อุปกรณ์ไม่พอล่าคนร้าย! “ผบ.ตร.” ซัด วงจรปิดเจ๊งเกินครึ่ง ยก มี 20 ตัว ใช้ได้ 5

อุปกรณ์ไม่พอล่าคนร้าย! “ผบ.ตร.” ซัด วงจรปิดเจ๊งเกินครึ่ง ยก มี 20 ตัว ใช้ได้ 5

อุปกรณ์ไม่พอล่าคนร้าย! “ผบ.ตร.” ซัด วงจรปิดเจ๊งเกินครึ่ง ยก มี 20 ตัว ใช้ได้ 5
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(แฟ้มภาพ)

(24 ส.ค.) พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าเหตุระเบิดที่บริเวณแยกราชประสงค์ที่ผ่านมาครบ 1 สัปดาห์แล้วว่าได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่ ตามที่มีผู้ให้เบาะแสมาจำนวนมาก ลงตรวจตามเกสต์เฮ้าส์ทั้งในกทม.และต่างจังหวัด และ มีการประชุมติดตามสถานการณ์ทุกช่วงเวลา

พร้อมกันนี้ขอประณามผู้ที่เข้าโทรแจ้งเรื่องเท็จ และก่อกวน รวมทั้งในโซเชียลมีเดียที่โพสต์เหตุเท็จ สร้างความปั่นป่วน จึงสั่งดำเนินการตามกฎหมายเพื่อไม่ให้เกิดการทำตามเป็นเยี่ยงอย่าง เพราะกว่าร้อยละ90เป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น

ส่วนที่มีรายงานว่าคนร้ายเปลี่ยนเสื้อในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เป็นสีเทานั้นได้ยินเรื่องดังกล่าวมานานแล้ว ซึ่งเป็นเพียงคำบอกเล่าของพยาน เนื่องจากกล้องภายในโรงพยาบาลเสีย

สำหรับกรณีที่ว่าคนร้ายยังอยู่ หรือหลบหนีออกไปแล้วหรือไม่ และจะตัดประเด็นใดทิ้งนั้นส่วนที่มีรายงานว่าคนร้ายบินไปมาเลเซียนั้น ได้ประสานการตรวจสอบแล้ว ยังไม่พบ และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบหาดีเอ็นเอจากธนบัตรใบละ 20 บาท ที่คนร้ายใช้จ่ายเป็นค่าโดยสารให้กับวินรถจักรยานยนต์รับจ้างแล้ว

จากแผนประทุษกรรมที่คนร้ายใช้นั้นต้องยอมรับว่าเป็นมืออาชีพ เพราะมีการเปลี่ยนรถเปลี่ยนการเดินทางตลอด แต่ก็มั่นใจว่าจะจับกุมคนร้ายได้ แม้จะหลังตนเองเกษียณอายุราชการก็ตาม

พร้อมกันนี้ขอประณามสื่อต่างชาติที่นำเสนอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับความเสียหาย โดยเลือกเสนอเฉพาะบางส่วนบางตอน เป็นการจ้องจะทำร้ายประเทศไทย

ส่วนความคืบหน้าเหตุระเบิดที่ใต้สะพานสาทรนั้น เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการในเรื่องการออกหมายจับอยู่ อาจต้องใช้เวลาเพราะภาพจากกล้องวงจรปิดไม่ชัด และยืนยันว่ามีหลายสาเหตุที่เชื่อมโยงเหตุระเบิดที่สาทรกับราชประสงค์ อาทิรูปแบบที่ใช้เป็นต้น

โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงปัญหาความขัดข้องทางเทคนิคว่า ทุกวันนี้ตำรวจไทย ทำงานด้วยความรู้ความสามารถครีเอตสถานการณ์สร้างเรื่องขึ้นมา ยกตัวอย่าง ทุกวันนี้เราติดตามคนร้ายจากกล้องซีซีทีวี ระหว่างทางมี 20 ตัว แต่เสียไป 15 ตัว ใช้ได้ 5 ตัว ก็กระโดดไปกระโดดมา มีส่วนที่หายไป ตำรวจมานั่งจินตนาการว่าตรงนั้นคืออะไร ต้องเสียเวลาสร้างจินตนาการ ตรวจสอบสิ่งที่ไม่ใช่

ยอมรับว่าประสิทธิภาพของเครื่องมือที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยมีนั้นยังไม่ดีพอ สามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้แค่เพียงชื่อนามสกุล และข้อมูลตามพาสปอร์ตเท่านั้น ซึ่งมีหลายประเทศและหลายบริษัทมีเครื่องมือที่ทันสมัยและเข้ามานำเสนอ ซึ่งเครื่องมือไบโอเมตติคนี้สามารถตรวจจับใบหน้า ฐานข้อมูลลายนิ้วมือ และการสแกนม่านตาได้ จึงอยากให้มีไว้ในทุกด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ

โดยเสนอรัฐบาลว่าให้นำเงินจากค่าปรับและค่าธรรมเนียมของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่ต้องส่งคืนกระทรวงการคลังปีละกว่า5-6พันล้านมาจัดซื้อเครื่องมือดังกล่าว

ขณะที่เมื่อวานนี้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานกรรมการมูลนิธิไทยพึ่งไทย ได้นิมนต์พระสงฆ์สวดมนต์ และนำประชาชนจุดเทียน รำลึกครบรอบ 7 วัน เหตุวางระเบิดแยกราชประสงค์ โดยมีประชาชน นักธุรกิจ และนักท่องเที่ยวย่านราชประสงค์ กว่า ร้อยคน เข้าร่วม เพื่ออุทิศส่วนบุญให้แก่ผู้เสียชีวิตอีกด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook