รีวิว OPPO Reno2 สมาร์ทโฟนสุดพรีเมียมที่ขึ้นแท่นว่าฮอตสุดในตอนนี้

บอกเลยว่า OPPO Reno2 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นที่ตั้งตารอที่สุดตั้งแต่มีข่าวหลุดเรื่องสเปคว่าถูกออกแบบให้เป็นสมาร์ทโฟนสุดพรีเมียมที่เอาใจคนชอบถ่ายรูปโดยเฉพาะกับความคมชัดทุกระยะทั้งภาพถ่ายและวิดีโอ!

และในที่สุดเราก็ได้ OPPO Reno2 มาอยู่ในมือ...
ทันทีที่แกะกล่องสะดุดตาทันทีกับงานดีไซน์ของตัวเครื่องที่ทำออกมาได้อย่างเรียบหรูดูพรีเมียมสมกับที่ประกาศไว้ชัดตั้งแต่วันเปิดตัว ตัวเครื่องดีไซน์โค้ง 3 มิติทำให้จับถนัดมือ ส่วนของหน้าจอแสดงผลเป็น AMOLED ในรูปแบบ Panoramic Screen 6.5 นิ้ว ไร้รอยบาก ให้ความละเอียดระดับ Full HD+ มีพื้นที่ในการแสดงผลเมื่อเทียบกับตัวเครื่องสูงถึง 91.1% และตัวหน้าจอยังครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass6 เพื่อเสริมทัพความแข็งแกร่งให้สามารถรองรับแรงตกกระแทกได้มากขึ้น

ท้าพิสูจน์กล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล

ส่วนของกล้องหลังคือความท้าทายที่สุดที่ทีมสนุกอย่างลอง เพราะอย่างที่เกริ่นไว้ในตอนต้นว่านี่จะเป็นครั้งแรกของวงการสมาร์ทโฟนที่เราจะสามารถเก็บภาพได้คมชัดทุกระยะทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ

OPPO Reno2 มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัว กล้องหลักมีความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซลกับฟังก์ชั่นซูมแบบ Hybridได้ถึง 5 เท่าโดยไม่เสียรายละเอียด ขณะเดียวกันก็สามารถซูมแบบดิจิตอลได้สูงสุดถึง 20 เท่า อีกทั้งยังมีเลนส์ Ultra Wide Angle สำหรับถ่ายมุมกว้างเพื่อเก็บทุกรายละเอียดให้ครบถ้วน และ Ultra Macro Modeที่ถ่ายใกล้ได้ถึง 2.5 เซนติเมตร

เอาล่ะ! มาเริ่มต้นลองเล่นเพื่อพิสูจน์ความคมชัดของกล้องหลังใน OPPO Reno2 กันเลยดีกว่า ซึ่งครั้งนี้เราเลือกไปที่ “สามย่านมิตรทาวน์” พิกัดฮิปของคนยุคนี้ที่มาพร้อมมุมเด็ดหลายแบบหลายสไตล์เหมาะสำหรับจะยกกล้องไปลองถ่ายรูปเล่น

เปรียบเทียบภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Ultra Wide Angle จะสังเกตเห็นว่าสามารถเก็บรายละเอียดได้ครบถ้วนมากขึ้น

ถือเป็นส่วนที่ประทับใจมากกับโหมด Ultra Wide  Angle เพราะทำให้สามารถเก็บภาพมุมกว้างได้ครบทุกรายละเอียดโดยที่ไม่จำเป็นต้องขยับตัวหรือเดินถอยหลัง แค่ปรับโหมดเข้าสู่ Ultra Wide Angle เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อยได้ภาพครบทุกองค์ประกอบตรงตามที่ต้องการ

ทดลองถ่ายภาพ Portrait ในที่แสงน้อย

จากนั้นไปต่อกันที่การลองถ่าย Portrait ที่ถือเป็นความสนุกที่สุดของเรา ซึ่งเมื่อมาถึงสามย่านมิตรทาว์นพลาดไม่ได้กับการลงไปที่ “อุโมงค์ทางเชื่อมระหว่างศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ และ MRT สถานีสามย่าน” กับความยาวตลอด 200 เมตรที่ถูกออกแบบอย่างทันสมัยให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในยานอวกาศกับพื้นกระจกใส พร้อมไฟสีขาวที่ส่องสว่างตลอดทาง ซึ่งตอนแรกคิดว่าจะถ่ายยาก เพราะแสงสะท้อนของกระจกและไฟสีขาวที่ค่อนข้างหลอกตา แต่ OPPO Reno2 ช่วยชีวิตได้เยอะกับฟังก์ชั่นมากมายที่ทำให้ได้ผลลัพธ์เป็นภาพ Portrait สวยเท่

เป็นมุมกลางแจ้ง OPPO Reno2 ก็ยังสามารถเก็บภาพ Portrait ได้สวย

ยังไม่จบแค่เท่านี้ เราขอลองมุมกลางแจ้งกันบ้างว่า OPPO Reno2 จะให้ผลลัพธ์เป็นอย่างไร จึงขอขึ้นไปที่ Sky Garden ชั้น 5 ระเบียงดาดฟ้าที่ทอดยาวขนานกับถนนพญาไทและถนนพระราม 4 ซึ่งในที่กลางแจ้งแบบนี้ผลลัพธ์ที่ได้ของภาพยิ่งสวย และที่สำคัญคือได้สีที่ใช่แบบไม่จำเป็นต้องพึ่งแอปพลิเคชั่นแต่งภาพต่อเลย

ส่วนในห้างที่หลายคนบอกว่าเป็นจุดปราบเซียนกันการถ่ายภาพ Portrait ให้สวยเพราะมีองค์ประกอบเรื่องแสงหลายอย่างมารบกวน แต่เราบอกเลยว่า OPPO Reno2 ช่วยได้ การันตีได้จากผลลัพธ์ที่เราทดลองมาเองกับมือ

ส่วนของฟังก์ชั่น Ultra Macro Mode ที่ทำให้ถ่ายใกล้ได้ถึงระยะ 2.5 เซนติเมตร ผลลัพธ์ที่ได้ประทับใจมาก ตั้งแต่การใช้งานที่ง่าย ไม่ต้องปรับโฟกัสหรือเปลี่ยนเลนส์ให้ยุ่งยาก เพราะแค่ขยับมือเข้าออก OPPO Reno2 จะปรับโฟกัสโดยอัตโนมัติ

ในเมื่อเขาบอกว่า OPPO RENO2 มาพร้อมฟังก์ชั่นซูมแบบ Hybridได้ถึง 5 เท่าโดยไม่เสียรายละเอียด ขณะเดียวกันก็สามารถซูมแบบดิจิตอลได้สูงสุดถึง 20 เท่า จึงต้องทดลองกันหน่อย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าพอใจทีเดียว

ภาพด้านบนปิด Ultra Night Mode และภาพด้านล่างเปิด Ultra Night Mode จะเห็นได้ว่าภาพดูสว่าง สวยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่หลอกตา

ตอนกลางคืนขอตะลุยท้าทายประสิทธิภาพของ OPPO Reno2 กันต่อว่าจะสามารถเก็บรายละเอียดภาพในที่แสงน้อยได้คมชัดแค่ไหน พวกเราจึงขอเข้าบาร์ทดลองกันให้เห็นไปเลย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการเปิด Ultra Night Mode จะเห็นได้ชัดว่า OPPO Reno2  ให้ภาพสวย คมชัด และที่สำคัญคือไม่หลอกตา

ลองเล่นวิดีโอที่ OPPO Reno2 การันตีว่าคมชัดทุกช็อต

หลังจากได้ลองถ่ายวิดีโอด้วย OPPO Reno2 บอกเลยว่ารักมาก เพราะจะลองวิ่ง ลองขึ้นบันได ลองกระโดดยังได้ภาพที่คมชัดกับ Ultra Steady Mode หรือถ้าอยากได้มุมที่หลากหลายแนะนำให้ลอง สร้างสรรค์วิดีโอและภาพถ่ายด้วยโหมด Bokeh Effect VDO       

คลิปวิดีโอที่ถ่ายด้วย OPPO Reno2

คลิปวิดีโอที่ถ่ายด้วยสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น

จากคลิปวิดีโอทั้งสองคลิป ด้านบนถ่ายด้วย OPPO Reno2 เปิด Ultra Steady Mode และด้านล่างถ่ายด้วยสมาร์ทโฟนทั่วไปจะเห็นได้ถึงความแตกต่างในเรื่องของความคมชัด ซึ่ง OPPO Reno2 ชนะเลิศไปเลย คมชัดแบบไม่จำเป็นต้องพึ่งอุปกรณ์เสริม

กล้องหน้าแบบ Shark Fin Pop-Up Camera 

ถือเป็นสิ่งที่ OPPO Reno2 ต่อยอดมาจากรุ่นเรือธง OPPO10x ZOOM กับกล้องหน้า Shark Fin Pop-Up Camera ที่ให้ความละเอียดสูงสุดถึง 16 ล้านพิกเซล พร้อม AI Beauty ที่ทำให้ได้ภาพสวยๆ ไว้โพสต์ลงโซเชียล

ตอบสนองครบทุกความบันเทิง

นอกเหนือจากการทำหน้าที่เป็นสมาร์ทโฟนที่ถ่ายภาพได้เยี่ยมยอด OPPO Reno2 ยังมาพร้อมสเปคสุดคุ้ม ความจุภายในตัวเครื่อง 256 GB ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ Color OS 6.1 ระบบใหม่ที่ทำขึ้นเพื่อรองรับระบบ Andriod โดยเฉพาะ  ชิปเซ็ต Snapdragon 730G พร้อมด้วย RAM 8GB, ROM 256GB ส่งผลให้สามารถดูหนังได้แบบไม่สะดุด และยังสบายตาไปกับหน้าจอขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว และดีไซน์ไร้สิ่งรบกวนใดๆ จุดกล้องไม่มี ทำให้เห็นสกรีนได้แบบเต็มตาเต็มจอ

ส่วนของเสียงก็ให้ความรู้สึกกระหึ่มเหมือนดูอยู่ในโรงภาพยนตร์กับระบบ Dolby Atmos ที่เปิดประสบการณ์เอฟเฟกต์เสียงแบบไร้ทิศทาง

ส่วนเรื่องของแบตเตอรี่วางใจได้เลย ต่อให้จะดูหนัง เล่นเกม ฟังเพลง ถ่ายรูปหนักแค่ไหน OPPO Reno2 ก็เอาอยู่เพราะมาพร้อมความจุดแบตสูงสุดถึง 4000 mAh และเทคโนโลยีชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge 3.0 ชาร์จเพียงแค่ 30 นาทีได้แบตเตอรี่ 51% ทำให้เล่นเกมต่อเนื่องได้นานถึง 8 ชั่วโมง และเล่นวิดีโอต่อเนื่องสูงสุด 13 ชั่วโมง

ความรู้สึกหลังใช้ บอกได้เลยว่ารักมาก!

หลังจากได้แกะกล่องลองเล่น OPPO Reno2 แบบยาวๆ บอกได้คำเดียวว่าร้องว้าวอยู่หลายครั้งกับหลายฟังก์ชั่นที่จัดเต็ม โดยเฉพาะเรื่องของการถ่ายภาพที่ถูกใจคนชอบถ่ายรูปอย่างเราเอามากๆ เพราะให้กล้องมาถึง 4 ตัว แถมยังมีฟังก์ชั่นหลากหลายให้ลองเล่นและปรับแต่งจนได้ผลลัพธ์ออกมาเหมือนมืออาชีพ อีกทั้งยังมีโหมด Ultra Steady Mode ช่วยให้การถ่ายวิดิโอสนุกขึ้นยิ่งกว่าเดิม

OPPO Reno2 มีให้เลือก 2 สี คือ Luminous Black และ Sunset Pink ซึ่งตอนนี้มีโปรโมชั่นพรีออเดอร์ เริ่มต้นที่ราคา 17,990 บาท พร้อมรับ Special gift มูลค่าสูงสุด 9,500 บาท ทำให้คุณสามารถเป็นเจ้าของเริ่มต้นได้ในราคาเพียง 3,490 บาทเท่านั้น (โปรโมชั่นนี้เฉพาะพรีออเดอร์กับผู้ให้บริการเครือข่ายทั่วประเทศเท่านั้น ตั้งแต่วันนี้ – 25 ตุลาคม 2562)

(Advertorial)