ตร.บอกสัปดาห์หน้าชัดปมยิงสมยศยันไม่โยงชนม์สวัสดิ์

'พล.ต.ท.ฐิติราช' เผยสัปดาห์หน้าคาดชัดปมยิง “สมยศ” หลังสืบนครบาลและกองปราบลงพื้นที่ ย้ำมือปืนไม่จำเป็นต้องเป็นมืออาชีพ ขณะที่ 'พล.ต.ต.สมบัติ' ยันไม่พบความเชื่อมโยงกับ 'เอ๋ ชนสวัสดิ์'

พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยแนวทางการสืบสวนคลี่คลายคดีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าของพระราม 9 คาเฟ่ ว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนมากขึ้นหลังจากที่ชุดสืบสวนกองปราบปรามและตำรวจนครบาล ลงพื้นที่ โดยเฉพาะการสืบสวน จะต้องใช้ศิลปะในการซักถาม จนกว่าบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับตำรวจ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดกรองข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต โดยตำรวจให้น้ำหนักประเด็นความขัดแย้งของการเสียชีวิตของ นายสมยศ ซึ่งจะต้องมีการหาเบาะแสของกลุ่มคนใกล้ชิด หรือกลุ่มคนที่ทั้งได้และเสียผลประโยชน์

สำหรับหัวกระสุนปืนที่ส่งให้กองพิสูจน์หลักฐาน หรือ พฐ. ตรวจเป็นขนาด .38 นั้น ตำรวจทำได้เพียง นำไปเปรียบเทียบ กับประวัติอาชญากรเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นมือปืนอาชีพหรือรับจ้างได้หรือไม่ เนื่องจากปัจจุบันมือปืนเป็นแค่คน ถึงจะแค่เคยก่อเหตุก็สามารถรับจ้างานฆ่าคนได้แล้ว ซึ่งแตกต่างจากอดีตที่มือปืนจะต้องอยู่กันเป็นซุ้ม เพราะจะง่ายต่อการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ แต่เชื่อว่ากรณีนี้จะต้องมีการจ้างวานอย่างแน่นอน ซึ่งตำรวจจะเร่งสืบสวนหาบุคคลที่เป็นคนคอยประสานหรือตัวกลาง ในครั้งนี้ รวมทั้งตรวจสอบเรื่องยานพาหนะ พยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ แล้วจึงจะนำมาประมวลสรุปหาปมการสังหารในครั้งนี้ต่อไป

ขณะที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าพ่อพระราม 9 คาเฟ่ เสียชีวิต บริเวณลานจอดรถร้านอาหาร เฮงหูฉลาม เมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่ ชี้ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง เบื้องต้นประเด็นการสังหารยืนยันไม่เกี่ยวกับความขัดแย้งในครอบครัวเร่งตรวจความขัดแย้งทางธุรกิจทั้งหมด ที่ นายสมยศ ทำว่าขัดแย้งต่อผลประโยชน์กับใครบ้างแต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับอะไร พร้อมเปิดเผยอีกครั้งว่า หลังจากนี้จะได้เชิญตัว นางรัศมี สุธางค์กูร ภรรยาของ นายสมยศ มาให้ปากคำอีกครั้งที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล หลังก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่แต่ละฝ่าย ได้สอบปากคำ นางรัศมี มาแล้วหลายครั้ง โดยให้เหตุผลว่า ที่ต้องมีการสอบปากคำ นางรัศมี หลายครั้ง เนื่องจากต้องทำการสอบสวนให้สิ้นกระแสความทุกประเด็นและรอบคอบในการสืบสวนสอบสวน ทั้งนี้ รายงานล่าสุดจากกล้องวงจรปิดในเส้นทางการการหลบหนีของคนร้ายรวมทั้งขณะเกิดเหตุและก่อนเกิดเหตุพบเบาะแสในหลายจุด เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบภาพดังกล่าวอย่างละเอียด เพื่อจะนำข้อมูลต่าง ๆ มารวบรวมในสำนวนคดี ส่วนกรณีที่มีการพบคนร้ายบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ รามคำแหง นั้น ได้สั่งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบและยืนยันอีกครั้ง เพื่อที่จะหาทิศทางการหลบหนีของคนร้ายต่อไป

ด้าน พลตำรวจตรีสมบัติ มิลินทจินดา ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันขณะนี้ผลการสืบสวนทางคดีมีความคืบหน้าไปมากโดยทยอยเรียกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาสอบปากคำ รวมถึงจะมีการเรียกตัวนางรัศมี ภรรยาของนายสมยศ เข้ามาสอบปากคำอีกครั้งส่วนกรณีที่ชื่อของเอ๋ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ที่พบในไดอารี่ของนายสมยศ ยืนยันไม่เป็นความจริง รวมทั้งไม่มีการเรียกมาเพื่อสอบปากคำแต่อย่างใด