รีวิว Future World โลกแห่งความสูญเปล่า

รีวิว Future World โลกแห่งความสูญเปล่า

รีวิว Future World โลกแห่งความสูญเปล่า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

 

ไม่น่าแปลกใจนักที่รีวิวจากอเมริกาจะมอบเกรดให้หนังอย่าง Future World เสียจนต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดนี้ เพราะนอกจากจะยืมสไตล์หนังดังอย่าง Mad Max ของจอร์จ มิลเลอร์มาจนเหมือนงานเลียนแบบ แต่ที่ย่ำแย่กว่านั้นคือหนังปราศจากความสนุกอย่างสิ้นเชิง ยังไม่รวมไปถึงงานเขียนบทที่ดูมีปัญหาว่าไม่รู้จะเล่าเรื่องอย่างไรให้เส้นเรื่องคืบไปข้างหน้า หรือมีจุดพีคของเหตุการณ์ หรือแม้กระทั่งการแสดงให้คนดูเห็นว่าฉากเหล่านั้นสำคัญต่อเส้นเรื่องหลักทั้งเรื่องเช่นไร

 

จริงอยู่ที่เรื่องราวของหนังต้องการเล่าเรื่องราวอนาคตที่ล่มสลาย ทรัพยากรต่างๆเป็นสิ่งขาดแคลน ไม่ว่าจะเป็นน้ำ อาหาร และน้ำมัน แต่ภายใต้ความขาดแคลนนั้นราชินีโอเอซิสสุดท้ายในดินแดนทะเลทราย (ลูซี่ ลิว) กำลังป่วยหนัก ทำให้ลูกชายของเธอเจ้าชาย (เจฟฟรีย์ วอห์ลเบิร์ก) ต้องออกเดินทางไกลผ่านดินแดนบ้านป่าเมืองเถื่อน เพื่อเสาะแสวงหายาวิเศษที่จะมารักษาชีวิตของแม่ให้ได้ แน่นอนว่าระหว่างทาง เขาต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มอาชญากรและผู้มีอิทธิพล เจ้าแม่ค้ายาเสพติด มือสังหารแอช (ซูกี้ วอเตอร์เฮาส์) หุ่นยนต์ไว้สนองตัณหาและมือสังหารประจำตัววอร์ลอร์ดที่กำลังตามหาจิตวิญญาณของตัวเอง (เพื่ออะไรก็ไม่ทราบ)

 

 

ปัญหาประการเดียวของหนังเรื่องนี้คือมันเป็นหนังที่ทำอะไรอย่าง “ไร้เหตุผลและไร้ตรรกะ” ราวกับว่าคนเขียนบทอยากจะเขียนอะไรก็ได้โดยที่ไม่สน ไม่แคร์คนดูจะรู้สึกยังไง โดยเฉพาะจุดพลิกผันในช่วงกลางเรื่องที่คนดูก็ได้แต่เกาหัวว่าแบบนี้ก็ได้เหรอ หลังจากที่หุ่นยนต์อย่างแอชก็เกิดพุทธิปัญญาบางอย่างขึ้นมาแบบงงๆ หลังจากที่นางรับใช้อีวิล วอร์ลอร์ด (เจมส์ ฟรังโก้) มาได้สักพัก (โดยส่วนมากแอชมีหน้าที่บำบัดความใคร่และถูกสั่งให้ไล่ฆ่าคนแบบไม่มีเหตุผล)

 

ฉากต่อสู้ในหนังเรื่องนี้จัดได้ว่าน่าเบื่อ ไม่ว่าจะเป็นฉากโรมรันต่อสู้ที่อิรุงตุงนังไปหมด ฉากขับมอเตอร์ไซด์ไล่ล่าด้วยการถ่ายทำแบบคุณภาพแย่ สิ่งเดียวที่ปลุกคนดูไม่ให้ผล็อยหลับไปก็คือเสียงดนตรีประกอบที่น่าหนวกหูที่สาดประโคมเข้ามาทุก 10 นาที การแสดงในรูปแบบโอเวอร์แอ็คติ้งของเจมส์ ฟรังโก้และมิลล่า โจโววิช ที่น่ารำคาญมากกว่าจะน่าสนใจ ส่วนการแสดงของเจฟฟรีย์ วอห์ลเบิร์กและซูกี้ วอเตอร์เฮาส์ก็เรียกได้ว่า “ไร้วิญญาณ” พอๆกัน

 

 

ถ้าคุณคิดว่าเวลา 90 นาทีของคุณเป็นสิ่งมีค่า ก็ควรเอาเวลาไปทำอย่างอื่น แทนที่จะเสียเวลามานั่งดูหนังเรื่องนี้เพราะมันเป็นความสูญเปล่าที่น่าเวทนา (ตัวเอง) เราเตือนคุณแล้ว

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook