6 เหตุการณ์แย่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก ที่ดุเดือดที่สุดในประวัติศาสตร์

6 การขับเคี่ยวแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกที่ดุเดือดที่สุดในประวัติศาสตร์

6 การขับเคี่ยวแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกที่ดุเดือดที่สุดในประวัติศาสตร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ลิเวอร์พูล  กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังอยู่ระหว่างเบียดแย่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก  กันอย่างดุเดือดซึ่งมันอาจกลายเป็นหนึ่งในการตีคู่ชิงแชมป์ที่สูสีที่สุดในประวัติศาสตร์ 

อย่างไรก็ตาม การต่อสู้เพื่อลุ้นตำแหน่งเจ้าลูกหนัง อังกฤษ ในอดึตยังเคยมีช่วงเวลาอันน่าประทับใจซึ่งกลายเป็นตำนานเล่าขานในเวลาต่อมา 

และ 6 อันดับต่อไปนี้คือการขับเคี่ยวชิงแชมป์ พรีเมียร์ลีก ที่ยังคงตราตรึงในใจของเรา

6. อาร์เซนอล กับแชมป์ พรีเมียร์ลีก ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ (1997/98)

Image by Tomorn

ฤดูกาลแรกของ อาร์เซน เวนเกอร์ กับ ไอ้ปืนใหญ่ นั้นเต็มไปด้วยช่วงเวลาน่าประทับใจมากมาย พวกเขาเวลานั้นมีนักเตะอย่าง มาร์ค โอเวอร์มาร์ส, ปาทริค วิเอรา, โทนี อดัมส์ และ เดนนิส เบิร์กแคมป์ อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางนักเตะมีคลาสมากมายแต่ เดอะกันเนอร์ส กลับออกสตาร์ทซีซันได้ไม่น่าพอใจเท่าไหร่นัก

ทว่าท้ายที่สุดทัพ ปืนโต งัดผลงานไร้พ่าย 18 นัดติดต่อกันและไฮไลท์อยู่ที่การเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในเวลาดังกล่าวและเถลิงบัลลังก์แชมป์ในที่สุด  

เกมดังกล่าวกลายเป็นจุดเปลี่ยนของซีซันด้วยประตูโทนของ มาร์ค โอเวอร์มาร์ส ทำให้ลูกทีมของ เวนเกอร์ เอาชนะไปได้ 1-0 ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด และทำให้ช่องว่าง 11 คะแนนที่ อาร์เซนอล เคยตามหลังนั้นหายไปพร้อมกับแชมป์ พรีเมียร์ลีก ของ ไอ้ปืนใหญ่ ด้วยแต้มที่มากกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เพียง 1 คะแนน

5. นิวคาสเซิล ทิ้งสถานะผู้นำ 12 คะแนน (1995/96)

Kevin KeeganClive Brunskill/GettyImages

ทัพสาลิกาดง ภายใต้การคุมทีมของ เควิน คีแกน ที่มีเกมรุกอันน่าตื่นตาตื่นใจทำให้ในช่วงหนึ่งของ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 1995/96 พวกเขามีแต้มทิ้งห่างทีมในอันดับที่ 2 ถึง 12 คะแนนทำให้ทีมมีลุ้นสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1927  

เลส เฟอร์ดินานด์, ปีเตอร์ เบียดสลีย์ และ ดาวิด ชิโนลา พา เดอะแม็กพายส์ บินสูงสุดเมื่อพวกเขานำโด่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ผู้ตามถึง 12 แต้มเมื่อเหลือการแข่งขันเพียง 15 นัดสุดท้าย  

แต่ท้ายที่สุด ปีศาจแดง ก็พลิกกลับมาแซง นิวคาสเซิล เข้าป้ายคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก โดยไฮไลท์ของฤดูกาลเป็นวิวาทะของ คีแกน ที่ทำสงครามจิตวิทยากับ เฟอร์กี้ ซึ่งมีประโยคทีเด็ดว่า “ผมจะยินดีมากหากพวกเราเอาชนะพวกเขาได้”  

โชคร้ายสำหรับกองเชียร์ ทูนอาร์มี เมื่อเกมที่ทั้งสองพบกัน ปีศาจแดง สามารถคัมแบ็ครัวยิง 2 ประตูเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ และ เร้ดเดวิลส์ กลายเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก โดยมีคะแนนนำ นิวคาสเซิล ในอันดับที่ 2 อยู่ 4 แต้ม ซึ่งจนถึงตอนนี้มันยังคงเป็นอันดับที่ดีที่สุดที่พวกเขาเคยทำได้ในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก

4. ลื่นจนเสียแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2013/14 ของ ลิเวอร์พูล

Demba Ba,Simon MignoletClive Brunskill/GettyImages

หงส์แดง มีภาษีที่ดีที่สุดในการล่าตำแหน่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก ครั้งแรกในประวัติศาสตร์กับชุดนักเตะระดับท็อปในเวลานั้นอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง, สตีเวน เจอร์ราร์ด, ​ฟิลิปเป้ คูตินโญ​ และ หลุยส์ ซัวเรซ  

พวกเขาอยู่ในช่วงที่สามารถเก็บชัยชนะติดต่อกันมาได้ 11 นัดเมื่อถึงคิวดวลกับ เชลซี ของ โชเซ มูรินโญ ในเดือนเมษายน ก่อนที่ช็อตลื่นของ สตีเวน เจอร์จาร์ด จนทำให้ เด็มบา บา ฉกบอลไปยิงเป็นเหตุให้ เร้ดแมชีน ปราชัยในเกมดีงกล่าว 2-0  

และวิวาทะของกัปตัน หงส์แดง ที่กล่าวไว้หลังจากเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงท้ายเกมว่า “เราจะไม่ปล่อยให้มันหลุดมือ” (We do not let this slip - slip มีอีกความหมายว่าลื่น) กลายเป็นอีกประเด็นให้ได้พูดถึง  

ซึ่งท้ายที่สุด เกมถัดมาที่ ลิเวอร์พูล เจอกับ คริสตัล พาเลซ พวกเขานำห่าง ปราสาทเรือนแก้ว ไปก่อนถึง 3-0 ก่อนที่จะถูกตีเสมอ 3-3 พร้อมกับยกแชมป์ให้ แมนฯ ซิตี้ ที่พลิกแซงไปได้ 2 คะแนนเมื่อถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาล

3. เทรเบิลแชมป์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด 1998/99

Image by Tomorn
ฤดูกาล 1998/99 ของ เร้ด เดวิลส์ กลายเป็นซีซันที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำด้วยหลายเหตุผล มันเป็นปีที่พวกเขากวาดแชมป์ทั้ง พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ภายในฤดูกาลเดียว

 การเบียดแย่งแชมป์ลีกสูงสุดในเวลานั้นเป็นการตีคู่กันระหว่าง ปีศาจแดง และ อาร์เซนอล ที่ต้องลุ้นไปจนถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาลโดยมี เชลซี ที่มีลุ้นอยู่ช่วงหนึ่งก่อนจะอ่อนแรงลงไปและจบด้วยอันดับที่ 3 ตามหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด 4 คะแนน

หนึ่งในไฮไลท์ของซีซันดังกล่าวอยู่ที่ ไอ้ปืนใหญ่ ไปปราชัยต่อ ลีดส์ ยูไนเต็ด ส่งผลให้โมเมนตัมกลายเป็นของทัพ อสูรแดง และกลายเป็นพวกเขาที่ซิวแชมป์ไปได้ในวันสุดท้ายของการแข่งขันกับการพลิกกลับมาเอาชนะ สเปอร์ส จากที่ตามหลังไปก่อน 1-0 โดยมี อาร์เซนอล เข้าป้ายเป็นอันดับที่ 2 

2. แบล็คเบิร์น ช็อคทั้งลีกในฤดูกาล 1994/95

Alan ShearerClive Brunskill/GettyImages
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นับว่าเป็นสโมสรที่ครองความยิ่งใหญ่ในทศวรรษที่ 90 แต่หนึ่งในฤดูกาลที่พวกเขาไม่อาจเถลิงบัลลังก์คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้คือซีซัน 1994/95 ที่อันดับ 1 บนตารางคะแนนตกเป็นของ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส

นับเป็นซีซันที่ทัพ กุหลาบไฟ ซิวแชมป์ลีกสูงสุดได้เป็นครั้งแรกในรอบ 81 ปีภายใต้การคุมทีมของ เคนนี ดัลกลิช โดยมีนักเตะชูโรงอย่าง คริส ซัตตัน, ทิม เชอร์วูด และดาวซัลโว อลัน เชียเรอร์ ที่ระเบิดตาข่ายไปถึง 34 ประตูในฤดูกาลดังกล่าว

ลูกทีมของ ดัลกลิช เข้าป้ายซิวแชมป์โดยมีแต้มเหนือ ปีศาจแดง เพียง 1 คะแนน แม้จะไปพ่ายต่อ ลิเวอร์พูล 2-1 ในเกมสุดท้ายของฤดูกาล ขณะที่ ปีศาจแดง เสมอกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-1  

1. เฮือกสุดท้ายเบียดคว้าแชมป์ของ แมนฯ ซิตี้ ในฤดูกาล 2011/12

Sergio AgueroShaun Botterill/GettyImages
มีเพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้นที่จะอยู่ในอันดับที่ 1 ของเรากับช่วงเวลามหัศจรรย์ของ เซร์คิโอ อเกวโร กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ในซีซัน 2011/12  

เข็มนาฬิกาในเกมระหว่าง เรือใบสีฟ้า กับ ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส ได้ล่วงเลยสู่นาทีที่ 90 พวกเขาต้องการ 2 ประตูในการพลิกกลับมาชนะ คิวพีอาร์ เพื่อครองบัลลังก์แชมป์หลังจากที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้บุกไปเอาชนะ ซันเดอร์แลนด์ เรียบร้อย

เอดิน เชโก้ จุดประกายความหวังของ เรือใบสีฟ้า เมื่อสามารถโหม่งพังประตูตีเสอม 2-2 ในนาทีที่ 90+2 และ เซร์คิโอ อเกวโร กลายเป็นฮีโร่ซัลโวประตูชัยก่อนหมดเวลาไม่กี่อีดใจทำให้ ซิตีเซนส์ คว้าชัยเหนือ คิวพีอาร์ สำเร็จ 3-2

เป็นหนึ่งในการตว้าแชมป์ที่น่าจดจำที่สุดในประวัติศาสตร์เมื่อมันเกิดขึ้นด้วยจังหวะสุดท้ายของซีซัน, เข้าป้ายเหนืออริร่วมเมืองด้วยประตูได้เสียที่ดีกว่า อีกทั้งยังเป็นการซิวเบอร์หนึ่งของลีกสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1968 อีกด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook