แกรี่ สปีด : นักเตะที่สะท้อนให้เห็นว่า "โรคซึมเศร้า" ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

แกรี่ สปีด : นักเตะที่สะท้อนให้เห็นว่า "โรคซึมเศร้า" ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

แกรี่ สปีด : นักเตะที่สะท้อนให้เห็นว่า "โรคซึมเศร้า" ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ได้รับการยกย่องจากแฟนบอลและเพื่อนร่วมอาชีพ ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติในฐานะการเป็นมนุษย์ และเป็นหนึ่งในนักเตะผู้ยิ่งใหญ่แห่งฟุตบอลพรีเมียร์ลีก นี่คือสิ่งที่ แกรี่ สปีด คว้ามาได้ตอนอายุ 40 ปี

นี่คือนักเตะและเฮดโค้ชที่ทุกคนมองว่าเขาคือ "ท็อปแมน" ผู้มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบในทุก ๆ ด้าน เป็นคนที่ใคร ๆ ก็อิจฉา ... แต่ที่สุดแล้วเขากลับเลือกที่จะจบชีวิตตัวเอง

ความไม่สัมพันธ์กันของสิ่งที่ทุกคนได้เห็นกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้คืออะไร ติดตามได้ที่นี่กับ Main Stand

ท็อปแมน 

แกรี่ สปีด ชื่อนี้อาจจะไม่ได้ติดทำเนียบยอดนักเตะระดับโลก ไม่ได้ประสบความสำเร็จระดับแชมเปี้ยนมากมายตลอดช่วงอาชีพค่าแข้ง ทว่าชีวิตของนักฟุตบอลนั้น การจะตัดสินว่าใครประสบความสำเร็จหรือไม่ บางครั้งก็ไม่สามารถเอาถ้วยแชมป์มาเป็นตัวชี้วัดได้ทั้งหมด ไม่เช่นนั้นนักเตะอย่าง แมทธิว เลอ ทิสซิเอร์ และ อลัน เชียร์เรอร์ คงไม่ถูกยกย่องขนาดนี้แน่ 

ความสำเร็จในอาชีพค้าแข้งของ แกร์รี่ สปีด ก็คล้าย ๆ กัน มันไม่ได้ตัดสินกันด้วยแชมป์ แต่มันตัดสินด้วยเรื่องราวตลอดเส้นทางอาชีพของเขามากกว่า นี่คือนักเตะที่ทุกทีมอยากมีเอาไว้ นักเตะประเภทที่มีความเป็นผู้นำสูง รวบรวมห้องแต่งตัวให้เป็นหนึ่งเดียวได้ และเมื่อลงสนามก็ยังสามารถรักษามาตรฐานได้อย่างไม่มีตกหล่น 


Photo : transfermarkt

สปีด เริ่มเล่นอาชีพครั้งแรกกับ ลีดส์ ตอนนั้นเขาเป็นดาวรุ่ง นักเตะในตำแหน่งกองกลางยุคนั้นจะมีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน หากเป็นแผนการเล่นก็ต้องบอกว่าเป็นการเล่นแบบ 4-4-2 ระบบไดมอนด์ คือคู่มิดฟิลด์ตรงกลางจะต้องมี 1 คนเล่นเกมรุกเป็นหลัก หน้าที่คือเอาบอลจากแดนกลางขึ้นไปให้ 2 คู่หน้าจบสกอร์ ขณะที่อีกคนเล่นเกมรับ หรือทำงานในแดนของตัวเอง เชื่อมฟุตบอลจากกองหลังลำเลียงขึ้นสู่แดนกลาง และ แกรี่ สปีด คือกองกลางในแบบที่มีความสมดุล เล่นเกมรับก็แข็งแกร่ง เล่นเกมรุกก็ทำประตูเก่ง 

 

ในยุคที่ สปีด แจ้งเกิด ตำแหน่งตรงนี้ถูกเรียกว่า "ห้องเครื่อง" หรือพวกเล่นดุดัน เข้าปะทะหนัก และเป็นเหมือนตัวห้าวตัวชนของทีม นักเตะประเภทนี้คือนักเตะที่คอบอลยุคเก่าจะชอบมาก เพราะพวกเขามีความมุ่งมั่นและจะเห็นภาพของ "มดงานประจำทีม" ชัดเจนเป็นพิเศษกว่าใคร

สปีด ยกระดับของหน้าที่กองกลางในแบบที่เขาเป็นไปอีกขั้น เพราะเขาเป็นนักเตะที่สอดเข้าไปเล่นที่กรอบเขตโทษคู่แข่งได้ดี มีทีเด็ดจากการยิงไกล และยังเล่นลูกกลางอากาศเก่งอีกด้วย ตลอดการเล่นอาชีพ สถิตการยิงประตู 135 ลูกนั้น บ่งบอกได้ดีว่าเขาครบเครื่องขนาดไหน  


Photo : chroniclelive

"ความทรงจำของผมเกี่ยวกับ แกรี่ สปีด คือช่วงที่เขาประเดิมสนามให้กับลีดส์ ในปี 1989 เขาสร้างชื่อเสียงได้เร็วมาก ๆ ในฐานะกองกลางตัวรับที่จ่ายบอลเก่ง และมีลูกยิงนอกกรอบที่ทรงพลัง สปีด คือคนที่ทำงานหนักเพื่อทีมและที่สำคัญคือเขาเป็นที่เคารพและเป็นนักเตะขวัญใจของแฟนบอลภายในเวลาอันรวดเร็ว" ร็อบ แอตคินสัน แฟนเดนตายของ ลีดส์ ที่เป็นแอดมินเว็บไซต์ Roblufc บล็อกเกี่ยวกับแฟนคลับของ ลีดส์ กล่าว 

"นี่คือท็อป 5 นักเตะที่ผมชอบที่สุดเท่าที่เชียร์ทีมนี้มาเลย ภาพจำตอนที่เขาได้บอลและแฟนบอลที่เอลแลนด์ โร้ด ตะโกนพร้อมกันว่า Shooooot ยังคงตราตรึงในใจผมเสมอ"

 

นั่นคือส่วนหนึ่งเท่านั้นในอาชีพของเขา สปีด ถือเป็นนักเตะที่เล่นให้กับหลายทีมในพรีเมียร์ลีกนอกจาก ลีดส์ แล้วยังมี เอฟเวอร์ตัน, นิวคาสเซิล, โบลตัน และ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ไม่ว่าที่ไหนที่เขาไป สปีด กลายเป็นคนสำคัญของทีมเสมอ ตอนเขาเป็นดาวรุ่งก็จะมุ่งมั่นในการพัฒนาตัวเอง เมื่อเขาถึงจุดพีคก็พยายามยกระดับเพื่อพาทีมไปให้ถึงแชมป์ และเมื่อเวลาที่เขาถึงช่วงปลายอาชีพค้าแข้งเขาก็เป็นรุ่นพี่ที่ดี ที่ช่วยให้รุ่นน้องในทีมเข้าใจฟุตบอลและรู้จักวิธีการวางตัวเป็นมืออาชีพจากประสบการณ์ของเขา 


Photo : chroniclelive

ไม่ว่าใครที่เคยร่วมงานกับ สปีด ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่คือนักเตะที่พวกเขากล้าใช้คำว่า "ทรงอิทธิพล" ในห้องแต่งตัว การมีสปีดอยู่ในทีมเหมือนกับคุณเข้าไปในฟิตเนสแห่งหนึ่งที่ไม่เคยไป คุณตั้งใจจะไปที่นั่นเพื่อทำให้คุณมีศักยภาพทางร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้น แต่คุณก็ไร้ประสบการณ์และไม่รู้อะไรเป็นอะไร ... ขณะที่คุณกำลังเงอะ ๆ เงิ่น ๆ ไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน สปีด คือคนที่จะเดินเข้ามาหาคุณแล้วบอกคุณว่า "เอาล่ะ เรามาเริ่มต้นแบบนี้พร้อม ๆ กัน"

"แกรี่ สปีด คือ ท็อปแมน ผมยังจำได้ดีตอนที่ผมเป็นเด็กวัยรุ่นแล้วกำลังถูกดันขึ้นทีมชุดใหญ่ เขาทำอะไรให้กับนักเตะหนุ่มอย่างผมบ้าง ... เพราะ แกรี่ เป็นนักเตะที่เด็ก ๆ ในทีมทุกคนมองหา และเขาก็จะคอยให้คำแนะนำกับคุณเสมอ และจะเฝ้าดูคุณลงมือทำจนกว่าเขาจะแน่ใจว่าคุณทำได้ถูกต้อง" สตีเว่น เทย์เลอร์ ตำนานปราการหลังของนิวคาสเซิล กล่าวถึงวันที่เขายังเป็นน้องรักของ แกรี่ สปีด สมัยเป็นเพื่อนร่วมทีมกันในถิ่น เซนต์ เจมส์ พาร์ก  

 

สปีด จบอาชีพค้าแข้งในวัยใกล้ ๆ 40 ปี กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ช่วงท้าย ๆ อาชีพเขาเริ่มหันมาศึกษาเรื่องการเป็นโค้ชฟุตบอล สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปคือวินัย สปีดดูแลร่างกายตัวเองดีมาก ๆ เขาควบคุมอาหารและใช้ฟิตเนสที่ทันสมัย ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก ๆ ในหมู่นักเตะรุ่น ๆ ของเขา นั่นเป็นเหตุผลที่สปีดเล่นในระดับลีกสูงสุดได้จนอายุ 39 ปี โดยที่ผ่านอาการบาดเจ็บน้อยมาก ๆ

 


Photo : thestar.co.uk

เมื่อ สปีด เรียนจบหลักสูตรโค้ชโปรไลเซนส์จึงแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการ และงานของเขาก็เริ่มจากการคุม เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทันทีโดยเป็นจังหวะที่กุนซือ เควิน แบล็คเวลล์ โดนไล่ออก สปีด ได้คุมทีมแค่ 18 เกม ทีมชาติ เวลส์ ก็ติดต่อเขามา โดยเหตุผลที่สมาคมฟุตบอลเวลส์เลือก สปีด ก็เพราะเขาคือนักเตะที่ติดทีมชาติมากว่า 85 เกม รับใช้ทีมชาติในฐานะกัปตันทีม และยังเป็นนักเตะที่ทุกคนให้ความเคารพเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ณ เวลานั้น เพราะเวลส์เองก็ไม่ประสบความสำเร็จมานานหลายปีแล้วด้วย 

ในฐานะคนทำงาน สปีด คือคนที่ได้รับความเคารพอย่างสูงโดยเฉพาะในกลุ่มชาวเวลส์และคนที่เคยร่วมงานกับเขา และยังมีภาพจำจากคนอื่น ๆ เนื่องจากมีงานทางโทรทัศน์อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นคนที่มีครบทุกอย่างเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งอยากมี มีคนเคารพ มีเงินใช้ มีครอบครัวที่อบอุ่น มีสุขภาพแข็งแรง และยังหล่อสมาร์ท ... เพียงแต่ว่าชีวิตมนุษย์คนหนึ่งมีสิ่งที่เรียกว่า "อารมณ์และความรู้สึก" ที่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตา แต่ถ้าเกิดปัญหาในจุดนี้ขึ้นมา รับรองได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน

คืนที่โลกฟุตบอลไม่เข้าใจ

ในขณะที่ยังดำรงตำแหน่งกุนซือทีมชาติและยังมีโอกาสเข้าไปเล่นในฟุตบอลยูโร 2012 สำนักข่าวทุกสำนักก็รายงานข่าวด่วนว่า แกรี่ สปีด เฮดโค้ชทีมชาติเวลส์ "เสียชีวิตแล้ว" จากการแขวนคอตายในโรงรถที่บ้านของเขา ซึ่งตั้งอยู่ที่แคว้นเชสเชียร์ ประเทศอังกฤษ

 


Photo : walesonline

ปีเตอร์ ลอว์เลสส์ สารวัตรนักสืบแห่งตำรวจแคว้นเชสเชียร์ กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพเรียบร้อยและยืนยันว่าไม่มีสถานการณ์น่าสงสัยใด ๆ จากหลักฐานในที่เกิดเหตุ พวกเขาสรุปว่า "นี่เป็นการฆ่าตัวตาย"

โลกฟุตบอลทั้งโลกหยุดหมุนโดยเฉพาะวงการฟุตบอลอังกฤษและเวลส์ ทุกคนไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า สปีด มีแรงจูงใจอะไร เขาไม่มีประวัติเสพยา ไม่ใช่คนที่กินเหล้าเมามาย และแน่นอนที่สุดคือเขาเป็นคนที่มีสุขภาพกายและใจแข็งแรงดีมาโดยตลอด จากมุมมองของคนภายนอก  

 

ดังนั้นทุกคนจึงตั้งคำถามอย่างเลี่ยงไม่ได้ เกิดอะไรขึ้นกับ แกรี่ สปีด ทำไมท็อปแมนอย่างเขาจึงตัดสินใจปลิดชีพตัวเองทั้ง ๆ ที่หน้าที่การงานและสถานะทางการเงินก็อยู่ในช่วงขาขึ้น ? 

เรื่องนี้แม้แต่ หลุยส์ สปีด ภรรยาของเขาและแม่ของลูก ๆ อีก 2 คนยังให้สัมภาษณ์ว่า เธอเองก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าเป็นเพราะอะไร และสปีดเอาแรงจูงใจจากไหนมาก่อเรื่องเศร้าเช่นนี้

 


Photo : walesonline

"คืนก่อนวันตาย เอ็ด และ ทอม (ลูกชาย) วัย 14 ปีและ 13 ปี ออกไปแข่งฟุตบอลกับทีมของพวกเขา ขณะที่ แกรี่ ไปบันทึกเทปกับรายการของช่อง BBC เมื่อกลับถึงบ้านเขาอารมณ์ดี ตั้งตารอลูก ๆ กลับบ้านเพื่อจะได้ไปงานปาร์ตี้ของเพื่อนบ้านที่จัดขึ้นในคืนนั้น"

"แกรี่ เป็นปกติมาก ไม่มีการแสดงออกใดที่น่าสงสัย ไม่มีวี่แววและสัญญาณเตือนแม้แต่น้อยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อ" หลุยส์ กล่าว และยืนยันว่า แกรี่ สปีด สมบูรณ์ดีทุกอย่างจนไม่น่าเชื่อว่าจะฆ่าตัวตายได้

มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า 

ณ เวลานั้นคำว่า "โรคซึมเศร้า" หรือภาวะผิดปกติทางสภาวะจิตใจไม่ใช่เรื่องที่คนจะรู้จักและถูกศึกษาจนแพร่หลายเหมือนในทุกวันนี้ แต่ในความจริงแล้ว แกรี่ สปีด นั้น มีโอกาสฆ่าตัวตายจากผลพวงของโรคซึมเศร้าสูงมาก เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่สัมพันธ์กันกับบทความทางการแพทย์

แกรี่ สปีด คนที่เพิ่งได้รับรางวัลเครื่องราช MBE, มีครอบครัวที่อบอุ่น, มีฐานะค่อนไปทางร่ำรวย, ถูกบรรจุเข้าไว้ในรายชื่อยอดนักเตะของพรีเมียร์ลีก เป็นโรคซึมเศร้าได้อย่างไร นี่คือเรื่องที่นักฟุตบอลหลายคนไม่เข้าใจ ? 


Photo : mkomah2

การสืบค้นเหตุผลที่แท้จริงของโรคซึมเศร้าของ แกรี่ สปีด จึงเกิดขึ้น เพียงแต่ไม่ได้ลงมือสัมภาษณ์และหาข้อมูลอย่างเต็มที่ในช่วงแรกเพราะต้องการให้ความเป็นส่วนตัวแก่ครอบครัวของเขา โดยทางตำรวจของเวลา 3 เดือนเพื่อให้การสืบสวนและหาหลักฐานถึงสาเหตุการตายของสปีดสามารถเริ่มต้นได้ และเมื่อสื่ออังกฤษเริ่มคุ้ย พวกเขาก็เริ่มจับความผิดปกติบางอย่างได้ 

มีการสาวไปถึงวัยเด็กของเขา ในช่วงที่กำลังเข้าฝึกฟุตบอลกับครูสอนและแมวมองนักเตะดาวรุ่งในอังกฤษที่ชื่อว่า แบร์รี่ เบนเนลล์ ซึ่งในเวลาต่อมา เบนเนลล์ ถูกจับจากคดีล่วงละเมิดทางเพศกับเยาวชน ซึ่งเป็นนักเตะที่เขาดูแลอยู่ และที่น่าสงสัยจริง ๆ จนอาจจะเกี่ยวข้องกับเคสของ สปีด คือนักเตะที่เคยถูกเขาล่วงละเมิดทางเพศในช่วงวัยเด็กนั้นฆ่าตัวตายไปแล้วถึง 3 คน 

 

สำนักข่าวหัวแถวของอังกฤษอย่าง The Guardian ลงบทความที่ชื่อว่า "แกรี่ สปีด คือหนึ่งในสี่ของนักเตะภายใต้การดูแลของ เบนเนลล์ ที่ฆ่าตัวตาย" 

"เบนเนลล์ เป็นเฒ่าหัวงู และเขาก็เป็นเด็กคนโปรดของ เบนเนลล์ มีเด็กมากกว่า 100 คนที่มีประสบการณ์ไม่ปลอดภัยในการดูแลของ เบนเนลล์ เหยื่อของเขาคนหนึ่งเล่าว่า ต้องเจ็บปวดกับเหตุการณ์ฝังใจในตอนนั้นมาก เขาเริ่มมีปัญหาสุขภาพจิต จากนั้นก็เขาก็ป่วยจนตาย ซึ่งพ่อแม่ของเด็กคนนั้นก็ได้ติดต่อไปยังพ่อและแม่ของ สปีด เพื่อให้ทบทวนเกี่ยวกับเรื่องนี้" แดเนียล เทย์เลอร์ ผู้ทำสกู๊ปดังกล่าวของ The Guardian เขียนเอาไว้  


Photo : aangirfan

พ่อและแม่ของ สปีด ได้รับคำเตือนและพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้งหลังจากที่ลูกชายเสียชีวิต เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่เชื่อว่า สปีด ได้รับผลกระทบจากการกระทำของ เบนเนลล์ และมั่นใจว่า สปีด ไม่ได้โดนคุกคามหรือล่วงละเมิดทางเพศตามที่มีการถามไถ่กันมา และขอให้เรื่องจบลงโดยไม่ต่อความยาวสาวความยืดอีกต่อไป 

อีกประเด็นจากปมวัยเด็กที่ไม่มีการหาคำตอบกันต่อ คือเรื่องปมครอบครัว เพราะลึก ๆ แล้ว สปีด เคยมีปัญหาระหองระแหงกับภรรยาและเป็นความรู้สึกที่กัดกินในใจเขามานานพอสมควร เคยมีจดหมายฉบับหนึ่งในวันที่ทั้งคู่ทะเลาะกัน และ สปีด ได้เขียนทิ้งเอาไว้เชิงว่าเขาอยากจะตาย

 

"ถึง หลุยส์ ผมไม่รู้ว่าผมจะพูดอะไรได้อีก ผมคิดว่าผมจะจบเรื่องราวนี้ซะตรงนี้เลย เรื่องอื่น ๆ ยังเข้ามาในหัวสมอง ผมพูดไม่ได้ ผมหดหู่ ตอนนี้ผมจะไปนอนแล้ว ผมคิดว่าผมจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก ... ผมรักคุณมาก รักคุณตลอดไป รักคุณเกินกว่าที่คุณจะจินตนาการได้" นี่คือส่วนหนึ่งของจดหมายฉบับนั้นที่ หลุยส์ ภรรยาของเขาเปิดเผยในหนังสือที่ชื่อว่า Gary Speed: Unspoken: The Family's Untold Story ที่วางขายในปี 2018

ขณะที่บทสัมภาษณ์ของ สปีด เกี่ยวกับครอบครัวครั้งสุดท้ายของเขาเกิดขึ้นในช่วงที่เขาให้สัมภาษณ์กับ FourFourTwo ก็บอกได้ว่าเขาดูซีเรียสกับเรื่องของความสัมพันธ์และครอบครัวของเขาเป็นอย่างมาก ส่วนในเรื่องฟุตบอลนั้น สปีด มักจะเปรย ๆ ออกมาเสมอว่าสำหรับเขาความสำเร็จในโลกฟุตบอลนั้นไม่มีค่าอะไรเลย 

"ครอบครัวคือสิ่งเดียวที่ผมหวงแหนมากที่สุด ฟุตบอลไม่ใช่เรื่องสำคัญมากขนาดนั้น ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหรียญรางวัลแชมป์ของผมสมัยเล่นกับลีดส์อยู่ที่ไหนในตอนนี้ ครอบครัว คือทุกสิ่ง สำหรับผมแล้วไม่มีอะไรมากกว่านั้น" 


Photo : mirror.co.uk

หลายสิ่งหลายอย่างเป็นสัญญาณเตือนจาก สปีด แต่ทุกคนไม่รู้ เขาเคยเครียดจนนอนไม่หลับอยู่หลายวันจากการที่เขารับเครื่องราชฯ ระดับ MBE โดยสปีดให้เหตุผลว่าเขาไม่คู่ควรกับสิ่งนี้ และไม่ดีพอที่จะเป็นคนที่ได้รับการยกย่อง ซึ่งทุกคนมักจะบอกว่าเขาเป็นยอดคนมาตลอด เพียงแต่ลึก ๆ แล้ว สปีด ไม่เคยมองตัวเองในแบบนั้น ไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนว่าเป็นเพราะอะไร แต่แน่นอนว่ามันคืออาการของบุคคลที่ "เสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้า" เป็นอย่างมาก  

จากเหตุผลทั้งหมดนี้เราจะเห็นได้ว่าสิ่งที่ "อาจเกิดขึ้น" กับ สปีด ตามที่หลายฝ่ายสันนิษฐานนั้นเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคซึมเศร้าทั้งสิ้น มันเป็นผลมาจากสถานการณ์เลวร้ายในชีวิต อาทิ การโดนล่วงละเมิดทางเพศโดยที่ไม่เคยได้รับการเยียวยาหรือแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าวเลย เขาอาจจะโตขึ้นมาพร้อม ๆ กับรอยร้าวของตัวเอง โดยที่พยายามปกปิดมันมาตลอด 

 

การมองโลกในแง่ร้าย คิดด้านลบ มองว่าตัวเองไร้ค่า หรือรู้สึกเกลียดตัวเอง จนนำไปสู่การมีพฤติกรรมทำร้ายร่างกายตนเอง หรือการพยายามฆ่าตัวตาย ซึ่งทั้งหมดนี้คืออาการที่ สปีด ส่งสัญญาณเตือนมาตลอด เพียงแต่ยังไม่มีใครไหวตัวทันเท่านั้น นานวันไปมันก็กลายเป็นเรื่องของสารเคมีในสมองที่ไม่สมดุล ซึ่งความไม่สมดุลนี้เองที่ส่งผลต่อชีวิตที่เป็นสุขและการมีความสุขของมนุษย์คนหนึ่ง ดังเช่น แกรี่ สปีด ที่ใครก็มองว่าเขามีทุกอย่าง แต่เขากลับไม่เห็นเช่นนั้น

ในอดีตผู้คนให้ความใส่ใจกับความสำเร็จ รูปลักษณ์ภายนอก อาชีพที่ดี ฐานะที่ร่ำรวย แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้หมายถึงความสุขหรือสิ่งที่ทำให้คนคนหนึ่งมีชีวิตที่ปกติสุขได้เลย หากพวกเขายังคงมีปัญหาเรื่องสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ แต่กลับไม่ได้รับการช่วยเหลือฟื้นฟูให้กลับมาใช้ชีวิตปกติได้ 


Photo : si.com

ตอนนี้ โรคซึมเศร้า กลายเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้เท่าทันมากขึ้น มีการสร้างความเข้าใจ สร้างค่านิยมใหม่ เช่นการสร้างแนวคิดในการพบจิตแพทย์หรือใช้ยาเพื่อรักษาอาการเหล่านี้ นี่ไม่ใช่เรื่องน่าอายและคุณก็ไม่ได้เป็นคนบ้าแต่อย่างใด ขอแค่กล้าเปิดใจและไม่เก็บมันไว้เพียงลำพัง โอกาสที่จะทำร้ายตัวเองก็ลดน้อยลงไปได้ 

การตายของ แกรี่ สปีด คือสัญญาณเตือนว่า "ความสมบูรณ์แบบไม่มีจริง" ที่สำคัญคือปัญหาทุกเรื่องมีทางแก้เสมอ โดยเฉพาะเรื่องของสภาพจิตใจ วันใดที่เกิดปัญหาขอให้ทุกคนรู้เท่าทัน ทั้งในฐานะผู้ป่วยและคนใกล้ชิด หากรับมือกับมันอย่างรวดเร็วและถูกวิธี เคสแบบ สปีด ก็อาจจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วก็ได้ในอนาคตอันใกล้นี้ 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook