เจมส์ เอ๊ะ วิวาห์ล่ม เปิดใจสาเหตุเลิกกัน

ลุ้นกันอยู่นานว่าความสัมพันธ์จะเป็นไปในทิศทางใด ช่วง 2-3 ปีหลังมานี่กระแสข่าวความรักของนักร้องหนุ่ม เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ และแฟนสาว เอ๊ะ ศศิกานต์ มีออกมาหลายรูปแบบทั้งแพลนวิวาห์หรือแม้แต่ข่าวเลิกรา ซึ่งที่ผ่านมาทั้งคู่ก็ออกมาเคลียร์ข่าวทุกครั้ง พร้อมเปรยว่าเรื่องข่าวดีคงอีกไม่นาน ทำเอาหลายฝ่ายต่างลุ้นว่าจะได้ฤกษ์ดีเมื่อไหร่
แต่จู่ ๆ ทั้งคู่ก็ทำเอาแฟนคลับถึงกับช็อก เมื่อล่าสุดวันนี้ ( 21 ก.ค. 2554 ) ณ โรงละครรัชดาลัย เอสพลานาดรัชดา เจมส์-เอ๊ะ ควงแขนกันออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงเปลี่ยนสถานะความสัมพันธ์ที่บ่มเพาะมานานกว่า 12 ปี เหลือแค่คำว่าเพื่อนสนิท เผยที่ผ่านมาพยายามปรับจูนเรื่องทัศนคติที่ไม่ตรงกันมาร่วม 5 ปีแล้ว แต่ก็สุดยื้อ จึงขอหยุดความสัมพันธ์แบบคนรัก ยืนยันไม่มีเรื่องของมือที่ 3 เข้ามาเกี่ยวข้อง
เจมส์ : "ตอนนี้สถานะของเราทั้ง 2 คนเปลี่ยนจากแฟนมาเป็นเพื่อนรักกัน จากการที่เรา 2 คนได้ตกลงคือมีอีกหลายเรื่องราวที่เรายังเข้ากันไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทัศนคติ ความคิด การใช้ชีวิต อาจจะเป็นเพราะการเลี้ยงดูที่ต่างกัน หลายคนก็สงสัยว่าทำไมถึงปล่อยให้ยาวนานถึง 12-13 ปี จริงๆแล้วก็พยายามแก้ไข ทำทุกวิถีทาง ปรับจูน คุยกัน หาที่ปรึกษา พยายามจะแต่งงานเพื่อแก้ปัญหา สุดท้ายแล้วก็คงไม่อาจฝืนความจริงได้ เราก็เลยคุยกันและเห็นตรงกันว่าการที่เราเลิกกันมันดีกว่าที่เราแต่งไปแล้วต้องหย่า"
"ก่อนหน้านี้มีการให้สัมภาษณ์ว่าเรายังรักกันดี สิ่งเหล่านี้ก็เป็นการแสดงออกมาว่าเรากำลังพยายามทำทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุด พอมาถึงจุดที่เราคิดว่าไม่อยากให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ก็เลยคุยกัน แฮปปี้มาก ไม่มีการทะเลาะ หรือตามกระแสข่าวลือว่าผมเป็นเกย์ เอ๊ะเป็นเลสเบี้ยน เราก็ไม่มีมือที่ 3 ยังไม่มีใครมีรักใหม่ วันสุดท้ายที่เราตกลงว่าจะเปลี่ยนสถานนะเราก็ยังยิ้มแย้มแจ่มใส และคุยกันว่านี่เป็นการแยกจากกันแบบดีมากๆ ผมบอกได้เลยว่าต่อจากนี้ไปเอ๊ะจะเป็นเพื่อนที่ผมรักมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะเรารู้จักกันทุกแง่มุมแล้ว แต่สถานะฉันท์แฟนหรือคนสร้างอนาคตร่วมกัน ตรงนี้เราเข้าใจกันแล้วว่าในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้ก็คงต้องหยุดกันแค่นี้"
ตกลงเปลี่ยนสถานะกันนานหรือยัง
เจมส์ : "ตกลงคุยเรื่องนี้แบบเด็ดขาดก็ไม่นานครับ เพียงแต่ว่าปัญหานี้มามีนานหลายปีแล้ว พอมีปัญหาเราก็พยายามมองหาทางแก้ ซึ่งก็พยายามหลายครั้งแล้ว ปัญหาก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม จะเกิดคำถามนี้จากหมู่เพื่อนๆเยอะมากว่าเราไม่พยายามเลยเหรอ ผมบอกได้เลยว่า 5 ปีหลังเราอยู่กับการพยายามมาโดยตลอด จะตัดสินใจวันนี้ได้ไม่ใช่ว่าง่ายนะครับ ถามว่าเสียใจไหม เสียใจครับ ผมก็เชื่อว่าเอ๊ะเองก็เสียใจ เพราะระยะเวลาที่เราคบกันมันนาน แต่การเสียใจวันนี้มันเกิดแค่ตัวเรา ถ้าเกิดเราฝืนต่อไปมันจะไม่ใช่เสียใจกันแค่นี้ครับ"
เอ๊ะ : "เราพยายามปรับตัวเข้าหากันแล้ว เมื่อวันมาถึงจุดนึงที่มันไม่ใช่ มันก็คือไม่ใช่"
มีปัญหาเรื่องอะไร
เอ๊ะ : "มันเป็นรายละเอียด เรื่องของคน 2 คน ซึ่งเอ๊ะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมานั่งอธิบายให้ฟัง"
ปัญหาเกิดจากเรื่องเจมส์เจ้าชู้ไหม
เอ๊ะ : "ไม่ใช่ค่ะ เป็นเรื่องของคน 2 คนจริงๆ"
เป็นเพราะถูกกดดันเรื่องแต่งงานมาก ๆ หรือเปล่า
เอ๊ะ : "ไม่เกี่ยวกับปัจจัยภายนอกค่ะ"
ใครเป็นคนเริ่มพูดก่อน
เอ๊ะ : "มันไม่ได้สำคัญว่าใครเป็นคนพูดก่อน เอ๊ะมองว่ามันเป็นข้อตกลงที่ทั้งคู่เห็นตรงกันมากกว่า"
ฟางเส้นสุดท้ายคืออะไร
เจมส์ : "ไม่ได้มีฟางเส้นสุดท้าย มันอาจจะเป็นเพราะว่าเราพยายามๆจะถึงจุดนึง แล้วมาหันมองหน้ากันคือมันไม่ไหวแล้ว ก็เลยตัดสินใจคุยกัน"
เกี่ยวไหมว่าที่เราไปเข้าคอร์สชีวิตคู่ แล้วได้เรียนรู้ตัวเองมากขึ้น
เจมส์ : "จริงๆแล้วไม่อยากให้คนกลัวความรักนะครับ เรา 2 คนเราทำทุกวิถีทางไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้การใช้ชีวิตคู่ หรืออะไรก็ตามที นี่คือทางแก้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นปัญหาของเรา 2 คนมากกว่า"
เพื่อน ๆ ทราบหรือยัง
เจมส์ : "ทราบแล้วครับ คนใกล้ชิดทราบก่อนแล้วครับ"
แล้วเรือนหอราคา 30 ล้าน ที่เคยเปรยไว้จะจัดการอย่างไร
เจมส์ : "เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ เรามองว่าชีวิตของเรา 2 คนเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า ส่วนเรื่องทรัพย์สินและธุรกิจต่างๆเราก็ค่อยคิด ไม่ใช่ว่านับจากนี้ไปเราจะไม่มองหน้ากัน มีเวลาก็เจอกันได้ เพียงแต่ให้ทุกอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป"
ผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่ายว่าอย่างไรบ้าง
เจมส์ : "ผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่ายเข้าใจครับ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งครอบครัวของเอ๊ะ ท่านทั้ง 2 ก็มีพระคุณต่อผมมาก ครอบครัวผมก็เช่นกัน ก่อนออกจากบ้านคุณย่าก็ยังกอดผมแล้วบอกว่า ให้บอกกับสื่อมวลชนให้เข้าใจว่าที่บ้านเราเข้าใจทุกอย่างดี สุดท้ายแล้วเขาก็ยังรักเอ๊ะเหมือนเดิม แม้เราจะไม่ได้เป็นเนื้อคู่กัน แต่ทุกอย่างเราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน"
คบกันมา 12 ปีเสียดายเวลาไหม
เอ๊ะ : "ไม่ค่ะ"
เจมส์ : "ไม่ครับ เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมาด้วยกันมันเป็นช่วงเวลาที่ดีครับ ไม่รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ผ่านมา ถามว่าใจหายไหม มันมีแน่นอน ดังนั้นก็ฝากพี่สื่อมวลชนให้ช่วยเราด้วยเพราะหลังจากนี้ไปเราจะไม่พูดเรื่องการเป็นคู่อีกแล้ว วันนี้เราจะพูดแค่ครั้งเดียว"
พอเปลี่ยนสถานะแล้ว ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะไหม
เอ๊ะ : "ก็ไม่ค่อยเปลี่ยนนะ เพราะระยะหลังต่างคนต่างมุ่งหน้าในการทำงานมากกว่า ค่อนข้างห่างๆกันอยู่แล้ว ก็รู้สึกว่าไม่ได้แตกต่างกันมากนัก"