ส่อง 5 ปัจจัย! ลิเวอร์พูล มีลุ้นเถลิงบัลลังก์แชมป์ลีกแบบรวดเดียวจบ

ส่อง 5 ปัจจัย! ลิเวอร์พูล มีลุ้นเถลิงบัลลังก์แชมป์ลีกแบบรวดเดียวจบ

ส่อง 5 ปัจจัย! ลิเวอร์พูล มีลุ้นเถลิงบัลลังก์แชมป์ลีกแบบรวดเดียวจบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

1. คะแนนที่ทิ้งห่างอันดับ 2 และ 3 รวมถึงตัวเต็งเบียดแย่งแชมป์อันดับหนึ่งอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้

หลังจากคว้าชัยในศึกสำคัญได้เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้ ลิเวอร์พูล นำโด่งเป็นจ่าฝูงมี 34 คะแนนจากการลงเล่น 12 เกม นั่นหมายความว่าพวกเขาทำแต้มทิ้งห่าง อันดับ 2 และ 3 ที่มีคะแนนเท่ากันอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ และ เชลซี ไปแล้ว 8 คะแนน และที่สำคัญคือ ทิ้งห่างตัวเต็งอันดับหนึ่ง แมนฯ ซิตี้ ไปแล้วถึง 9 คะแนนด้วยกัน

แน่นอนว่ามันอาจดูเหมือนไม่ใช่ระยะห่างที่มากมายอะไรนัก แต่หากดูจากมาตรฐานและฟอร์มอันร้อนแรงในขณะนี้แล้ว คงยากที่ พลพรรคเดอะค็อป จะพลาดท่าสะดุดให้กับทีมใดใน พรีเมียร์ลีก ชั่วโมงนี้

Liverpool FC v Manchester City - Premier LeagueRobbie Jay Barratt - AMA/GettyImages

2. “โชค” ที่ปีนี้ดูเหมือนจะเป็นใจให้ หงส์แดง แบบสุด ๆ

หากใครได้มีโอกาสติดตามผลงานของ ลิเวอร์พูล ในซีซั่นนี้ จะเห็นได้ว่า พวกเขาก็ไม่ได้ระเบิดฟอร์มเทพไปซะทุกเกม เรายังพอจะเห็น พลพรรคเร้ดแมทชีน มีวันแย่ ๆ เหมือนชาวบ้านเขาอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ไม่ว่าวันเหล่านั้นจะแย่สักเพียงใด ก็มักจะมีเหตุการณ์บางอย่างที่มาช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากวันแย่ ๆ เหล่านั้นไปได้

ยกตัวอย่างที่เห็นชัดสัก 2 เหตุการณ์ ที่บ่งบอกว่า ”ดวง” ของ ลิเวอร์พูล นั้นแข็งมากขนาดไหน เริ่มจาก เกมที่บุกไปเยือน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในสัปดาห์ที่ 7 ต้องยอมรับเลยว่าเกมนั้น หงส์แดง เล่นได้ตำกว่ามาตรฐานพอสมควร แถมเจ้าถิ่น เชฟฯ ยูไนเต็ด ก็วางแผนมารับมือได้อย่างยอดเยี่ยม แต่แล้วก็มีจุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในช่วงนาทีที่ 70 ที่ลูกยิงไกลของ จอร์จี้ ไวนัลดุม ที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ ดีน เฮนเดอร์สัน ประตูของเจ้าบ้าน กลับรับบอลลอดขาเข้าประตูไปแบบหน้าตาเฉย ชนิดที่ทุกคนยืนงงกันทั้งสนาม

และอีกหนึ่งเหตุการณ์คือนัดที่พบกับ เลสเตอร์ ในสัปดาห์ถัดมา ที่ดูเหมือนเกมจะจบด้วยผลเสมอ 1-1 อยู่แล้ว แต่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จังหวะบุกขึ้นมาครั้งสุดท้ายของ ลิเวอร์พูล และดูเหมือนจะเสียการครองบอลไปแล้ว แต่นักเตะ เลสเตอร์ กลับไม่รู้กันว่าใครจะเล่นบอล ปล่อยให้ มาเน วิ่งตามมาโฉบเอาบอลไป จนขาไปสะกิดกับ มาร์ค อัลไบรท์ตัน ล้มลงไปเป็นจุดโทษในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ซึ่งสุดท้ายก็ เจมส์ มิลเนอร์ สังหารเข้าไป ทำให้จบเกมพวกเขาพลิกนรกกลับมาชนะได้ 2-1 ทั้งสองเกมนี้จึงกลายเป็น 6 คะแนนสำคัญที่ หงส์แดง คว้าชัยไปได้ แม้จะเป็นวันแย่ ๆ ของพวกเขาก็ตาม

FBL-ENG-PR-LIVERPOOL-MAN CITYPAUL ELLIS/GettyImages

3. ความมุ่งมั่นอันเปี่ยมล้น และหัวจิตหัวใจที่ไม่เคยยอมแพ้

แค่ดวงอย่างเดียว อาจไม่ทำให้ใครประสบความสำเร็จได้ เช่นเดียวกับ ลิเวอร์พูล ในซีซั่นนี้ เพราะการที่พวกเขาบินสูงขนาดนี้ได้ นอกจากโชคแล้ว สิ่งที่พวกเขามีในทุกนัดที่ลงสนามคือ ความกระหายและมุ่งมั่นที่ต้องการจะพิชิตคู่แข่งตรงหน้าลงให้ได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ซึ่งพวกเขาได้พิสูน์ให้เห็นแล้วในหลาย ๆ เกมที่พวกเขาสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาคว้าชัยได้ แม้จะเป็นฝ่ายตามหลังก่อน เช่น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มายิงตีเสมอได้ในช่วงท้ายเกม หรือเกมกับ สเปอร์ส ที่ยิง 2 ประตู พลิกแซงชนะในช่วงครึ่งหลัง และเกมที่ต้องบอกว่าสุด ๆ ดลยคือเกมก่อนหน้านี้กับ แอสตัน วิลลา ที่พวกเขามายิง 2 ประตูในช่วงท้ายเกม ซึ่งประตูชัยของ ซาดิโอ มาเน นั้น เกิดขึ้นในนาทีที่ 90+4

เกมเหล่านี้ทำให้เราเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ความมุ่งมั่นของพวกเขามีมากมายขนาดไหน และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้พวกจะไม่มีทางปล่อยมือจากคำว่า “ชัยชนะ” เลยจนกว่าจะได้ยินเสียงนกหวีดยาวจากผู้ตัดสิน

FBL-EUR-C1-LIVERPOOL-GENKOLI SCARFF/GettyImages

4. สถิติอันยอดเยี่ยมในยอมที่พบการทีมระดับ ท็อป 6

ผ่านมาจนถึงตอนนี้ เท่ากับว่า พลพรรคหงส์แดง พบกับทีมระดับหัวตารางครบแล้วทั้ง 6 ทีมในเกม พรีเมียร์ลีก ไม่ว่าจะเป็น ชนะ อาร์เซนอล 3-1, บุกไปเชือด เชลซี 1-2, บุกเสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1, ชนะ ท็อตแนม ฮ็อตเสปอร์ 2-1, ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-1 หรือแม้แต่ทีมม้ามึดอย่าง เลสเตอร์ พวกเขาก็เฉือนเอาชนะมาแล้ว 2-1 (รวม ชนะ 5 เสมอ 1 แพ้ 0) ซึ่งจากสถิติที่กล่าวมานี้เป็น 6 เกมสำคัญในช่วงครึ่งซีซั่นแรก ที่พวกเขาจำเป็นต้องโกยแต้มให้ได้มากที่สุด และก็จัดว่า พลพรรคเดอะค็อป ทำได้อย่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติที่เดียว ในการทุบอุปสรรคก้อนโตที่ขวางหน้าพวกเขาบนเล้นทางการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ 

Jorginho,Georginio WijnaldumVisionhaus/GettyImages

5. ฟอร์มดุถล่มทีมเล็กราบเป็นหน้ากลอง

ปัญหาในปีก่อน ๆ ของ ลิเวอร์พูล ที่เจอมาแทบทุกปีคือ พวกเขาจะทำได้ดีในเกมใหญ่แต่ก็มักจะสะดุดเอาง่าย ๆ ในเกมที่ต้องพบกับทีมเล็ก ทั้งที่พวกเขาควรจะผ่านไปได้แบบสบาย ๆ แต่ในซีซั่นนี้ทุกอย่างดูจะต่างออกไป ทีมของ เยอร์เกน คล็อปป์ พบกับทีมที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม Big 6 มาแล้ว 7 เกม พวกเขาชนะรวดทั้งหมด ยิงได้ถึง 17 ลูก และเสียไปเพียง 5 ประตูเท่านั้น

แต่แน่นอนว่ามันยังด่วยสรุปเกินไปว่าพวกเขาจะชนะรวดในอีก 21 เกมที่เหลือในการพบกับทีมนอกกลุ่ม Top 6 แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามันก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าพวกเขาผ่าน 1 ใน 3 ของเส้นทางมาแล้ว และทุกอย่างมันดูเหมือนจะเป็นใจให้ยอดทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ ได้เดินบนเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ซึ่งถ้าหากพวกเขายังรักษามาตรฐานแบบนี้เอาไว้ได้ แชมป์พรีเมียร์ลีก ที่รอคอยมากว่า 30 ปี นั้นคงไม่ใช่สิ่งที่ไกลเกินฝันอีกต่อไปสำหรับแฟน ๆ หงส์แดง ในซีซั่นนี้

Alex Oxlade-ChamberlainMatthew Ashton - AMA/GettyImages

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook