ส่งเดโม่อย่างไรให้โดน? โดย ต้า Paradox | Sanook Music

ส่งเดโม่อย่างไรให้โดน? โดย ต้า Paradox

ส่งเดโม่อย่างไรให้โดน? โดย ต้า Paradox
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คำแนะนำสำหรับนักดนตรีที่อยากส่งเดโม่เพลงไปให้ค่ายพิจารณา  จริงๆมีเคล็ดลับไม่เยอะครับ วันนี้เอาความรู้มาแบ่งปันกันเพื่อเตรียมตัว หากเราหวังจะให้ค่ายรับไว้ในอ้อมอก หรือแม้แต่น้องๆที่จะส่งวงเข้าประกวดดนตรี  ลองฟังทางนี้

1. ส่งเพลงไม่ต้องเยอะ 

ส่งเยอะเขาก็ไม่ฟัง ให้เลือกเพลงทีเด็ดส่งไปไม่เกิน 2 เพลงก็พอแล้ว เอาจริงๆ พูดจากประสบการณ์ตรงของตัวเองนะครับ เขาฟังไม่เกิน 1 นาทีก็รู้คำตอบแล้ว ว่าเพลงนี้สนใจหรือไม่สนใจ *ซึ่งไม่ได้แปลว่าเพลงจะแย่หรือไม่ดีนะครับ* เพลงที่ไม่ผ่านเกณฑ์อาจจะหมายความว่า ฟังแล้วไม่น่าจะเข้าทางกับทางค่าย หรือศิลปินที่ต้องการร่วมงานกัน (ในกรณีของการส่งเพลงเป็นนักแต่งเพลง) ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่เลยก็คือ เพลงไม่เข้ากับคาแร็กเตอร์ของใครเลย หรือไม่ตามโจทย์ อันนี้ก็ไม่ได้แปลว่าเพลงจะไม่ดี แต่แค่เหมาะที่จะเอาไปพัฒนาเป็นเพลงไว้ให้ตัวเองร้องจะดีที่สุด

กลับเข้าเรื่อง ในเมื่อฟังไม่ถึง 1 นาที(บางครั้งฟังแค่ท่อนเดียวก็รู้แล้ว) ดังนั้นให้เลือกเพลงจำนวนไม่ต้องเยอะครับ เลือกไม่เกิน 2 เพลงดีที่สุด (ผมเองนิยมส่งแค่ท่อนฮุคให้ฟังก่อน ถ้าไม่เอาจะได้ไม่ต้องเสียเวลา) สารภาพตามตรง เคยฟังประสบการณ์ของเพื่อนที่เป็นกรรมการพิจารณาเดโม่ ถ้ามีคนส่งเพลงมาเยอะ ฟังมากๆ จะอ่อนล้าและแทบไม่ได้ฟังเพลงอื่นต่อแบบละเอียด เพลงที่เหลือจะกลายเป็นเสียของไปหรือบางครั้งความรู้สึกอ่อนล้าจากการฟัง ทำให้เพลงอื่นดูไม่น่าสนใจไปด้วยเลย (ในกรณีส่งประกวดแข่งกันจำนวนเยอะที่กรรมการต้องมานั่งฟังเป็น 100 เพลง)

2. เลือกเพลงโดนๆ มีหมัดเด็ด กระแทกหูได้รวดเร็ว ให้ฟังเป็นเพลงแรก 

ถ้าเพลงแรกไม่โดน เพลงต่อไปก็ฝืด บางทีอาจไม่มีโอกาสได้ฟังด้วยซ้ำ ลองนึกภาพกรรมการคัดเพลงที่ส่งประกวดวงดนตรีที่ฟังมาทั้งวันเป็น 100 เพลง 100 วง แล้ววงเราอาจอยู่ลำดับที่ 99 แล้วเอาเพลงเด็ดไปซ่อนไว้เพลงที่ 3 กะนวดหูกรรมการก่อน (จัดเต็ม)

ความเป็นจริงก็คือ กรรมการที่อ่อนล้าหน้ามึน ต้องทนฟังอินโทรยาวๆ อารัมภบทมหากาพย์ ผ่านไปหลายนาทีแล้วยังไม่ร้องซะทีนี่ ล้าๆ มา มีปัดตกรอบครับ (นี่คือเรื่องจริง!) เผลอๆ ปัดตกมันยกเซ็ต ไม่ฟังมันละ ข้ามเลย เพลง 2 เพลง 3 เหมารวมเลยว่าโทนเดียวกัน ตกรอบเฉย ก็เป็นเรื่องน่าเสียดาย   

วิธีแก้ทาง: ตัดเพลงเข้าท่อนเด็ดเลย เอาให้กระชับ สามารถเปลี่ยนท่อนใหม่ได้ (เพื่อการนำเสนอ) หรือรวบเข้าท่อนร้องเลยก็ยังได้ ผมประมาณให้เลยละกัน 

เอาว่ากรณีส่งเพลงเพื่อประกวดแข่งวงดนตรี ไม่เกิน 1 นาทีควรสรุปถึงท่อนฮุคได้แล้ว ส่วนเข้าเพลงก็ประมาณ 10 วิ ควรได้ยินเนื้อร้องแล้ว  เข้ารอบเล่นจริงค่อยว่ากัน  ส่วนถ้าส่งเพลงเสนอค่าย ก็ให้เรียงเพลงโดดเด่นไว้เพลงแรก  

*อย่าลืมว่าความประทับใจแรกสำคัญมากครับ 

3. เลือกเพลงให้เหมาะกับเป้าหมายที่สุด

พูดง่ายๆ ก็คือให้เลือกเพลงโดนที่สุดนั่นแหละ แต่ว่าให้เลือกเพลงที่ตรงกับความต้องการของคนที่เราจะส่งด้วย ยกตัวอย่างครั้งหนึ่งผมถูกใจนักร้องคนหนึ่งมาก ในใจคิดเลย "คนนี้ดังแน่!" ผมรีบแจ้นไปเสนอผู้ใหญ่ แต่ท่านตอบกลับมาชัดเจนเล่นเอาหน้าหงาย "ของเราทำแต่วงร็อค!" จบข่าวเลยครับ นี่คือเรื่องจริงที่อธิบายหัวข้อนี้ได้ดีสุด

ปล. หลังจากนั้น นักร้องท่านนั้นก็ดังระเบิดตามคาด (แต่อยู่ค่ายอื่นที่เหมาะสม)

4. มีที่อยู่ติดต่อชัดเจน เผื่อได้งานอื่นๆ

คือสามารถตามไปดูงานอื่นๆภายหลังเพิ่มเติมได้ เช่น Facebook หรือ Fanpage หรือ YouTube ที่เราใส่เพลงอีก 100 กว่าเพลงให้เขาได้เลือกช็อปหลังจากติดใจเพลงแรกแล้ว บางครั้งกรรมการหรือคนฟังคัดเลือกอาจจะฟังแล้วปิ๊งเพลงของเรา อาจน่าสนใจแต่ไม่ตรงกับที่ค่ายต้องการในตอนนั้น แต่เขาก็สนใจอยากฟังเพลงอื่นต่ออีก เผื่อไว้ใช้งานส่วนตัว ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้น เช่นผมมีทำเพลงโฆษณาอยู่ บางครั้งเสนอเพลงค่ายไม่ผ่าน แต่ร้องเสียงดี ก็ทาบทามไปสู่งานอื่นๆ ได้ เพราะฉะนั้นการติดต่อทีหลังหรือช่องทางที่จะดึงไปสู่คลังของเพลงต่างๆ นั้นสำคัญมากควรจะมีเอาไว้ ในขณะที่ส่งเดโม่ให้แนบไปด้วยเลยไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทรศัพท์ Facebook ผลงานเก่าๆหรือที่รวมผลงานเก่าๆ ท่านอาจได้งานอื่นๆโดยไม่คาดฝันก็เป็นได้ 

การส่งเพลงไปตามค่ายนั้นล้าสมัยไปแล้ว! 

เอาเข้าจริงๆ การจะหาวงมาออกอัลบั้ม ถ้าเป็นค่ายเพลง เขาจะเฟ้นหากันเองจากปากต่อปากหรือผลงานทาง YouTube  หรือเรียกเล่นๆว่า “ช้อน” คือวงไหนสร้างฐานแฟนเพลงสุกงอมมาระดับหนึ่งแล้ว ดูมีอนาคต ก็จะเข้าไปช้อนมาปั้นต่อ  ถ้าในสมัยผม ค่ายจะเข้าไปจีบวงเจ๋งๆ เองเลย เรียกว่าเล่นเสร็จเดินปรี่เข้าไปหาที่หลังเวที ทาบทามมาอยู่ค่ายเลย ส่วนพวกที่ส่งเดโม่ก็กองไว้อยู่ตรงเคาน์เตอร์รับแขกนั่นแหละครับ เผลอๆ บางทีโปรดิวเซอร์ไม่เคยได้เห็นมันเลยด้วยซ้ำ!

โอกาสน้อยมากที่จะส่งเดโม่ผ่านเข้าตาค่ายเทป ต้องจังหวะดีมีเฮงจริงๆ (วงผมส่งเดโม่ผ่านค่ายนะครับ วันเดียวได้ แฮ่ม!)

บทสรุปก็คือ ถ้าคุณมีโอกาสนำเสนอผลงานในรูปแบบใดแบบหนึ่ง ขอให้ทำเลย อย่ารอความหวังจากการส่งเดโม่ สมัยนี้ได้เปรียบกว่าเยอะ ทำเพลงเสร็จถ่ายคลิปแล้วอัพลง YouTube ได้เลย หรือมีงานคอนเสิร์ตก็ขึ้นไปเล่นบ่อยๆ เดี๋ยวถ้าเพลงน่าสนใจจริงจะมีค่ายมาทาบทามเองแหละ เค้าก็จะดูจากกระแสของคุณ ไม่ต้องส่งเดโม่แล้ว มันเชยไปแล้ว อีกอย่างข้อได้เปรียบวิธีนี้คือ ถึงแม้ค่ายไม่สนใจ แต่คุณอาจจะได้แฟนเพลงที่ชอบคุณจากทั่วโลกจริงๆ มาติดตามแทน เพิ่มพลังในการสร้างสรรค์ผลงานอื่นๆ ต่อยอดได้อีกในอนาคต มีแต่ดีกับดี

เชื่อว่าความฝันของนักดนตรีทุกคน คือการได้ออกอัลบั้มกับค่ายใหญ่ๆ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะสามารถทำเพลงเองลง YouTube จากบนเตียงได้เลย สามารถเผยแพร่ให้คนทั้งโลกรู้ได้ทันทีอยู่แล้ว แต่การส่งเพลงไปให้ค่ายก็ยังเหมือนเรื่องท้าทาย เป็นพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ของนักดนตรีอยู่ดี มันโก้หรูและหอมหวาน 

ความเห็นส่วนตัว ผมแนะนำว่า "ทำเองไปเลย" ปล่อยเพลงไปเองเลย ไม่ต้องผ่านค่ายแล้ว อยากมีค่ายก็ตั้งชื่อค่ายตัวเองขำๆ ไปก็ยังได้ (ผมตั้งชื่อค่ายตัวเองเล่นๆ ว่าตาต้า) เพียงแต่ข้อดีของการอยู่ค่ายก็คือประหยัดงบการลงทุนไม่ว่าจะเป็นค่าบันทึกเสียงหรือค่าโปรโมทต่างๆ หรือพลังในการผลักดันจะสูงกว่า (นิดหน่อย) ถ้าเพลงจะดังจริงๆ มันก็ดังขึ้นมาเองเลย  

แต่หากคุณส่งเดโม่ประกวดวงดนตรี หรือนำเสนอผลงานตัวเองเพื่อให้ได้ชิ้นงานอื่นๆ เช่น ขายเพลงโฆษณาหรือเป็นนักแต่งเพลงประจำให้กับค่าย เคล็ดลับที่แนะนำไปนี้น่าจะช่วยได้

ขอให้โชคดีกันทุกคนจ้ะ.

ติดตามได้ทางช่องทางอื่นๆ ดังต่อไปนี้จ้ะ

บทความใน  www.sanook.com

IG: tarparadoxs

Line: @paradoxnews

ลิงค์เพจตาต้า(เพจส่วนตัว)

https://m.facebook.com/Tatastudiothailand.  

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ ของ ส่งเดโม่อย่างไรให้โดน? โดย ต้า Paradox

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook