ออกมาขาดลอยนั่นทำให้ แซบ จูดาห์ ในวันที่คิดว่าตัวเองมาถึงจุดที่พีกที่สุดยอมรับไม่ได้ เขาให้สัมภาษณ์ว่าไฟต์นี้ควรออกได้ 2 หน้าเท่านั้น นั่นคือ 1. เขาชนะ และ 2. เสมอกัน ซึ่งเป็นผลการแข่งขันที่เขารับได้ที่สุด

 7

"ไฟต์นั้นเป็นไฟต์ที่ยอดเยี่ยม แต่ผมรู้สึกเหมือนว่ามีการล็อกตัวผู้ชนะอย่างไรอย่างนั้น ... ผมเชื่อแบบนั้นจริงๆ ผมไม่คิดว่าผมควรเดินลงเวทีด้วยผลเช่นนั้นเลย" จูดาห์ มั่นใจในการชกของตัวเอง

"ฟลอยด์ เองก็ยังบอกว่าผมชนะเขาใน 6 ยกแรก ส่วนอีก 6 ยกสุดท้ายเป็นของเขา แล้วถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ คุณว่ามันหมายความว่าอย่างไร? (6 ต่อ 6 = เสมอ) อย่างแย่ที่สุดคือผมสามารถรับกับผลเสมอได้ และมันก็จะกลายเป็นรอยด่างพร้อยกับ พริตตี้บอย อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าคืนนั้นเป็นค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่และค่ำคืนที่เป็นประวัติศาสตร์"  

หลังจากไฟต์ดังกล่าว จูดาห์ พยายามจะหาทางให้ ดอน คิง ตกลงกับ บ็อบ อารัม อีกครั้งเพื่อจัดรีแมตช์ในทันที ทว่าฝั่งของ ฟลอยด์ มองไปที่ก้าวต่อไปแล้ว บ็อบ อารัม บอกว่าไฟต์ต่อไปของ ฟลอยด์ จะเป็นการพบกับ อันโตนิโอ มาร์การิโต้ ที่เขาคาดว่าจะทำเงินจาก Pay Per View มากกว่า (ทว่าสุดท้ายไฟต์ดังกล่าวก็ไม่เกิดขึ้น) ขณะที่ จูดาห์ ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ... 

สาเหตุก็เพราะ จูดาห์ โดนยึดใบอนุญาตชกมวยเป็นเวลา 1 ปี จากเหตุชลมุนนั้น และยังโดนปรับเงินอีกถึง 350,000 เหรียญ ซึ่งช่วงเวลา 1 ปีที่ห่างหายไป ชีวิตของเจ้าตัวก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ แต่กลับถูกจับจากปัญหาที่มีกับคนในครอบครัว แม้ไม่มีการเปิดเผยสาเหตุว่าหมายจับมาได้อย่างไร แต่นั่นเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เขาไม่ฟิตเหมือนเดิม

 8

หลังจากพ้นโทษแบน จูดาห์ ขึ้นชกกับ รูเบน กัลวาน ในเดือนเมษายน 2007 ก่อนที่จะต้องยกเลิกไฟต์ดังกล่าวไปเพราะ จูดาห์ ใช้ศอกไปโดนหัวของ กัลวาน จนแตกและไม่สามารถชกต่อไปได้ จากนั้น จูดาห์ เริ่มมีสถิติการชกที่ไม่ดีเหมือนเก่า เขาแพ้ให้กับ มิเกล ค็อตโต้, โจชัว คล็อตตี้ย์, อาเมียร์ ข่าน, แดนนี การ์เซีย และ พอลลี่ มาลิกนาจจี้ ทั้งหมด 5 ไฟต์ในเวลา 6 ปี ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีข่าวฉาวเรื่องการทะเลาะวิวาทในไนท์คลับอีกด้วย

ขณะที่ ฟลอยด์ นั้นเดินสวนทางอย่างชัดเจน ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ไม่ใช่แค่ "พริตตี้บอย" อีกต่อไปแล้ว หลังจากชนะ จูดาห์ ในไฟต์นั้น ฟลอยด์ ก้าวเป็นนักชกระดับยอดมนุษย์ ที่แทบจะไม่ใกล้เคียงความพ่ายแพ้อีกเลย ซึ่งฉายาของเขาถูกเปลี่ยนเป็น "เดอะ มันนี่" และคงอยู่เสมอมา

จากคู่ชกสู่คู่ซ้อม 

หลังจากแพ้ให้กับ พอลลี่ มาลิกนาจจี้ ในปี 2013 แซบ จูดาห์ ไม่ได้ประกาศเลิกชกมวยเพียงแต่ว่าเขาหายตัวไปเลย ไม่เคยขึ้นชกระดับอาชีพไปถึง 4 ปี 

 9

บ้างก็ว่าเขาหมดสภาพไปเรียบร้อยไปแล้ว ทั้งจากเรื่องของสภาพร่างกายที่ไม่เหมือนเดิม และการปฎิบัติตัวนอกสนามที่มีชีวิตที่สุดเหวี่ยงมากเกินไป ทว่าความจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น แซบ จูดาห์ เพิ่งดวงตาเห็นธรรม และรู้ว่าเขาควรกลับมาตั้งใจฝึกอีกครั้ง หากอยากจะกลับมาเป็นที่รู้จักเหมือนเดิม และยิมที่ที่เขาเข้าไปอยู่ด้วยในช่วงฟื้นฟูไม่ใช่ยิมของใคร ... ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ เพื่อนเก่าของเขานั้นเอง

แม้หลังจากปี 2006 โลกจะรู้จักแต่ เมย์เวทเธอร์ แต่ จูดาห์ นั้นถูกลืม ทว่าความจริงคือ แซบ จูดาห์ คือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ ฟลอยด์ โดยตรง เพราะช่วงที่เงียบหายไปเขาทำหน้าที่เป็นคู่ซ้อมของ ฟลอยด์ สำหรับการเตรียมตัวกับไฟต์ใหญ่ๆ และไฟต์ที่เจอกับ แมนนี่ ปาเกียว ในปี 2015 ก็เช่นกัน การฝึกหนักแบบรากเลือดของ ฟลอยด์ เกิดขึ้นพร้อมกับ เเซบ จูดาห์ ที่ฝึกเหมือนกันแทบทุกอย่าง และตัวของจูดาห์บอกเสมอว่ายิ่งเขาใกล้ชิดกับฟลอยด์มากขึ้นเท่าไหร่ อดีตนักชกที่เกือบแพ้เขาคนนี้ก็ยิ่งเก่งขึ้นแบบไม่มีที่สิ้นสุด

"ฟลอยด์ มองหาการพัฒนาที่ก้าวกระโดดสำหรับตัวของเขาเอง และตอนที่ผมเจอเขาครั้งที่ 2 เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเเล้ว เขาดีขึ้นกว่าตอนที่เจอกับผมในปี 2006 ถึง 10 เท่า เขาฉลาดขึ้นเยอะ และแทบจะเข้าไปควบคุมคู่ชกถึงความคิดเลยด้วยซ้ำ เขารู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ พวกเราทุกคนเริ่มเรียกเขาว่านักวิทยาศาสตร์" จูดาห์ ที่เป็นคู่ซ้อมของ ฟลอยด์ ก่อนชกกับ ปาเกียว กล่าว

 10

"สุดยอดแห่งสปีดหมัด, สุดยอดของพลังหมัด และสุดยอดของทุกๆ ด้าน เอาเถอะทุกคนรอดูได้เลย "มันนี่เมย์" จะโชว์ให้คุณเห็นเองแหละ" จูดาห์ กล่าว 

ตัวของ จูดาห์ เองก็ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรเลยสำหรับเรื่องนี้ เพราะก่อนที่ ฟลอยด์ จะชกกับ ปาเกียว มีข่าวหลุดมาจากวงในของยิมเมย์เวทเธอร์ว่า ในระหว่างลงนวมชก ฟลอยด์ ผู้ไร้พ่าย ถูก แซบ จูดาห์ น็อคเอาต์ด้วยหมัดซ้ายอีกด้วย

"ใช่ แซบ อยู่ในค่ายมวยของพวกเรา เขาเป็นนักสู้ที่ยิ่งใหญ่ เขาช่วยเตรียมพร้อมให้กับคู่ซ้อม ผมยอมรับว่าเขาคือคนที่ผลักดันให้ ฟลอยด์ ไปอีกระดับ แต่ขอยืนยันว่าเรื่องการน็อค ฟลอยด์ แบบหมดสภาพนั้นไม่เคยเกิดขึ้น" นี่คือสิ่งที่ เลียวนาร์ด เอลเลอร์เบ้ ซีอีโอของ เมย์เวทเธอร์ โปรโมชั่น พูดถึงข่าวลือดังกล่าว ... ซึ่งที่สุดเเล้วข่าวลือว่า แซบ จูดาห์ คือชายที่ส่ง ฟลอยด์ ลงไปกองกับพื้น 2 หนก็ยังคงถูกนำมาพูดถึงจนทุกวันนี้ 

 11

ปี 2017 แซบ จูดาห์ ในวัย 38 ปีก็ประกาศกลับมาชกอีกครั้ง ดูเหมือนการไปซุ่มซ้อมกับอดีตคู่ปรับบนสังเวียนจะช่วยได้จริง เมื่อเขาสามารถชนะ ฮอร์เก้ หลุยส์ มันเกีย และ โนเอล เมเยีย รินคอน ในปีต่อมา ทว่าช่วงต้นปี 2019 เขาแพ้ให้กับ เซลตัส เซลติน และต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะมีเลือดออกในสมอง ซึ่งตอนนี้เขายังอยู่ในช่วงพักฟื้นหลังออกจากโรงพยาบาล ... ถึงตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าเขาจะกลับมาขึ้นชกอีกหรือไม่

แม้จะไม่ถูกจดจำในฐานะยอดมวยมากมายนัก ทว่าสุดท้ายแม้ร่างกายจะเริ่มโรยรา แต่ แซบ จูดาห์ ก็ยังทำเรื่องให้คนจดจำเขาได้อย่างน่าชื่นชม

ทำไม ฟลอยด์ จึงฉากหลบเร็วนักและออกหมัดได้อย่างแม่นยำ แม้จะเข้าสู่ช่วงปลายอาชีพใกล้วัย 40 ปี? เรื่องนี้ได้คำตอบแล้ว แซบ จูดาห์ คือผู้อยู่เบื้องหลังนี่เอง...

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ ของ "แซบ จูดาห์" : นักชกที่เคยส่ง "ฟลอยด์" ไปกองและทำให้ "เดอะ มันนี่" เก่งกว่าเดิม 10 เท่า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook