Steven Tyler ไม่ชอบเพลงนี้ แม้มันจะประสบความสำเร็จมากสักแค่ไหนก็ตาม เขาให้เหตุผลว่านี่มันไม่ใช่ Aerosmith

Diane Warren ผู้แต่งเพลงนี้พบแรงบันดาลใจในการแต่งหลังจากได้ยินบทสัมภาษณ์ที่ James Brolin (คุณพ่อของ Josh Brolin) พูดถึง Barbra Streisand ภรรยาของเขาว่า เมื่อเธอไม่อยู่ เขาคิดถึงเธอแม้ในขณะที่เขานอนหลับ
Diane Warren แต่งเพลงนี้โดยไม่ได้มีความเป็นร็อคในหัวเลย เธอจินตนาการถึงเสียงร้องของ Celine Dion ผู้ขับร้องเพลง "My Heart Will Go On" ให้หนัง Titanic

Photo by Matt Sayles/A.M.P.A.S. via Getty Images

คณะ U2 เกือบๆจะได้ร้องเพลงนี้ แต่เมื่อ Liv Tyler ลูกสาวแท้ๆของ Steven Tyler ได้รับเลือกให้รับบทนำ ทีมงานลงความเห็นว่าไม่มีใครเหมาะที่จะร้องเพลงนี้เท่าคณะ Aerosmith อีกแล้ว
Diane Warren ไปอธิบายเพลงนี้ให้ Steven Tyler ฟังว่ามันควรออกมาเป็นยังไง สถานที่คือ Sunset Marquis Hotel โดยมี Steven Tyler, ตัวเธอเอง และ เปียโนหนึ่งตัว Steven Tyler ดูไม่ค่อยเต็มใจที่จะเล่นมันนัก เพราะเขาค่อนข้างเฉยๆกับเพลงนี้ แต่การร้องของเขากับเปียโนตัวเดียวในวันนั้น ทำให้ Diane Warren หนาวสะท้านและลืมไม่ลง
Diane Warren คิดว่าเพลงนี้มีแค่เสียงร้องของ Steven Tyler กับเปียโนก็น่าจะเพอร์เฟ็คแล้ว แต่ในนามของ Aerosmith พวกเขาต้องทำกันแบบจัดเต็ม ไม่งั้นก็ไม่ทำ

Photo by Kevork Djansezian/Getty Images

อันที่จริง Diane Warren ก็ไม่ค่อยชอบเนื้อเพลงที่เธอเขียนสักเท่าไหร่ มันมีแต่คำที่ดูตลกน้ำเน่า ซึ่งขนาดผู้แต่งเองยังไม่ชอบ แล้วร็อคเกอร์ระดับ Steven Tyler จะชอบได้อย่างไร ที่ Steven Tyler รับงานนี้เพราะลูกสาวแท้ๆ
ในคณะ Aerosmith สมาชิกแต่ละคนไม่เก็ตกับเพลงที่พวกเขากำลังจะทำเลย มีเพียง Joe Perry มือกีตาร์ที่โอเคกับมัน แต่เขาก็มืดแปดด้านอยู่ดีไม่รู้จะทำมันออกมายังไง จนกระทั่งโปรดิวเซอร์ของหนังพาพวกเขาไปดูหนังฉบับเต็มก่อนเพื่อตีความเพลงนี้ออกมาให้ได้ แน่นอนว่าพวกเขาอินจัดกับหนัง และเรียบเรียงเพลงนี้ออกมาได้ทันที
Aerosmith เข้าห้องอัด 3 วัน ผลออกมาคือเพลงเวอร์ชั่นสมบูรณ์อย่างที่เห็น
Diane Warren ตกใจว่านี่มันคือเพลงที่เธอเขียนจริงๆ หรือ ทำไมเพลงเชยที่มีแต่คำจั๊กจี๋ถึงได้ถูกทำออกมาได้ดีและเข้ากับหนังถึงเพียงนี้

Steven Tyler และ Joe Perry Photo by Emma McIntyre/Getty Images for The Recording Academy

ในปี 1996 ในช่วงที่ Aerosmith ออกอัลบั้ม Nine Lives พวกเขาค่อนข้างประสบปัญหาหลายๆด้าน ทั้งในเรื่องที่วงเกือบแตก, เรื่องบุคลากรที่ทำงานด้วยกัน, อัลบั้มถูกนักวิจารณ์สับเละเป็นโจ๊ก, การทัวร์คอนเสิร์ตที่ยาวนานติดๆกันถึง 2 ปี ทำให้พวกเขาใช้ชีวิตกันอย่างเละเทะโดยปราศจากการสร้างสรรค์ผลงานเพลงที่ดี, แถมตามติดมาด้วยปัญหา Steven Tyler ได้รับบาดเจ็บที่ขาจนเดินแทบไม่ได้เพราะตกเวที ส่วนมือกลองอย่าง Joey Kramer ยังโดนไฟคลอกจากอุบัติเหตุรถไฟไหม้ เรียกได้ว่าตกต่ำสุดๆ
แต่ Aerosmith ก็ฟื้นกลับมาได้ในปี 1998 ทันทีที่เพลง "I Don't Want to Miss a Thing" ถูกปล่อยออกมาพร้อมๆหนัง เพลงที่พวกเขาไม่ชอบ เพลงที่เต็มไปด้วยคำเชยๆ เพลงนี้
เพลง "I Don't Want to Miss a Thing" ขึ้นชาร์ตเป็นอันดับ 1 ของสหรัฐอเมริกาเป็นเวลาสี่สัปดาห์ในเดือนกันยายน ปี 1998 กลายเป็นหนึ่งในเพลงยอดนิยมแห่งปี การทัวร์และการสร้างสรรค์งานคุณภาพได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

Photo by Emma McIntyre/Getty Images for The Recording Academy

ในเอ็มวีเพลงนี้ ทีมงานต้องถ่ายภาพโคลสอัพแค่เฉพาะส่วนบนและเน้นใบหน้าของ Steven Tyler เพราะขาของเขายังเจ็บอยู่ - หลังความสำเร็จของ "I Don't Want to Miss a Thing" คณะ Aerosmith พยายามเดินตามรอยเท้าความสำเร็จเดิมโดยการทำเพลง "Fly Away from Here" บัลลาร์ดร็อคคล้ายๆกันออกมาในอัลบั้ม Just Push Play ปี 2001 แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก ต้องยอมรับว่าเพลง "I Don't Want to Miss a Thing" ที่ประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้เพราะหนังอย่าง Armageddon มีส่วนเยอะเลย
หลังจาก James Brolin รู้ว่าเพลงนี้แต่งมาจากเขา เขาได้ส่งลูกชายอย่าง Josh Brolin ไปดีดนิ้วล้างจักรวาลไปครึ่งหนึ่ง

อัลบั้มภาพ "I Don't Want to Miss a Thing" เป็นเพลงที่ Steven Tyler ไม่ชอบ โดยเพจ ตั๋วร้อนฯ ภาพที่ 3 / 12

"I Don't Want to Miss a Thing" เป็นเพลงที่ Steven Tyler ไม่ชอบ โดยเพจ ตั๋วร้อนฯ