รีวิว Redmibook 15 คอมพิวเตอร์รุ่นแรกของ Xiaomi ได้ทั้งแรงและราคาประหยัดมาก
ถ้าพูดถึง Xiaomi หลายคนจะเห็นภาพของ Gadget ต่างๆ ที่มาให้เห็นเยอะมากพอสมควร แต่ที่ติดตามข่าวในประเทศไทยไม่เคยนำเข้า Notebook เข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ล่าสุด Xiaomi ได้นำ Redmibook 15 เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย แต่มันดีและแตกต่างจากในกลุ่ม คอมพิวเตอร์ไม่เกิน 2 หมื่นบาท รับชมกันเลยครับ
รายละเอียดสเปกของ Redmibook 15
- ขนาด : 363.8 x 243.5 x 1.9 มิลลิเมตร
- หนัก : 1.8 กิโลกรัม
- หน้าจอ IPS LCD ขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล อัตราส่วน 16:9
- ชิปเซ็ตประมวลผล : 11th Gen Intel® Core™ i5-11300Hz 3.1 - 4.4GHz
- ชิปประมวลผลกราฟิก : Intel® Iris® Xe Graphics
- RAM : แบบ 8GB DDR4 ไม่ระบุว่าเพิ่มได้หรือไม่
- ความจุ : 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD
- กล้องหน้า : HD Camera
- ตัวเชื่อมต่อ (Port)
- 1 x USB 2.0
- 2 x USB 3.2 Gen 1
- 1 x HDMI 1.4
- 1 x RJ45 (LAN port)
- 1 x 3.5mm audio jack
- ลักษณะ Keyboard : Backlit Chiclet Keyboard ไม่มีไฟเรืองแสง
- กล้อง Webcam : ความละเอียด HD+
- เชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 AC (Wi-Fi 5) + Bluetooth 5.1
- ลำโพง : 2 จุด,
- ไมโครโฟน : 2 ตัว
- ระบบปฏิบัติการ : Windows 11
- แบตเตอรี่ขนาด 50 Wh (4 Cell) ที่ชาร์จแบบ AC กำลัง 65W
- สีเครื่อง เทา
รูปลักษณ์ดีไซน์ของ Redmibook 15
เริ่มต้นที่หน้าตาของเครื่อง เรียบง่ายและดูดีมาพร้อมกับโลโก้ Redmi ที่อยู่ข้างซ้ายมือ แต่เป็นข้อความตรงไปตรงมา สีตัวเครื่องเป็นสีเทา
รอบตัวเครื่องเป็นโพลีคาบอนเนตเรียบง่ายไม่มีอะไรซับซ้อนและแข็งแรงดี มาพร้อมกับช่องเสียบครบทั้งฝั่งซ้ายมาพร้อมกับ ช่องเสียบ AC-IN สำหรับชาร์จไฟ, USB-A ทั้งหมด 2 ช่อง และ HDMI อยู่ตรงกัน
ฃ
ฝั่งขวามาพร้อมกับ SD Card, USB-A ที่เป็นมาตรฐาน 2.0 และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
ส่วนด้านหน้ามาพร้อมกับร่องสำหรับผลักเปิดตัวเครื่อง
ด้านหลังที่หันออกจากหน้าคุณเป็นบานพับ ที่สามารถกางได้สุด 170 องศา
พลิกมาด้านล่างจะมาพร้อมกับแผนยางที่เรียง่ายและมีช่องระบายอากาศและมีลำโพงคู่ด้านล่างซ้ายขวามาให้ด้วย
เมื่อเปิดฝากเครื่อง
จะพบกับหน้าจอขนาด 15.6 นิ้วและสามารถทนรอยนิ้วมือ และมีไมโครโฟน พร้อมกับกล้อง Webcam ที่อยู่ตรงกลาง ส่วนล่างจะมีโลโก้ Redmi และมีแผง Keyboard พร้อมกับ Touchpad ขนาดใหญ่มากพอสมควร
ส่วนแป้นพิมพ์เป็นอย่างไร
สำหรับแป้นพิมพ์ออกแบบให้สามารถกดสัมผัสได้อย่างแม่นยำ และมาพร้อมกับการแป้นที่ขนาดกำลังเหมาะสม และเวลาพิมพ์ถือว่านุ่มนวล
สิ่งที่อยากให้ปรับปรุงไม่ใช่การออกแบบแต่เป็นการติดตั้งไฟเรืองแสงมาให้สักหน่อย เพราะไม่มีไฟเรืองแสงมาให้ครับ
น้ำหนักและการพกพา
น้ำหนักของเครื่องเฉียด 2 กิโลกรัม การพกพาอาจจะรู้สึกว่าหนักแบบชัดเจน แต่ว่า ถ้าเทียบกับเครื่องระดับเดียวกัน ก็ไม่ได้สาหัสเท่าไหร่ แต่ถ้าพกรวมกับที่ชาร์จ ก็เท่ากับ 2 กิโลกรัมพอดี
ประสิทธิภาพ/การเชื่อมต่อไร้สายของ Redmibook 15
ภาพรวมของประสิทธิภาพจากที่เห็นของเครื่อง ถือว่าเพียงพอประมาณหนึ่งครึ่ง ทำงานได้ตัดต่อกราฟิกได้ดี และยังมาพร้อมกับลูกเล่นต่างๆ ที่ผมว่า ตอบสนองการทำงานได้ดีเล่นเกมนั้นถ้าสเปกผ่านสามารถเล่นได้ แต่แค่บางเกมเท่านั้นที่เล่นไม่ได้
ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายรองรับ Wi-Fi 5, Bluetooth 5.1 ถือว่าดีแล้วสำหรับสเปกนี้ครับ
การแสดงผลหน้าจอ / ระบบเสียง
การแสดงผลหน้าจอแบบ IPS LCD ขนาด 15.6 นิ้วที่สังเกตคือการแสดงผลสีสันถือว่ารับได้แต่ถามว่าสดใสไหม ยังคงไม่ได้ถึงกับสดมาก แต่ว่าราคาของเครื่อง ก็เรียกได้ว่ารับได้อยู่นะ
ส่วนลำโพงกลับพบว่า เสียงดีนะและรองรับ DTS Sound ให้เสียงที่ดีและมีคุณภาพอยู่ครับ
ระบบปฎิบัติการ / ฟีเจอร์ภายใน / ระบบความปลอดภัย
ระบบปฏิบัติการมาพร้อมกับ Windows 11 ติดตั้งมาให้กับเครื่องเลยครับ และเป็นใหม่ล่าสุดเลยครับ สิ่งที่น่าเสียดายคือลูกเล่นเสริมของ Xiaomi ไม่ได้ติดตั้งให้มา นั่นเอง ส่วนระบบความปลอดภัยรองรับแค่ PIN เท่านั้นเอง
แบตเตอรี่ / ระบบการชาร์จไฟ
จุดเด่นคือการใส่แบตเตอรี่ของเครื่องที่ 50Wh อาจจะไม่ได้เยอะมาก แต่เมื่อใช้งานจริงๆ แล้วเฉลี่ยอยู่ที่ 4 – 5 ชั่วโมง แบบเปิด / ปิด หน้าจอครับ
ส่วนระบบชาร์จไฟเป็นแบบ AC Adapter กำลังที่ให้แค่ 65W ขนาดเล็กพกสะดวกแต่น่าเสียดาย ไม่มี USB-C แบบ Power Delivery มาให้เท่านั้นเอง
สรุปหลังจากทดลองใช้งาน Redmibook 15 รุ่นใหม่ล่าสุด
Redmibook 15 เป็นคอมพิวเตอร์งบประหยัดอีกรุ่นที่ถ้ามองเรื่องของเทคโนโลยีต่างๆ ถือว่าลงตัว ในงบประมาณไม่เกิน 2 หมื่นบาท ที่เน้นเรื่องทำงานทั่วไป ไปจนถึงกราฟิกระดับหนึ่ง ในงบจำกัด นี่เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจ
แต่ว่าสิ่งที่ต้องทำใจคือ ไม่มี USB-C, ไม่มีไฟเรืองแสงที่ Keyboard ที่ต้องรับได้นะ
ส่วนราคาของรุ่นนี้อยู่ที่ 19,990 บาท ผมว่าเหมาะกับคนที่มีงบจำกัดและต้องการเริ่มกับคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้ยึดติดกับคอมพิวเตอร์ทั่วไป ก็สามารถที่จะซื้อได้ และถ้าเป็นรุ่นเริ่มต้นของรุ่นนี้อยู่ที่ 15,990 บาท เป็นอีกทางเลือกหนึ่งแต่ได้ Intel Core i3 นะครับ ตัวนั้นจะเหมาะกับคนทำงานทั่วไปหรือซื้อมาเรียนมากกว่าครับ
จุดเด่น
- การออกแบบเครื่องสวยเรียบหรู
- แป้นพิมพ์กดได้สนุกและพิมพ์งานได้แม่นยำ
- ขุมพลังแรงตัดวิดีโอได้
- ช่องเสียบ USB 3.0 มาให้ 2 ช่อง
ข้อสังเกต
- ไม่มีช่องเสียบ USB-C
- ไม่มีไฟเรืองแสง
อัลบั้มภาพ 19 ภาพ