รีวิว Your Name Engraved Here in "เพราะรักครั้งแรกยิ่งใหญ่ราวกับหนังฟอร์มยักษ์"

รีวิว Your Name Engraved Here in "เพราะรักครั้งแรกยิ่งใหญ่ราวกับหนังฟอร์มยักษ์"

รีวิว Your Name Engraved Here in "เพราะรักครั้งแรกยิ่งใหญ่ราวกับหนังฟอร์มยักษ์"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

เรื่องราวในหนังถูกดัดแปลงขึ้นจากความทรงจำในช่วงมัธยมปลายของผู้กำกับแพทริค หลิว ซึ่งเล่าเรื่องราวของชางเจียฮั่น/อาฮั่น (เอ็ดเวิร์ด เฉิน) และ หวังป๋อเต๋อ/เบอร์ดี้ (เจิง ชินฮัว) ท่ามกลางยุคสมัยในปี 1988 เมื่อสังคมไต้หวันเกิดการเปลี่ยนแปลงจากประเทศอนุรักษ์นิยมสู่ประชาธิปไตย และเรื่องเพศก็เริ่มเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น

ความสัมพันธ์ของอาฮั่นและเบอร์ดี้ที่ดูเหมือนจะเป็นแค่มิตรภาพธรรมดา แต่แท้จริงแล้วความรู้สึกที่ทั้งสองมีให้ต่อกันและกรุ่นอยู่ข้างในนั้นรอวันที่จะระเบิดและประทุออกมาราวกับระเบิดเวลา

การเผชิญกับสภาวะรอบตัวของอาฮั่น ที่เขาเริ่มมีใจให้กับเพื่อนชายในวงโยธวาทิตด้วยกัน ประกอบกับโรงเรียนคาทอลิกซึ่งมีวิถีตามคัมภีร์ไบเบิ้ลว่าการรักเพศเดียวกันนั้นถือเป็นบาป ยังไม่รวมไปถึงสังคมคนจีนที่คาดหวังให้ลูกชายแต่งงานเอาสะใภ้เข้าบ้าน ยิ่งเป็นแรงกดที่ทำให้คนอย่างเขารู้สึกอัดอั้นตันใจมาโดยตลอด อีกทั้งหนังยังเผยให้คนดูเห็นอีกว่าการโดนบูลลี่และทำร้ายร่างกายคนที่ชอบเพศเดียวกันเป็นเรื่องปกติในสังคม

หนังใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบตัดสลับเหตุการณ์ที่อาฮั่นกำลังปรับทุกข์อยู่กับคุณพ่อโอลิเวอร์ (ฟาบิโอ แกรนจีออน) ในสภาพหัวแตกและดูจะมีเรื่องราวในใจมากมาย จากนั้นคนดูก็ถูกย้อนเวลากลับไปในช่วงเวลาที่อาฮั่นได้เจอกับเบอร์ดี้ ได้ช่วยเหลือเขาจากการโดนทำร้าย ทั้งสองกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน ก่อนที่เหตุการณ์จะพลิกผันเมื่อเบอร์ดี้ไปตกหลุมรักและชอบพอกับปันปัน (มิมิ เฉียว) เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง

หนังมีฉากสะเทือนอารมณ์มากมาย และฉากระเบิดอารมณ์ที่ดีที่สุดในเรื่องคือฉากที่อาฮั่นขอช่วยเบอร์ดี้ที่แขนหักอาบน้ำ ในซีนเดียวเต็มไปด้วยอารมณ์หลายอย่าง ซึ่งพรั่งพรูออกมาทั้งหมด ทั้งรัก ทั้งปรารถนาในเรือนร่างของอีกฝ่าย ทั้งโกรธและโศกเศร้า โดยในฉากดังกล่าวนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับสองนักแสดงนำที่ถ่ายทอดห้วงอารมณ์ดังกล่าวให้ออกมาตราตรึงติดใจ

เมื่อหนังดำเนินมาถึงบทสรุปของเรื่องราวในช่วงวัยผู้ใหญ่ราว 30 ปีให้หลัง ทำให้อาฮั่นได้มีโอกาสกลับไปทบทวนชีวิตว่าความรักครั้งแรกของเขา ทุกอย่างดูยิ่งใหญ่จริงจังไปหมดราวกับมหากาพย์หนังฟอร์มยักษ์ แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไป ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปมากกว่าเดิมจนตัวละครถึงกับพูดว่าใครจะไปรู้ว่าโลกจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ สะท้อนให้เราเห็นว่า ในทุกช่วงวัยของมนุษย์ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องเผชิญหน้ากับความหวังและความผิดหวังอยู่ควบคู่กันเสมอไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook