ความคืบหน้ากรณีคนร้ายอุ้มเด็กชายวัย 2 ขวบ ไปทำร้ายร่างกายสะบักสะบอม ล่าสุดอาการดีขึ้น แต่ยังผวาไม่อยู่ห่างจากแม่ ญาติเชื่อฝีมือคนรู้จักฝ่ายพ่อ อาจขัดแย้งปมยาเสพติด แล้วมาลงที่เด็กเพื่อสั่งสอน
(6 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่โรงพยาบาลนครนายก เพื่อสอบถามอาการคืบหน้า น้องโบ๊ท (นามสมมติ) อายุ 2 ขวบ 3 เดือน ที่ถูกคนร้ายทุบตีมีบาดแผลหลายแห่งบนใบหน้าและตามลำตัว รวมทั้งบริเวณอัณฑะ อีกทั้งยังมีไข้ขึ้นสูง ตอนนี้อาการของน้องดีขึ้นเป็นลำดับ แต่ยังตกใจหวาดผวาและกลัวไม่ยอมออกห่างจากแม่ และต้องอยู่ใความของดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะเกรงว่าแผลจะติดเชื้อ ขณะนี้ญาติๆ ยังมาเฝ้าคอยเวลาเยี่ยมดูอาการและให้กำลังใจเช่นเดียวกัน
จากการสอบถาม นายเซ็น อายุ 46 ปี ผู้เป็นตาของเด็ก เล่าว่า น้องโบ๊ทเป็นลูกชายนายวิศรุต อายุ 25 ปี กับ น.ส.กาญจนา อายุ 21 ปี แต่ทั้งสองแยกกันอยู่แล้ว ทำให้เด็กต้องไปๆ มาๆ ระหว่างบ้านพ่อกับบ้านแม่ พอตนได้ทราบข่าวว่าหลานถูกทำร้ายก็ถึงกับพูดไม่ออก ไม่น่าเชื่อว่าจะทำกับเด็กได้ลงคอ
ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงเย็นวันที่ 4 พฤศจิกายน น้องโบ๊ท ก็ยังนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านกับเพื่อนๆ กระทั่งช่วงค่ำเรียกเขาบ้าน แต่ก็ตามหาไปเจอ กระทั่งพบอยู่ในป่าไม่ไกลจากบ้าน สภาพมีบาดแผลทั้วตัวและร่างเปลือยเปล่า
>> สะเทือนใจ เด็กน้อย 2 ขวบโดนอุ้มทำร้ายสะบักสะบอม ตร.สงสัยคนใกล้ตัว
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้ถามต่ออีกว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ที่เป็นฝีมือของคนใกล้ตัวเด็ก หรืออาจจะเป็นพ่อของเด็กก่อเหตุในครั้งนี้ นายเซ็นตอบว่าคงเป็นไม่ได้ พ่อของเด็กไม่น่าจะทำเรื่องแบบนี้ แต่เชื่อว่าคนที่กระทำน่าจะเป็นเพื่อนของพ่อเด็ก เพราะแต่ละคนมีปัญหาติดยาเสพติด
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.องค์รักษ์ เพื่อสอบพฤติกรรมของพ่อเด็กและได้นำตัวมาตรวจปัสสาวะ แม้จะพบสารเสพติด แต่ยังให้ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำร้ายลูกชาย แต่เจ้าหน้าตำรวจชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ถามเพื่อนบ้านใกล้เคียงให้การว่าพ่อของเด็กนั้นติดยาเสพติด
จากการสันนิษฐานคาดว่าเพื่อนของเด็กพ่อเด็กน่าจะขัดผลประโยชน์ในขบวนการยาเสพติด จึงมาทำร้ายร่างกายเด็กแทน เพื่อเป็นการสั่งสอนหรือข่มขู่ เบื้องต้นจากการสืบประวัติของนายวิศรุต พบเคยมีประวัติทำร้ายร่างกายลูกชายตนเองมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ถูกปกปิดเป็นความลับ อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งสืบสวนรวมถึงเพื่อนของพ่อเด็กที่ญาติสงสัย และเชื่อว่าน่าจะอยู่ในขบวนการยาเสพติดมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด