40ส.ว.ขวางนิรโทษกรรม
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060

    40ส.ว.ขวางนิรโทษกรรม

    2009-07-16T07:45:40+07:00
    แชร์เรื่องนี้
    ยํ้านายกฯอย่าลืมบุญคุณ เทพเทือกยอมรับขำกลิ้งศาลไม่รับฟ้อง พธม.ร้อง

    40 ส.ว. งัดบุญคุณอุ้ม มาร์ค นั่งนายกฯ ขวางแก้ รธน.ปี 50-นิรโทษกรรม แม้ว คืนชีพ ด้าน มาร์ค ยันไม่ปล่อยผีคดีอาญา ส่วนคดีการเมืองเป็นอีกเรื่อง สั่ง ยธ. แจงยื่นฎีกาขออภัยโทษ โต้รับ งาช้าง ความผิดยังไม่สำเร็จ ส่วน กษิต การันตีความปลอดภัยประชุม รมต.อาเซียน แกว่งปากแขวะ ยูเนสโก อีก ด้าน เสื้อแดง ขีดเส้น 31 ก.ค. ปิดรับฎีกาช่วยนายใหญ่ ฟาก เพื่อไทย เดินสายจี้ อาเซียน-ประเทศคู่เจรจา บอยคอตไทย ฝันได้เจอเมียคลินตัน ส่วน มาตุภูมิ ช่วยยำ กษิต อีกแรง แฉทั้ง พม่า-มาเลย์ ชังขี้หน้าหมดแล้ว ฝ่าย พธม. เล่นเชิงรับข้อกล่าวหาวันนี้ ฮึ่มระดม เสื้อเหลือง กดดันพนักงานสอบสวน ขณะที่สำนวน 16 ส.ว. พ้นเก้าอี้ถึงสภาสูงแล้ว มาร์ค รับโครงการชุมชนพอเพียงส่งกลิ่น ปธ.ชุมชน แฉถูกบังคับเลือกตู้น้ำแสงอาทิตย์

    * เทือกขำกลิ้งพธม.หน้าแตก

    เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์กรณีศาลอาญามีคำสั่งไม่รับฟ้องคดีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ร่วมกันสั่งให้พนักงาน สอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาก่อการร้ายกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ปิดล้อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง เป็นข้อกล่าวหาเกินจริงว่า เคยบอกแล้วว่าจะฟ้องนายกฯ ทำไม เพราะนายกฯ ได้มอบให้ตนกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ดังนั้นถ้าจะฟ้องให้มาฟ้องตน ซึ่งที่ตนพูดเช่นนั้น เพราะเห็นว่าไม่น่าจะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกัน เพราะเราอยู่ฝ่ายบริหาร คงไม่เข้าไปก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรมในทุกขั้นตอน ฉะนั้นเมื่อฟ้องก็อดขำไม่ได้ แต่เมื่อศาลมีคำสั่งเช่นนี้จะทำให้คนทั้งหลายได้เห็นความจริงชัดเจนขึ้น

    * ยันกษิตไม่ได้กดดันสตช.

    รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง กล่าวต่อว่า พนักงานสอบสวนทำตามหน้าที่ก็ไม่ต้องกลัวอะไร ถ้าผู้ต้องหาเห็นว่าพนักงานสอบสวนทำผิดก็ดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน ก็ถือว่าเป็นเรื่อง ธรรมดาทุกอย่างว่าไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ไม่มีอะไรที่น่ากังวล เมื่อถามว่าการที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นสิทธิ ไม่ใช่การกดดัน สมมุติถ้าตนเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมมีขั้นตอนใดที่ทำให้ตนในฐานะที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือเสียโอกาสก็มีสิทธิต่อสู้ เนื่องจากกฎหมายอนุญาตหรือขอให้เปลี่ยนผู้พิพากษายังสามารถทำได้ ฉะนั้นมองว่าเป็นเรื่องปกติก็สู้กันไป สื่ออย่าไปตื่นเต้นมาก ใครผิดใครถูกกระบวนการทางกฎหมายจะให้คำตอบได้เอง

    ต่อข้อถามว่า ในฐานะที่กำกับดูแล สตช. เกรงหรือไม่ว่าจะทำให้เจ้าหน้าที่ที่ทำงานเสียกำลังใจในเรื่องนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เสีย เพราะตำรวจจะเสียกำลังใจไม่ได้ เมื่อเลือกมาเป็นตำรวจต้องรู้ว่ามีภาระหน้าที่อย่างไร และต้องทำให้ดีที่สุด แต่เมื่อทำพลาดก็ต้องรับผิดเป็น ปกติ

    * ทนายพธม.เล่นแง่รายงานตัว

    ด้านนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยว่า ตามที่พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกแกนนำและแนวร่วมพันธมิตรฯ ไปรับทราบข้อกล่าวหาก่อการร้ายกรณีปิดล้อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง ที่สโมสรตำรวจ ในวันที่ 16 ก.ค. นั้น ทางกลุ่มได้มี การนัดแนะกับแกนนำและแนวร่วมให้ไปพบกันที่สโมสรตำรวจในเวลาประมาณ 10.00 น. แต่จะไม่รายงานตัวในฐานะผู้ต้องหา เนื่องจากแกนนำไม่ยอมรับข้อกล่าวหาที่รุนแรงเกินจริงดังกล่าว พร้อมกันนี้จะยื่นหนังสือคัดค้านการตั้งข้อหา ที่ไม่ถูกต้องต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้พนักงานสอบสวนพิจารณาตั้งข้อหาใหม่ และหากพนักงานสอบสวนไม่แก้ไขข้อกล่าวหา ก็จะฟ้องร้องต่อศาลปกครองเพื่อให้ยกเลิกข้อกล่าวหาดังกล่าว ทั้งนี้หากตำรวจไม่ยกเลิกข้อกล่าวหาจะมีกลุ่มพันธมิตรฯ จำนวนมากจากจังหวัด ต่าง ๆ เดินทางมาหาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ออกหมายเรียกด้วย

    * บักใสฮึ่มลากวุฒิขึ้นศาล

    นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่า แกนนำพันธมิตรฯที่ถูกออกหมายเรียกทั้งหมดจะไปที่สโมสรตำรวจ แต่เราจะมอบหมายให้ทีมทนายเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมไปถึงพนักงานสอบสวน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และนายกรัฐมนตรี ที่รับผิดชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้ทบทวนการ ออกหมายเรียกซึ่งเป็นข้อกล่าวหาเท็จ หลังจากนั้นทางกลุ่มพันธมิตรฯ จะรอคำตอบสักระยะก่อนพิจารณายื่นฟ้องศาลและอาจจะไม่ใช่ศาลเดียว ซึ่งถ้าจำเป็นต้องยื่นฟ้องต่อศาลจะรวมเอา พล.ต.ท. วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าวพร้อมคณะไปขึ้นศาลด้วยอย่างแน่นอน

    * อ้างทุ่ม250ล.ป้องกันแดงป่วน

    อีกเรื่องหนึ่ง ที่ทำเนียบรัฐบาล นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ที่ จ.ภูเก็ต ระหว่างวันที่ 17-23 ก.ค. นี้ว่า ตนได้รับมอบหมายให้เตรียมการ โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เป็นผู้อำนวยการ รับผิดชอบหลัก ฉะนั้นคิดว่าการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนและการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวม 27 ประเทศจะไม่มีปัญหาอะไร ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ที่จะต้องใช้จำนวนมากถือเป็นเรื่องที่จำเป็น เครื่องไม้เครื่องมือต้องใช้อย่างเต็มที่ เพราะไม่ต้องการให้ประเทศเสียชื่อเสียง เสียภาพลักษณ์ และเสียหายเหมือนครั้งที่เกิด เหตุการณ์ขึ้นที่พัทยา ยืนยันว่ารัฐบาลจะทำเต็มที่

    ผู้สื่อข่าวถามถึงงบประมาณที่ใช้ถึง 250 ล้านบาท รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ถ้าไม่มีคนก่อเหตุให้เกิดความวุ่นวายก็ไม่ต้องใช้เงิน ใช้กำลังขนาดนี้ ตัวอย่างที่มีการก่อเหตุจนถึงขั้นต้องล้มการประชุม ประเทศเสียชื่อเสียงไปมากมาย ฉะนั้นครั้งนี้จึงต้องป้องกันอย่างเต็มที่

    * สายล่อฟ้าลั่นทุกอย่างเรียบร้อย

    นายสุเทพ กล่าวถึงกรณีแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงระบุว่าจะไม่ไปเคลื่อนไหวในพื้นที่จัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนว่า ตั้งแต่เกิดเหตุที่พัทยา ตนไม่มีความเชื่อถือกลุ่มคนเสื้อแดง ส่วนกลุ่มไหนที่ทำอะไรผิด เราต้องดำเนินการทั้งนั้น ผู้สื่อข่าวถามถึงกลุ่มคนเสื้อแดงจะไปยื่นหนังสือถึงสถานทูตอเมริกาในช่วง ที่มีการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนกังวลหรือไม่ว่ารัฐบาลจะเสียหน้า นายสุเทพ กล่าวว่า ต้อง ดูว่าถ้าไปยื่นแล้วมีการปิดถนนหรือทำอะไรผิดกฎหมายก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย แต่ถ้าไปยื่นตามปกติก็เป็นสิทธิ

    ขณะที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่าง ประเทศให้สัมภาษณ์ระหว่างการเดินทางไปร่วม ประชุมกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดที่ประเทศอียิปต์ว่า ได้หารือถึงความพร้อมในการจัดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน โดยตนได้ยืนยันว่าไทยมีความพร้อมทุกประการ และการตอบรับจากประเทศต่าง ๆ ทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา และการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เออาร์ เอฟ) เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

    * การันตีความปลอดภัย รมต.ตปท.

    รมว.การต่างประเทศ กล่าวอีกว่า ได้ยืนยันเรื่องการรักษาความปลอดภัยให้กับบรรดารัฐมนตรีที่มาประชุม ยังได้สรุปให้ฟังถึงกรณีที่ ได้ส่งนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้ช่วย รมว.การต่างประเทศ เดินทางไปเกาหลีเหนือ เพื่อเชิญ รมว. การต่างประเทศเกาหลีเหนือมาร่วมประชุม เออาร์เอฟด้วย แต่เกาหลีเหนืออาจจะส่งระดับเจ้าหน้าที่ จึงได้ขอความร่วมมือจากรัฐมนตรีอาเซียนช่วยโน้มน้าวเกาหลีเหนือให้ส่ง รมว.ต่างประเทศ หรือระดับสูงมาร่วมประชุม เพื่อให้เกาหลีเหนือได้ชี้แจงท่าทีและความในใจให้กับนานาประเทศได้รับทราบ

    นายกษิต กล่าวด้วยว่า จากการหารือกับ รมว.วัฒนธรรมของอียิปต์ ได้แจ้งว่าอียิปต์อยากสมัครเป็นผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การ การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ที่จะมีการเลือกตั้งในปลายปี 2552 ตนจึงบอกว่าจะรับพิจารณาด้วยดี เพราะอียิปต์เป็นประเทศที่มีรากฐานด้านวัฒนธรรม ยาวนาน จึงเชื่อมั่นว่าหากอียิปต์ได้ตำแหน่งนี้จะเป็นประโยชน์กับยูเนสโก ทั้งนี้ตนได้แสดงข้อกังวลว่าระยะหลังเราไม่ค่อยพอใจกับพฤติกรรมของยูเนสโก

    * 22-23ก.ค.ฮิลลารีมาเมืองไทย

    สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ว่า นายเอียน เคลลีย์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ แถลงว่า นางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ มีกำหนดเดินทางมาเยือนประเทศในภูมิภาคเอเชียเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ขึ้นดำรงตำแหน่ง โดยจะไปเยือนอินเดียระหว่างวันที่ 17-19 ก.ค.นี้ จากนั้นจะเดินทางมาเยือนประเทศไทยระหว่างวันที่ 21-23 ก.ค. เพื่อหารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ นายกษิต ภิรมย์ รมว. การต่างประเทศของไทย เพื่อตอกย้ำถึงความเป็นพันธมิตรและความสัมพันธ์ทวิภาคี จากนั้น รมว. การต่างประเทศสหรัฐจะเป็นผู้นำคณะตัวแทนรัฐบาลสหรัฐ เข้าร่วมประชุม รมว.ต่างประเทศอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ที่ จ.ภูเก็ต ในวันที่ 22-23 ก.ค. เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้วจะเดินทาง กลับกรุงวอชิงตันในวันที่ 23 ก.ค. นี้

    ส่วนกรณีที่ รมว.ต่างประเทศของเกาหลีเหนือไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย แต่ส่งเอกอัครราชทูตที่ไม่มีตำแหน่งเฉพาะมาร่วมประชุมแทน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวแต่เพียงว่า เรื่องเกาหลีเหนือคงเป็นหัวข้อหนึ่งในการประชุมอาเซียนครั้งนี้

    * พท.จี้นานาประเทศบอยคอต

    ที่สถานทูตสหรัฐอเมริกา นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยคณะทำงานฝ่ายต่างประเทศ พรรคเพื่อไทย เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนางฮิลลารี คลินตัน รมว. การต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ผ่านทางสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย มีนายนาวาโร มัวร์ ที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองสถานทูตสหรัฐ เป็นตัวแทนรับหนังสือ หลังจากที่ก่อนหน้านั้นพรรคเพื่อไทยได้ส่งหนังสือถึง รมว.การต่างประเทศในกลุ่มอาเซียนและประเทศคู่เจรจาทั้งหมด

    เนื้อหาในหนังสือระบุว่า ตั้งแต่รัฐ ประหาร 19 ก.ย. 2549 คนไทยหลายล้านคนถูกลิดรอนสิทธิการเลือกตั้ง และต่อมาจากการ รัฐประหารโดยพฤตินัยในเดือน ธ.ค. 2551 ดังนั้นอาเซียนต้องไม่ถูกทำให้เป็นตัวประกันสำหรับความผิดปกติของระบบการเมืองภายในที่กัดกร่อนประเทศไทยอยู่ในขณะนี้ พวกเราเสียใจที่อารมณ์โกรธของคนไทยจำนวนมากที่เกิดจากการได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมและเป็นธรรมอย่างต่อเนื่องได้ปะทุขึ้นในเดือน เม.ย. 2552 และทำให้การประชุมอาเซียนหยุดชะงักลง

    * ย้ำนายใหญ่โดนยึดอำนาจ

    พรรคเพื่อไทยขอให้คำมั่นว่าเราจะเรียกร้องให้บุคคลดังกล่าวให้การยอมรับความจำเป็นที่ว่างานของอาเซียนต้องเดินหน้าแม้ว่าเราจะคัดค้านรัฐบาลไทยชุดปัจจุบันก็ตาม ในขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยขอร้องว่าเมื่อท่านเดินทางมาประเทศไทยเพื่อสนับสนุนอาเซียน ขอให้ท่านโปรดตระหนักในข้อเท็จจริงที่ว่ารัฐบาลไทยชุดปัจจุบันไม่ได้รับอาณัติจากประชาชนและถูกมองว่าเป็นตัวแทนที่ไม่มีความชอบธรรมของฝ่ายทหารและอำมาตย์ในสายตาคนไทยหลายสิบ ล้านคน และขอให้ท่านตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่ว่าพรรคเพื่อไทยถูกทำให้พ้นจากตำแหน่งโดยการรัฐประหารยึดอำนาจจากทหาร ในปี 2549 และพวกเรา รวมทั้งผู้สนับสนุนของพวกเราต้องตกอยู่ภายใต้การคุกคามของทหารอย่างไม่ลดละ และกระบวนการยุติธรรมที่ถูกแทรกแซง และขอเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศใช้มาตรฐานที่ใช้ในกรณีประเทศฮอนดูรัสอย่างเสมอเหมือนกันและให้ปฏิเสธการแทรกแซงของทหาร รวมถึงการปฏิเสธการล้มล้างเจตจำนงของประชาชนโดยชนชั้นนำ

    * เล็งขอเข้าพบฮิลลารีโดยตรง

    หนังสือดังกล่าวระบุด้วยว่า ไม่ว่าการกระทำที่ไม่เป็นประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นที่ใดก็ตาม พรรคเพื่อไทยจะต่อสู้เพื่อสิทธิของพวกเราเพื่อให้ได้ประชาธิปไตยกลับคืนมา เรามั่นใจว่าเราจะชนะการเลือกตั้งที่เสรีเป็นธรรมในอนาคตและจากความชอบธรรม อำนาจที่ถูกต้องตามครรลองที่มาจากอาณัติและเจตจำนงประชาชนอย่างแท้จริง พวกเราจะตั้งตาคอยที่จะร่วมงานกับรัฐบาลของท่านในอนาคต

    นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า เป้าหมายการดำเนินการครั้งนี้ไม่ได้หวังให้สหรัฐและกลุ่มประเทศสมาชิกอ่ำบาตรรัฐบาลไทย แต่มีเป้าหมายเพื่อประจานและชี้แจงถึงที่มาของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ไม่มีความชอบธรรมเท่านั้น รวมถึงนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ของไทยที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาร้ายแรงเป็นผู้ก่อการร้าย โดยเหตุผลที่ต้องยื่นหนังสือผ่านสถานทูตแทนการไปยื่นโดยตรงต่อ รมว.ต่างประเทศอาเซียนที่ จ.ภูเก็ต เพราะไม่ต้องการถูกกล่าวหาว่ามาก่อกวนการประชุมอาเซียน อย่างไรก็ตามระหว่างนี้ฝ่ายต่างประเทศพรรคเพื่อไทยกำลังทำจดหมายอีกฉบับเพื่อขอเข้าพบนางฮิลลารี โดยตรง

    มท.1วอนแม้วอย่าโฟนอิน

    ที่กระทรวงมหาดไทย นายชวรัตน์ ชาญ วีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวระหว่างการประชุม ผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยตอนหนึ่งว่า ทุกวันนี้บ้านเมืองยังไม่เป็นปกติสุข ยังมีปัญหาเรื่องความสงบเรียบร้อยภายใน อาจเป็นเพราะการได้รับฟังข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง แต่มีบางฝ่ายต้องการยั่วยุ ปลุกระดม สร้างอารมณ์ร่วมให้เกิดความต้องการเอาชนะฝ่ายเดียว ไม่เสนอข้อมูลอย่างมีเหตุผล ทั้งสองฝ่าย หรืออาจกล่าวได้ว่ามีสื่อไม่ทำหน้าที่ของสื่ออย่างถูกต้อง การนำเสนอข้อมูลลักษณะนี้มีมากและหนักขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละชุมชน จึงขอให้ผวจ. นายอำเภอ ให้ช่วยประชุมชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้อง เช่น เรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งมีการปลุกกระแสผ่านสื่ออยู่ในขณะนี้ว่ามีความถูกต้องหรือไม่เหมาะสมอย่างไรหรือไม่

    รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อาจจะ โฟนอินเข้ามาปลุกระดม ในช่วงใกล้วันประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนว่า ไม่มีใครห้ามได้ แต่อยากฝากให้สื่อเขียนบทความเตือนว่าอะไรที่สมควรและอะไรที่ไม่สมควร

    * ตั้งบิ๊กป้อมหัวหน้าทีม รปภ.

    นายชวรัตน์ กล่าวถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ อาเซียนว่า กระทรวงมหาดไทยไม่ได้ตั้งวอร์รูม เพราะนายกฯ ได้ตั้งให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เป็นดูแลผู้รับผิดชอบตามกฎหมาย พ.ร.บ.ความมั่นคง ซึ่งมีการกำหนดรัศมี 5 กิโลเมตรโดยรอบสถานที่การประชุม ห้ามไม่ให้มีการชุมนุมของบุคคลหรือกลุ่มใด ๆ ในขอบเขตดังกล่าวด้วย ส่วนกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงประกาศว่าจะไม่ไปป่วนการประชุมอาเซียนนั้น ถ้าไม่ไปได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดี เป็นการส่งสัญญาณว่าประเทศไทยจะไปในทิศทางที่ดีขึ้น

    ส่วนการแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทย คนใหม่แทนนายวิชัย ศรีขวัญ ที่จะเกษียณอายุราชการในปีนี้ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า มีหลักการในการดูอยู่แล้ว ดูความอาวุโส ผลงานความสามารถ และก็ดูอายุงาน คนที่ใกล้เกษียณก็จะพิจารณาก่อน ส่วนจะเป็นใครนั้น เอาไว้เดือน ส.ค. ค่อยมาคุยกันอีกครั้ง

    * ปชป.ขอโอกาสฟื้นประเทศ

    ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หากเป็นไปได้อยากขอให้ทุกฝ่ายให้โอกาสแก่ประเทศในการเดินหน้าเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนในวันที่ 17 ก.ค. นี้ โดยไม่มีเหตุการณ์ความวุ่นวายเกิดขึ้นเพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศให้กลับคืนมาอีกครั้ง

    ส่วนกรณีโฆษกพรรคเพื่อไทย ยื่นเรื่องต่อนางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ และผู้แทนประเทศอาเซียนต่าง ๆ ไม่ให้เข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนนั้น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถือเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศไทยต่อเนื่อง ตั้งแต่ การไปฟ้องยูเอ็นก่อนหน้านี้ และสอดรับกับการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พฤติกรรมของพรรคเพื่อไทยยังคงอิงกับการเคลื่อนไหวนอกสภาของกลุ่มแนวร่วมประชา ธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และ พ.ต.ท.ทักษิณ มากกว่าการให้ความร่วมมือกับสภาในการแก้วิกฤติการเมืองของชาติ แต่มั่นใจว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศต้องการเห็นบ้านเมืองสงบและประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้

    * หยันตุ๊ดตู่เป็นเจ้ากรมข่าวลือ

    นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดง อ้างว่ารัฐบาลทำฝนเทียมมาไล่การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า อยากให้นายจตุพรยุติการปล่อยข่าวโคมลอยรายวัน หลังจากที่เคยปล่อยข่าวว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ไม่ได้อยู่ในรถที่กระทรวงมหาดไทยมาแล้ว และยังปล่อยข่าวเรื่องการยิงปืนใหญ่ทำฝนเทียมอีก ดังนั้น ถ้าเสร็จจากการเคลื่อนไหวรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แล้ว ตนจะแต่งตั้งให้เป็นเจ้ากรมข่าวโคมลอย

    นายจตุพรอ้างว่ายิงปืนใหญ่จาก พล.ม.2 ก็อยากถามว่ามีพยานหลักฐานหรือมีคนได้ยินเสียงปืนใหญ่หรือไม่ มีการพิสูจน์หรือยังว่าการยิงปืนใหญ่ทำฝนเทียมทำได้ เพราะถ้าดูงานพิธีสำคัญ ๆ มีการยิงปืนใหญ่ 10 หรือ 20 นัด ก็ยังไม่เห็นฝนตกสักครั้ง แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่ยิงปืนใหญ่เพียงนัดเดียวทำให้ฝนตกจนฟ้า ถล่ม ลมแรงจนเวทีของคนเสื้อแดงพังทลาย คิดว่านายจตุพรไม่ควรปฏิเสธเรื่องธรรมชาติลงโทษ คนที่คิดไม่ดีต่อชาติบ้านเมือง คนอื่นลงโทษไม่ได้ แต่ธรรมชาติจะลงโทษ โฆษกประจำตัวนายอภิสิทธิ์ ระบุ

    * นพดลโวไม่มีทางปิดกั้นนาย

    นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลพยายามจะตัดสัญญาณการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งพยายามปิดสถานีวิทยุชุมชนของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความหวั่นไหวของพรรคประชาธิปัตย์ในคะแนนนิยมของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสาน จึงพยายามสกัดปิดกั้นไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดคุยกับชาวบ้าน ขณะเดียวกันก็ใช้วิธีไล่ล่าผ่านทาง รมว.การต่างประเทศ และใช้โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งโฆษก ส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาดิสเครดิตรายวัน ซึ่งหลายเรื่องล้วนเป็นความเท็จ เช่น การจ้างล็อบบี้ยิสต์ และการกล่าวหาว่า พ.ต.ท. ทักษิณลุกลี้ลุกลนหนีออกจากโรงแรมที่ประเทศมาเลเซีย ความจริงแล้วอดีตนายกฯ มีกำหนดที่จะต้องเดินทางไปพบผู้นำประเทศอื่นต่อ หากกลัวการจับกุมคงไม่เดินทางไปประเทศมาเลเซียตั้งแต่ต้น

    เป็นวิธีการของพรรคประชาธิปัตย์ที่มุ่งทำลายความน่าเชื่อถือของคู่แข่งมากกว่าที่จะสร้างผลงานหรือสร้างศรัทธาให้ประชาชน ถ้ายังคงทำแบบนี้ต่อไปก็จะยิ่งเสื่อมลงไปเองเรื่อย ๆ เหมือนรัฐบาลไปรังแกฮีโร่ของชาวบ้าน ในขณะ ที่รัฐบาลเองไม่มีผลงานอะไรออกมาเลย การจะไปปิดกั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ให้สื่อสารกับชาวบ้านนั้นคงทำได้ยาก เพราะเดี๋ยวนี้โลกไร้พรมแดน ช่องทางการสื่อสารมีมากมาย นายนพดล กล่าว

    * ปู่สุขยังแทงกั๊กนิรโทษกรรม

    ที่รัฐสภา นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวภายหลังรับมอบรายงานผลกา รศึกษาของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากนายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ เพื่อเตรียมส่งต่อให้ประธานรัฐสภาและนายกฯ ในวันที่ 16 ก.ค. ว่า เป็นแนวทางที่จะช่วยให้บ้านเมืองสงบลงได้ นายดิเรกก็ยืนยันแล้วว่าหากรัฐบาลมีความจริงใจก็คงจะนำข้อเสนอดังกล่าวไปดำเนินการต่อ ทั้งนี้หากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็คงต้องมีการตั้ง ส.ส.ร.3 ขึ้นมา

    ต่อข้อถามว่า คณะกรรมการสมานฉันท์ เสนอให้ออกกฎหมายปรองดองแห่งชาติและมีการนิรโทษกรรมอดีตกรรมการบริหารพรรคที่ถูก ยุบ ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ส่วนตัวต้องดูก่อนว่าจะเสนอให้นิรโทษกรรมอย่างไร ตั้งแต่วันไหน และโดยหลักการแล้วต้องไม่ออกกฎหมายที่ขัดรัฐธรรมนูญ

    * 40ส.ว.ประกาศตั้งป้อมค้าน

    ขณะเดียวกัน กลุ่ม 40 ส.ว. นำโดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา แถลงคัดค้านข้อเสนอทั้ง 6 ประเด็นของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ โดยมีเหตุผลดังนี้ 1.ที่มาของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ไม่มีความเป็นกลาง ขาดการมีส่วนร่วมจากประชาชน เพราะเสียงส่วนใหญ่มาจากพรรคการเมือง 2.การเสนอแนว ทางแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ประเด็นล้วนเป็นประโยชน์กับพรรคการเมืองและ ส.ส. ทั้งสิ้น และ 3.การดำเนินการของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ขัดแย้งกันเองระหว่างแนวทางเพื่อสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคมไทยก่อน จากนั้น จึงนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง แต่กลับมุ่งเน้นแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างรวบรัดโดยไม่เป็นไปตามลำดับ และยังแอบแฝงเจตนาที่จะผลักดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติไว้ในแผนที่จะดำเนินการในลำดับต่อไป

    * สะกิดอภิสิทธิ์อย่าลืมบุญคุณ

    น.ส.สุมล สุตะวิริยวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี กล่าวว่า วันที่ 16 ก.ค. ตนจะเป็นตัวแทนกลุ่ม 40 ส.ว. ยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เพื่อให้รับทราบถึงจุดยืนกลุ่ม 40 ส.ว. และคิดว่านายกฯ คงจะรับฟังบ้าง อย่างน้อยพวกเราก็ทำให้ท่านมีวันนี้ ทั้งนี้ตนคิดว่าไม่ต้องห่วงเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาล ไม่ต้องกลัวว่าจะอยู่รอดหรือไม่ ทุกพรรคก็จะเกาะพรรคประชาธิปัตย์แน่น เพราะงบมาก ขณะที่นายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลไม่มี 40 ส.ว. ก็จะไม่มีเสียง ส.ว.ถึง 103 เสียง และจะไม่สามารถแถลงนโยบายหลังตั้งรัฐบาลได้

    นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า อย่าลืมว่าเราแม้จะมีเสียงแค่นี้แต่ก็มีแนวร่วมจากประชาชน เชื่อว่านายกฯ จะตระหนัก อย่าสร้างเรื่องราวให้เกิดความขัดแย้งอีกครั้ง โดยเฉพาะ น.ส.สุมล ก็เคยยื่นสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ และรัฐบาลชุดนั้นได้พ้นออกไปแล้ว เมื่อถามว่าถ้าหากนายกฯ ยังเดินหน้าตามข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์ทางกลุ่มจะทำอย่างไร นายไพบูลย์ กล่าวว่า ก็ลองทำดู ซึ่งเราก็จะคัดค้าน ให้ถึงที่สุด แต่เท่าที่ฟังนายกฯ ก็ไม่ได้รับปากว่าจะทำตามหรือไม่ เพียงแต่นายกฯ ตั้งคณะกรรมการให้ไปดำเนินการสร้างความสมานฉันท์เท่านั้น ไม่ได้บอกว่าจะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

    * ชี้คำตอบสุดท้ายอยู่ที่รัฐบาล

    ด้านนายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี ในฐานะประธานกรรมการสมานฉันท์ฯ กล่าวถึงกรณีกลุ่ม 40 ส.ว. คัดค้านข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ว่า เป็นเรื่องปกติตามวิถีประชาธิปไตย และเป็นสิทธิที่กระทำได้ อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดจะต้องขึ้นอยู่กับนายกฯ และรัฐบาลว่าเห็นด้วยหรือไม่กับรายงานผลการศึกษาของคณะกรรมการฯ ซึ่งอาจจะเห็นด้วยทั้งหมดหรือเห็นด้วยเพียงบางส่วนก็อยู่ที่ดุลพินิจของรัฐบาล ทั้งนี้เราไม่ได้พูดเรื่องการนิรโทษกรรม แต่มุ่งไปที่ประเด็นการยุบพรรคการเมือง เพราะกรรมการบริหารพรรคบางคนไม่มีส่วนรู้เห็น ซึ่งการคืนสิทธิที่มีการระบุไว้ภายในรายงานนั้นเป็นเพียงข้อเสนอแนะต่อที่ประชุมจากแต่ละฝ่าย

    ต่อข้อถามว่า กลุ่ม 40 ส.ว. ระบุว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ ของนักการเมือง ประธานคณะกรรมการสมาน ฉันท์ฯ กล่าวว่า ไม่อยากให้ทุกฝ่ายคิดเช่นนั้น ทำไมไม่มองย้อนไปว่า นักการเมืองก็คือที่มาแห่งปัญหาทำให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน และในที่สุดก็ทำให้รัฐบาลขาดเสถียรภาพทางการเมือง หากรัฐบาลยังคงมีปัญหา และยังคงไร้ความมั่นคงสิ่งเหล่านี้ก็จะกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและอื่น ๆ เป็นวงกว้าง

    * มาร์คโอ่จุดยืนยังเหมือนเดิม

    ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันที่ 16 ก.ค. จะไปฟังคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ชี้แจงรายละเอียดและข้อเสนอทั้งหมด ทั้งนี้เชื่อจะไม่มี การยัดไส้ เพราะรายงานต้องผ่านมติของที่ประชุม โดยใช้เสียงส่วนใหญ่เห็นว่าจึงไม่ได้มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ และไม่มีทางที่จะได้เสียงเห็นด้วย 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ควรหากระบวนการ ซึ่งเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย อย่างไรก็ตามตนยังมีจุดยืนต่อเรื่องต่าง ๆ เหมือนเดิม เมื่อถามว่า จะต้องมีการเรียกประชุมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลอีกหรือไม่ หลังจากที่ได้รับรายงานดังกล่าวแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอไปฟังก่อนว่าต้องการให้ทำรูปแบบไหน อย่างไร

    ต่อข้อถามว่า นายกฯ จะทำประเด็นการนิรโทษกรรมหรือไม่ เพราะกรรมการเสียงข้างน้อยจากพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าต้องทำเรื่องนี้ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ เสียงส่วนใหญ่มีความเห็นอย่างหนึ่ง แต่เสียงส่วนน้อยก็มีความเห็นอีกอย่างหนึ่ง ตนจะถามเขาว่ากระบวนการในประเด็นที่ยังไม่เห็นตรงกันนั้น อยากจะเดินต่ออย่างไร สำหรับตนเคยพูดชัดเจนแล้วว่าไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมในเรื่องของคดีอาญา แต่ถ้าเป็นเรื่องของการเมืองก็ต้องมาพิจารณา

    * ยธ.แจงขั้นตอนอภัยโทษ

    นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า ไม่น่าจะเกินวันที่ 16 ก.ค. นี้ กระทรวงยุติธรรมจะชี้แจง เกี่ยวกับเรื่องการยื่นถวายฎีกาเพื่อขอพระรโทษ ซึ่งเมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมาตนได้พูดคุยกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว. ยุติธรรม ซึ่งแนวทาง คือ การสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนให้เกิดความชัดเจนในหมู่ประชาชน ว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ การพิจารณาของหน่วยงานมีหลักเกณฑ์อย่างไร เมื่อถามว่าดูเหมือนทาง ส.ว. ติดใจว่ารัฐบาลไม่ได้จริงจังในการเข้าไปดูเรื่องของการล่ารายชื่อเพื่อถวายฎีกา นายกฯ กล่าวว่า ตนตามมาตลอด รัฐบาลและตนก็จะพยายามทำทุกอย่างไม่ให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชน

    * มติ16ส.ว.พ้นเก้าอี้ถึงสภาสูง

    ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. เปิดเผยว่า นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ได้แจ้งให้ที่ประชุม กกต. ทราบว่า สำนักงาน กกต.ได้ส่งคำวินิจฉัยกรณีที่กกต. มีมติเสียงข้างมากให้ 16 ส.ว. พ้นสมาชิกภาพตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 119 (5) เนื่องจากมีการถือครองหุ้นใน 14 บริษัท ที่เข้าข่ายบริษัทต้องห้ามตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ตามมาตรา 48 และ 265 (2) เพื่อให้ประธานวุฒิสภาดำเนินการส่งให้กับศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยต่อไปแล้ว

    ด้านนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ขณะนี้ กกต. ยังไม่ได้ส่งคำวินิจฉัยมา ส่วนที่ตนขอให้ทบทวนกรณีนาย สุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี ทาง กกต. แจ้งกลับมาแล้วว่าหลักฐานที่ส่งไปไม่ใช่หลักฐานใหม่ ขอให้วุฒิสภาดำเนินการต่อ โดยตนจะพิจารณาในรายละเอียดแล้วจะวินิจฉัยว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

    * หล่อใหญ่นกรู้ไม่กล้ารับงาช้าง

    ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีกลุ่มคนเสื้อแดงยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบการรับงาช้างจากนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ระหว่าง ลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมาว่า กำลังให้สำนักนายกรัฐมนตรีประเมินมูลค่าอยู่ เพราะของทุกชิ้นที่ตนรับจะส่งให้ทำเนียบรัฐบาลไปสืบราคา อันไหนเกิน 3,000 บาทก็ส่งกลับ อันไหนไม่เกินก็รับไว้ ที่ผ่านมามีทั้งที่รับไว้และส่งกลับ เมื่อถามว่า กลุ่มคนเสื้อแดงระบุว่าความ ผิดสำเร็จแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขั้นตอนยังไม่สำเร็จ ตนรับมาโดยที่นำมาให้ทำเนียบฯ ตรวจสอบราคาเป็นแนวปฏิบัติที่ตนทำมาตลอด

    นายกฯ ยังกล่าวถึงกรณี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ระบุว่าการดำเนินการโครงการชุมชนพอเพียงของรัฐบาลส่อทุจริตราคาแพงเกินจริง และมีข้าราชการและนักการเมืองเรียกเก็บหัวคิวชุมชนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดชุมชนละ 2 แสนบาทว่า ได้ให้นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ ติดตามอยู่ เพราะหลายพื้นที่รายงานมาไม่ใช่แนวทางที่ควรจะเป็น และถ้ามีนักการเมืองส่วนกลางเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยก็ต้องจัดการ

    * พท.ไล่บี้งาบชุมชนพอเพียง

    เช้าวันเดียวกัน คณะกรรมการประสาน งานภาค กทม. พรรคเพื่อไทย นำโดย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ นายการุณ โหสกุล ส.ส. กรุงเทพฯ พร้อมด้วยนายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ นายสมพรต สาระโกเศศ อดีตผู้สมัครส.ส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชาชน และนาย จิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทยลง พื้นที่ชุมชนวัดกลาง เขตบางกะปิ พบปะผู้นำชุมชน 9 แห่ง เพื่อตรวจสอบโครงการจัดซื้อตู้หยอดน้ำและแผงโซลาร์เซลล์ ตามแผนงานโครงการชุมชนพอเพียงที่ส่อไปในทางไม่ชอบมาพากลโดยมีราคา