Ryan Tedder เผยเคล็ดลับที่เพลงของ OneRepublic ไม่เหมือนใคร และเพลงที่แต่งตอนอยู่ไทย | Sanook Music

Ryan Tedder เผยเคล็ดลับที่เพลงของ OneRepublic ไม่เหมือนใคร และเพลงที่แต่งตอนอยู่ไทย

Ryan Tedder เผยเคล็ดลับที่เพลงของ OneRepublic ไม่เหมือนใคร และเพลงที่แต่งตอนอยู่ไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หากพูดถึงนักร้อง นักแต่งเพลงรุ่นใหม่ที่เป็นเจ้าของเพลงฮิตมากมายจนนับไม่หวาดไม่ไหว หลายคนน่าจะนึกถึงชื่อของ Ryan Tedder อย่างแน่นอน อัจฉริยะทางดนตรีที่หาจับตัวได้ยาก เขาแต่งเพลงให้กับศิลปินป็อปชื่อดังมากมาย ทั้ง Ed Sheeran, Taylor Swift, Beyoncé, Adele, Maroon 5, Ellie Goulding, Ariana Grande และยังเป็นนักร้องนำของวง OneRepublic ที่แน่นอนว่ามีเพลงฮิตที่นับแล้วนิ้วมือยังไม่พออีกเช่นกัน

หลังจาก “Rescue Me” ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา แฟนๆ อาจจะคิดถึง OneRepublic มากกว่าเดิมเพราะวงหายหน้าหายตาไปพอสมควร แต่ในปี 2021 นี้พวกเขากลับมาอีกครั้งพร้อมเพลงใหม่ “Run” พร้อมอัลบั้มเต็มชุดที่ 5 Human ที่เราจะได้ฟังกันในเดือนสิงหาคมนี้

Sanook Music มีโอกาสได้ร่วมสัมภาษณ์พร้อมกับสื่อมวลชวนทั่วเอเชียอย่างเจาะลึกถึงประเด็นต่างๆ ของ OneRepublic กับ Ryan Tedder ที่พูดถึงอัลบั้มใหม่ วง OneRepublic และทิศทางของวงการเพลงที่อยากเห็นในอนาคตจากปากของนักร้อง นักแต่งเพลง นักดนตรี และโปรดิวเซอร์ผู้คร่ำหงอดอยู่ในวงการมาอย่างยาวนานมากกว่า 20 ปี


61n-mycxmll._sl1200_


ทำไมถึงเลื่อนปล่อยอัลบั้ม Human มานานมากๆ?

Ryan Tedder: ช่วงปลายปี 2019 พวกเราปล่อยเพลง “Rescue Me” ออกมา และได้กระแสตอบรับที่ดี พวกเราเลยตั้งใจว่าจะปล่อยออกมาอีกสักเพลงให้มันดีกว่าเดิมไปอีก แต่ระหว่างที่กำลังทำเพลงใหม่นั้นอยู่ โควิด-19 ก็มา ตอนนั้นพวกเราเลยคิดว่า ไม่เป็นไร เลื่อนออกไปอีกสัก 6 เดือนก็น่าจะพอ ช่วงนั้นคงได้ทัวร์คอนเสิร์ตช่วงฤดูร้อนในอเมริกา และช่วงฤดูใบไม้ร่วงในยุโรปพอดี แต่พอเลื่อนไปถึงช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2020 โควิด-19 ก็มาอีกระลอก อัลบั้มก็เลยโดนเลื่อนมาเรื่อยๆ แบบนี้แหละครับ

อธิบายอัลบั้ม Human ใน 3 คำ

Ryan Tedder: Love, Fear และ Hope ครับ  

อะไรคือแรงบันดาลใจในการแต่งเพลง “Run”?

Ryan Tedder: 100% มาจากประสบการณ์ชีวิตโดยตรงเลยครับ จริงๆ ผมเคยให้สัมภาษณ์ไปว่าผมชอบวิ่ง ผมเพิ่งวิ่งไปประมาณ 10 กิโลเมตรเมื่อสักชั่วโมงที่แล้วนี่เอง เมื่อวานผมก็วิ่ง และผมก็จะวิ่งอีกรอบในวันพรุ่งนี้ด้วย ใครที่รู้จักผมจะรู้ดีว่าผมชอบวิ่ง ผมชอบออกกำลังกาย และวิ่งก็เป็นการออกกำลังกายที่ผมชอบมาก ผมชอบวิ่งออกกำลังกายก่อนขึ้นคอนเสิร์ต ถ้าไม่นับการวิ่งบนวิ่งลู่วิ่ง ซึ่งผมวิ่งบนลู่วิ่งบ่อยมาก แต่ถ้าวิ่งบนถนนในปีนี้ผมวิ่งไปแล้ว (เช็กในมือถือ) 2,000 กิโลเมตร ถ้าบวกระยะทางที่วิ่งบนลู่วิ่งไปด้วยก็คงมากกว่านี้อีกเท่าหนึ่ง

อีกอย่างหนึ่งก็คือ ตั้งแต่ผมยังเด็ก ผมมักได้แรงบันดาลใจ และมักสงสัยในสิ่งต่างๆ รอบตัวอยู่เสมอ ผมมักนึกถึงอนาคตอยู่ตลอดเวลาว่ามันจะเป็นอย่างไร ผมจะต้องมุ่งไปทางไหน อยากลองทำอะไรใหม่ๆ อยู่ตลอด ผมมีส่วนร่วมกับธุรกิจต่างๆ มากกว่า 30 อย่าง ผมเคยทำอัลบั้มพร้อมกัน 5-6 อัลบั้มเลยด้วย เพลงนี้เลยพูดถึงใครสักคนที่เป็นเหมือนผม อยากได้อยากลองไปเสียทุกอย่าง แต่จริงๆ แล้วสุดท้ายมันก็เป็นไปไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือตามหาแรงบันดาลใจ พลังที่จะสร้างความตื่นเต้นให้กับตัวเองโดยการออกไปพบปะผู้คนใหม่ๆ ไปลองชิมอาหารใหม่ๆ ไปท่องเที่ยวสถานที่ใหม่ๆ นี่คือสิ่งที่ผมพยายามทำมาตลอด 

ดังนั้นเพลงนี้จึงมีข้อความที่จะสื่อถึงทุกคนว่า “ลุกขึ้นมาได้แล้ว ชีวิตนี้สั้นนัก จะมีวันพรุ่งนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ดังนั้นจงลุกขึ้นมา ออกวิ่ง ออกมาตามหาสิ่งที่นำพาชีวิตคุณไปในทิศทางที่ดีขึ้น วิ่งไล่ตามดวงอาทิตย์ที่อยู่บนฟ้านั่นไป แล้วพุ่งหอกใส่ดวงอาทิตย์เพื่อเป็นเจ้าของแสงสว่างนั้นให้ได้”

OneRepublic - Run (Official Music Video)

ชอบเพลงไหนที่สุดในอัลบั้ม Human?

Ryan Tedder: มีอยู่เพลงหนึ่งที่ไม่ใช่เพลงที่โดดเด่นอะไรมากนัก แต่ก็เป็นหนึ่งในเพลงที่ผมชอบมากที่สุด นั่นคือเพลง “Take Care of You” เป็นเพลงที่มีจังหวะที่ดี บวกกับซาวด์ซินธ์เท่ๆ ที่ฟังแล้วอาจจะนึกถึงเพลงของ Drake ที่ถ่ายทอดผ่านอารมณ์ลึกซึ้งนิดหน่อย ผมเลยคิดว่าผมชอบเพลงนี้ที่สุดครับ 

คุณแต่งเพลงมากมาย ทั้งให้วงตัวเอง และให้ศิลปินคนอื่น เคยสับสนบ้างไหมว่าเพลงที่แต่งออกมาเหมาะกับใคร?

Ryan Tedder: ผมไม่เคยรู้สึกสับสนอะไรแบบนั้นเลยนะ มันเกิดขึ้นได้ยากมากจริงๆ อย่างตอนที่แต่งเพลง “Counting Stars” มันมาจากที่ตอนนั้นผมแต่งเพลงให้ Beyoncé อยู่ น่าจะเป็นช่วง 2-3 เดือนก่อนที่ผมแต่งเพลง “XO” ให้เธอ ช่วงนั้นผมคิดเนื้อเพลง และทำนองของเพลง “Counting Stars” ได้ ผมรู้สึกว่าเพลงนี้มันยิ่งใหญ่มากๆ แต่ผมไม่คิดว่าเธอจะเหมาะกับเพลงนี้ เนื้อเพลงไม่ได้มีความหมายที่เข้ากันกับเธอ ผมก็เลยเก็บเพลงนี้เอาไว้ก่อน ครั้งนั้นน่าจะเป็นแค่ครั้งเดียวจริงๆ ที่ผมรู้สึกอะไรแบบนั้น นอกนั้นแทบจะไม่เคยเกิดขึ้นเลย ผมคิดว่าที่ผมแทบจะไม่เคยสับสนว่ากำลังแต่งเพลงให้ใคร เพราะกว่า 90% ผมแต่งเพลงกับศิลปินคนนั้นๆ โดยตรงมากกว่า

เพลงอะไรที่คิดว่าแต่งยากที่สุด?

Ryan Tedder: เพลงที่แต่งยากที่สุด หรือเพลงที่ใช้เวลาในการจบงานนานที่สุด น่าจะเป็นเพลงที่ชื่อว่า “Someday” เป็นหนึ่งในเพลงที่มีเนื้อเพลง และคอนเซ็ปต์ของทั้งอัลบั้มดีที่สุด เนื้อเพลงเพลงนี้คือโดนใจเข้าอย่างจัง กระแทกกระทั้นอารมณ์มากๆ จริงๆ แล้วพวกเราปั้นเพลงนี้กันมานานมากจนเพิ่งจะจบงานได้เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมานี้เอง ใกล้เดดไลน์มากๆ

เพลงนี้ผมเริ่มแต่งตอนที่ผมไปเที่ยวที่ภูเก็ต และกรุงเทพฯ ประเทศไทย แม้ว่ากว่าจะทำเพลงนี้เสร็จก็นานพอตัว แต่ก็ยังมีซาวด์ที่เหมือนกับช่วงแรกๆ ตอนที่แต่งที่เมืองไทยอยู่ จริงๆ แล้วเหตุผลหลักอาจเป็นเพราะมีโควิด-19 เมื่อคุณมีเวลาว่างมากกว่าเดิม คุณก็จะเริ่มคิดมากกว่าเดิม คุณจะเริ่มสร้างปัญหาที่ตอนแรกมันไม่มีขึ้นมา กับเพลง “Someday” ผมชอบซาวด์ตอนที่แต่งเสร็จที่เมืองไทยมากๆ หลังจากกลับมาจากไทยราวอาทิตย์กว่าๆ ผมก็คิดว่า โอเค เพลงนี้เสร็จแล้วเรียบร้อย แต่เพราะเรามีเวลาว่างมากขึ้น เราเลยกลับไปฟังใหม่ แล้วก็ลงเอยด้วยการแก้นู่นนิดนี่หน่อยจนออกมากว่า 30 เวอร์ชั่นเลย นี่ผมยังไม่แน่ใจเลยว่าเวอร์ชั่นที่อยู่ในอัลบั้มเป็นเวอร์ชั่นที่ถูกต้องหรือเปล่า (ยิ้ม) แต่นั่นแหละครับ กว่าจะได้เพลงนี้มาก็ราวๆ 2 ปีเลย

OneRepublic

อะไรที่ทำให้ OneRepublic มีซาวด์ดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ แตกต่างจากวงอื่นๆ มาก?

Ryan Tedder: สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้ระหว่างการเป็นสมาชิกวง OneRepublic คือ พวกเราทำเพลงที่เกี่ยวกับความรัก ความสัมพันธ์ในแนวป็อปจ๋าๆ ไม่ได้ มันไม่เวิร์คเลย ถ้าอธิบายให้เห็นภาพง่ายๆ ผมไม่ได้จะพาดพิงศิลปินคนอื่นๆ นะ แค่อยากยกตัวอย่างว่า ผมร้องเพลงอย่างที่ Avril Lavigne ร้องไม่ได้ 

ผมแต่งเพลงให้กับ Maroon 5 มากกว่า เราทัวร์คอนเสิร์ตด้วยกัน เป็นเพื่อนกัน แต่ผมก็ร้องเพลงอย่าง “Payphone”, “Beautiful Mistakes” หรือ Memories ไม่ได้ จริงๆ ผมอาจร้อง “Memories” ได้ก็ได้ อาจจะเป็นแค่เพลงนี้ที่คนฟังแล้วจะเชื่อว่าเพลงนี้มันมาจากผม สรุปก็คือเพลงป็อปจ๋าที่กำลังอินเทรนด์อยู่ในขณะนั้นมันไม่เคยเวิร์คกับเราเลย ผมลองแล้ว มันไม่เวิร์ค ผมก็อยากให้มันเวิร์คนะ มันจะง่ายขึ้นมากเลยถ้าเป็นอย่างนั้น คงเป็นความฝันของผมเลยที่จะเรียกนักแต่งเพลงทุกคนมา แล้วบอกว่าช่วยแต่งเพลงแบบนี้ๆ ให้หน่อย

มันมีกฎอยู่ข้อหนึ่งที่สำคัญมากในการเพลงแต่งให้ OneRepublic นั่นก็คือ “ถ้าผมไม่ได้เป็นคนแต่งเนื้อเพลงเอง เพลงมันจะไม่เวิร์ค” มุมมองแปลกๆ ของผมในการดำเนินชีวิตที่ผมเอามาแต่งเนื้อเพลงมันทำให้เพลงมันเวิร์คสำหรับ OneRepublic และนี่ก็เป็นอีกเหตุหนึ่งที่ทำไมเวลาทำเพลงให้ OneRepublic ถึงใช้เวลานานมากกว่า ซึ่งบางครั้งก็ทำให้ผมหัวเสียอยู่เหมือนกัน ดังนั้นเคล็ดลับคือ เนื้อเพลงทุกเพลงผมต้องเป็นคนแต่ง มุมมองต่างๆ ที่สะท้อนออกมาจากตัวเพลง รวมถึงทุกแง่ทุกมุมทุกส่วนของเพลงจะต้องมาจากผม

นอกจากนี้เนื้อหาของเพลงที่ผมบอกไปก็คือ เพลงของ OneRepublic มักพูดถึงมุมมองในการใช้ชีวิต เป็นประเด็นที่จริงจังและลึกซึ้งมากกว่าเพลงป็อปทั่วไปนิดนึง จะเป็นเพลงที่พูดถึงการไปตกหลุมรักใครสักคนในผับหรืออะไรทำนองนั้นคือไม่รอด อย่าง “Shape of You” ของ Ed Sheeran แต่เพลงนั้นคือเขาร้องแล้วรอด เขาร้องแล้วมันดัง ผมรู้สึกได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาร้องให้ฟังว่ามันจะต้องเป็นเพลงที่ดังมากๆ แม้ว่าตอนนั้นเขาจะบอกกับผมว่าเพลงมันอาจจะป็อปเกินไป แต่ผมก็ย้ำไปว่านั่นไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าเป็นผมไปร้องเพลงนี้ เพลงมันคงไม่ดังเหมือนที่เขาร้อง เพราะมันไม่เหมาะกับผม คนฟังจะไม่อินกับสิ่งที่ผมร้อง และจะคิดว่า “นั่นไม่ใช่เพลงของ OneRepublic”

หลังจากอยู่ในวงการดนตรีมามากกว่า 20 ปี อยากเห็นวงการดนตรีพัฒนาไปในด้านไหนบ้าง?

Ryan Tedder: มีหลายอย่างที่ผมอยากเห็นในอนาคตอันใกล้นี้นะครับ อย่างหนึ่งคือการมอบรายได้ให้กับศิลปิน นักดนตรี นักแต่งเพลงอย่างยุติธรรม สมัยนี้มีเรื่องของการฟังเพลงผ่านบริการสตรีมมิ่งเข้ามา แต่รู้ไหมว่าก่อนหน้านี้ช่วงแรกๆ เหล่าศิลปินและคนทำงานเพลงเบื้องหลังไม่ได้อะไรจากส่วนนี้เลย รายได้ที่คนดนตรีที่เป็นนักแต่งเพลงอย่างผมมาจากการที่วิทยุเปิดเพลงของเรา ขอบคุณคลื่นวิทยุทุกคลื่นบนโลกที่เปิดเพลงของพวกเรา นี่คือวิธีที่พวกเราได้เงิน 

ผมเช่าสตูดิโอทำเพลงแห่งนี้ (ห้องที่ Ryan นั่งให้สัมภาษณ์) ผมใช้เงินที่ได้จากการที่คลื่นวิทยุเปิดเพลงของผม ไม่ใช่เงินจากสตรีมมิ่ง แม้ว่าตอนนี้บริการสตรีมมิ่งจะแบ่งรายได้ให้กับศิลปินแล้ว แต่ผมก็ยังอยากให้มีการแบ่งปันสัดส่วนของรายได้ให้มันยุติธรรมมากขึ้น เราอยู่ในยุคของความโปร่งใสและความเท่าเทียมกันแล้ว ผมเลยอยากเห็นในส่วนนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นด้วยครับ

อัลบั้ม Human จะปล่อยให้ได้ฟังกันเต็มๆ ในเดือนสิงหาคมนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook