ก.ล.ต.ส่งฟันแก๊งสมพงษ์
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060

    ก.ล.ต.ส่งฟันแก๊งสมพงษ์

    2010-09-01T07:47:00+07:00
    แชร์เรื่องนี้
    สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ได้ดำเนินการกล่าวโทษ นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ประธานกรรมการ บริษัท เอส.อี.ซี.ออโต้เซลล์ แอนด์ เซอร์วิส (เอสอีซีซี) น.ส.นิภาพร คมกล้า นายกฤช เอกมงคลการ บริษัท แอปเปิล กรุ๊ป และบริษัทคิว อาร์ ออโต้ คาร์ ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้วเมื่อวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากปรากฏข่าวรถยนต์ของบริษัทหายไปจากบัญชีจำนวนมาก และตัวนายสมพงษ์ได้หลบหนีไปเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน ทำให้ ก.ล.ต.ได้เข้าตรวจสอบการดำเนินงานของเอสอีซีซี รวมถึงสินค้าคงคลังของบริษัท ปรากฏว่า ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2551 มีรถยนต์คงเหลืออยู่ในบัญชีสินค้าคงเหลือ 501 คัน รวมมูลค่ากว่า 1.4 พันล้านบาท แต่รถยนต์จำนวน 493 คัน มูลค่าประมาณ 1,409 ล้านบาท ไม่สามารถระบุได้ว่าอยู่ที่ใด และน่าเชื่อว่าไม่มีอยู่จริง

    การตรวจสอบดังกล่าว พบการกระทำผิดในหลายลักษณะ ก.ล.ต.จึงได้ดำเนินการกล่าวโทษกรรมการและผู้บริหารของบริษัทเอสอีซีซี 2 ราย เนื่องจากมีพยานหลักฐานที่น่าเชื่อว่า มีการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ประกอบด้วย นายสมพงษ์ ในฐานะที่รับผิดชอบการดำเนินงานและได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของบริษัท ได้เบียดบัง ยักยอกเงินของบริษัทด้วยการจัดทำเอกสารอันเป็นเท็จ ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายกว่า 597 ล้านบาท จำนวนรถยนต์ 196 คัน โดยมี น.ส.นิภาพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงินเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุน และยังมีนายกฤช เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดแห่ง พ.ร.บ.ฉบับเดียวกัน

    นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า กรณีเอสอีซีซี เป็นเรื่องที่ผู้ลงทุนและลูกค้าของบริษัทได้รับผลกระทบมาก สำนักงาน ก.ล.ต. ไม่ได้นิ่งนอนใจจึงเร่งดำเนินการตรวจสอบเพื่อหาผู้กระทำผิด ซึ่งในชั้นนี้พบว่ามีบุคคลและนิติบุคคลที่เข้าข่ายกระทำผิดรวม 5 ราย และยังพบว่าอาจมีผู้ที่เกี่ยวข้องในกรณีนี้เข้าลักษณะกระทำผิดในเรื่องอื่นๆ อีก ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต.อยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริงเพิ่มเติมและจะเร่งดำเนินการต่อไป

    // //

    ตะลุยข่าว - 388 ศพสึนามิ...ยังไม่ได้กลับบ้าน

    แม้พิบัติภัยสึนามิจะผ่านพ้นไปแล้ว 4 ปี ทว่าภาพความเสียหาย การล้มตาย และสูญหายไปของคนอันเป็นที่รัก ยังคงติดตรึงอยู่ในใจเหมือนภาพฝันร้ายในคืนที่แสนยุ่งเหยิง หลายครอบครัวยังทำใจไม่ได้กับมหันตภัยที่เกิดขึ้นกับตนเอง ครอบครัว และธุรกิจ เสียงหวีดร้องโหยหวนและร่ำไห้เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ยังคงก้องอยู่ในมโนสำนึก