รีวิว Midnight Sun โรแมนติกหรือน่าขนลุก

รีวิว Midnight Sun โรแมนติกหรือน่าขนลุก

รีวิว Midnight Sun โรแมนติกหรือน่าขนลุก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

 

ในหลายครั้งที่หนังรักโรแมนติกเลือกจะวางพล็อตน้ำเน่าให้ไปจนสุดทาง เป้าหมายประการเดียวก็เพื่อขยี้ต่อมน้ำตาของคนดูให้หลั่งรินออกมาในช่วงไคลแมกซ์ของเรื่อง แน่นอนว่าวิธีการแบบนี้อาจจะใช้ได้ผลกับคนดูบางกลุ่ม แต่ในขณะเดียวกันสำหรับคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในชีวิตมามาก หรือคนที่ผ่านตากับหนังในแนวทางนี้มามากมายหลายเรื่องอาจจะ “อิน” กับหนังมากน้อยต่างกันไป

 

ทว่า Midnight Sun หนังรีเมคมาจากพล็อตเรื่องแบบเดียวกันจากหนังญี่ปุ่นในปี 2006 ที่บอกเล่าเรื่องราวของนางเอกสาวที่ป่วยเป็นโรคแพ้แสงแดดขั้นรุนแรง Xeroderma Pigmentosum (หรือเรียกสั้นๆ ว่า XP) เคที (เบลล่า ธอร์น) เด็กสาววัย 17 เธอใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้านในยามที่พระอาทิตย์ขึ้น ไม่มีโอกาสได้ออกไปเจอโลกภายนอก เพราะเธอจะออกมานอกบ้านได้ยามที่ตะวันตกดินเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้พบกับชาร์ลี (แพทริค ชวาร์เซเนกเกอร์) หนุ่มที่เธอแอบหลงรักมาโดยตลอดผ่านการมองจากหน้าต่างบ้านของเธอ เขาเป็นอดีตนักกีฬาว่ายน้ำ เคทีพยายามปกปิดอาการป่วยของเธอเอาไว้ไม่ให้เขารู้

 

 

แต่แน่นอนว่าพล็อตหนังโรแมนติกจะต้องทำให้ตัวละครทั้งสองเริ่มตกหลุมรักกัน และนำไปสู่เหตุการณ์พลิกผันในตอนท้ายที่ต้องทำให้คนดูเสียน้ำตา ซึ่งจะว่าไปแล้ว Midnight Sun ก็วางเงื่อนไขให้คนดูเข้าใจกันโต้งๆตั้งแต่ต้นเรื่องกันเลยว่านางเอกนั้นห้ามโดนแสงแดด อีกทั้งอาการป่วยของเธอนั้นกำลังจะครบช่วงอายุที่เธออาจจะอยู่ในเกณฑ์เสียชีวิตได้ ดังนั้นคนดูก็ได้รับการบอกตั้งแต่เนิ่นๆว่านางเอกนั้นน่าจะตายในตอนท้ายเรื่องตามประสาหนังนางเอกขี้โรค

 

ประเด็นอยู่ที่ว่าตัวหนังในเวอร์ชั่นนี้ไม่ได้ปูสถานการณ์ต่างๆให้เราอยากจะเชื่อตามสักเท่าไหร่ว่าเด็กสาวอย่างเคทีจะมีชีวิตรอดมาจนอายุ 17 ปีโดยไม่โดนแสงแดดยังไงบ้าง และเธอใช้ชีวิตภายในบ้าน หรือการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเพื่อนเช่นไร เพราะหนังเล่นเล่าเรื่องแบบกระโดดช่วงอายุจนฉับไวเสียจนไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักตัวละครเคทีอย่างแท้จริงนัก เรารู้แค่ว่าตัวละครนี้มีเงื่อนไขแค่ห้ามโดนแสงแดด ดีดกีตาร์ และร้องเพลงเก่ง

 

น่าเสียดายที่การแสดงของเบลล่า ธอร์นนั้นออกจะแอคติ้งแบบไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับแพทริค ชวาร์เซเนกเกอร์เท่าไหร่นัก จนเราไม่เชื่อเลยว่าทั้งสองจะรักกันจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นการตัดต่อ รวมถึงถ่ายภาพ ของเรื่องก็ออกจะเป็นมิวสิควิดีโอขนาดยาว ทุกอย่างดูเป็นการจัดวางจนแข็งทื่อไปหมด

 

 

สิ่งเดียวที่เราพอจะสัมผัสได้ถึงความรัก (ที่ไม่ปรุงแต่งจนเลี่ยน) ก็คือความรักของตัวละครแจ็ค (ร๊อบ ริคเกิ้ล) พ่อของเคที ที่เราจะได้เห็นความรักในการทะนุถนอมลูกสาวมาตั้งแต่เด็ก จนไปถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ฉากที่น่าเศร้าที่สุดคือฉากที่เขาต้องปล่อยให้ลูกสาวเลือกจะไปสัมผัสแสงแดดสักครั้งในชีวิตกับคนรักก่อนที่จะลาจากโลกนี้ไป เขารู้ดีกว่าการที่ลูกออกไปเจอแสงแดดครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งเดียวในชีวิตและครั้งสุดท้าย แต่เพราะความรักของคนเป็นพ่อนั้นคือการปล่อยให้ลูกได้เลือกความสุขของตัวเองสักครั้งในชีวิตก่อนจากไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook