เราเชื่อว่าคนดูสามารถสัมผัสถึงความแตกต่างของ THOR ภาคนี้กับบรรดาภาคก่อนๆได้อย่างชัดเจน และมาดที่เปลี่ยนแปลงไปของตัวละครนั้นช่วยทำให้ “มิติ” ของธอร์ โลกิ หรือกระทั่งฮัลค์เอง มีโมเมนต์ที่น่าจดจำเสมอในหนังภาคนี้ ไม่ว่าจะ ลุคที่เปลี่ยนแปลงไปของธอร์ โลกิกับมุมอ่อนหวานที่เราอาจจะไม่ได้เห็น หรือกระทั่งฮัลค์ที่ไม่ได้เอาแต่โยนของ บ้าพลังแบบในภาคอื่นๆที่เราเห็นกันมา

ท่ามกลางความฉูดฉาดของบรรดาตัวละครเก่าแล้วเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ตัวละครใหม่ๆในหนังภาคนี้ก็ล้วนแล้วแต่มีสีสันในตัวเองไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นวายร้ายหญิงอย่างเฮล่า (เคต บลันเชตต์) ที่แผ่รังสีความเป็นดิว่าอยู่ตลอดเวลา นักรบหญิงวัลคีรี่ (เทสซ่า ทอมป์สัน) ที่นอกจากจะมีเสน่ห์แล้วเธอยังเท่และมีคาริสม่าในตัวไม่น้อยเลยทีเดียว ยังไม่รวมไปถึงแกรนด์มาสเตอร์ (เจฟฟ์ โกลด์บลูม) ผู้ครองดาวซาคาร์ ที่ติดตลกและมีความเผด็จการในแบบพิลึกพิลั่น

นอกเหนือไปจากเรื่องตัวละครที่ดูสดใส มีความตลกแบบสามช่า และฉากต่อสู้ตามประสาหนังซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวลแล้ว หนังยังมีประเด็นยิบย่อยที่ไม่ทำให้ Thor: Ragnarok กลายเป็นหนังฮีโร่เปล่ากลวงและจับต้องอะไรไม่ได้นอกจากความสนุกอย่างเดียว นั่นคือการมาเยือนของเฮล่าในดินแดนแอสการ์ด เพราะถึงแม้ผู้ชม (ที่ไม่ได้เป็นแฟนเดนตายของคอมมิกส์มาร์เวล) อาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่า เฮล่านั้นเป็นพี่สาวร่วมสายเลือดเดียวกันกับธอร์ เมื่อเธอทราบข่าวว่าโอดิน (เซอร์ แอนโธนี ฮ็อปกินส์) ได้ล่วงลับไปแล้ว เธอจึงตัดสินใจเดินทางกลับมายังแอสการ์ดเพื่อทวงบัลลังก์อันชอบธรรมของเธอคืนมา

สิ่งที่น่าสนใจมากคือท้องพระโรงที่คนดูคุ้นชินมาแล้วในภาคแรกและภาคที่สอง จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปเมื่อเฮล่าเลือกจะทำลายฝ่าเพดานที่ถูกตกแต่งใหม่จนไม่เหลือเค้าโครงเดิม และวาดทับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งก่อนที่ว่าแอสการ์ดนั้นไม่ได้สร้างขึ้นด้วยบารมีและคุณงามความดีของ “โอดิน” แต่ เฮล่าคือหนึ่งในปัจจัยความสำเร็จอันรุ่งเรืองของดินแดนนี้ เพราะโอดินและเฮล่าเคยออกรบและช่วงชิงความรุ่งเรืองของอารยธรรมอื่นมาทำให้ดินแดนแอสการ์ดงดงามและน่าอยู่เฉกเช่นทุกวันนี้

เมื่อเฮล่าเลือกที่จะไม่หยุด แต่โอดินเลือกที่จะหยุดไว้แค่เพียงดินแดนทั้ง 9 เมื่อความเห็นไม่ลงรอยกันทำให้เฮล่าและโอดินแตกคอ นำมาซึ่งการสู้รบครั้งใหญ่ เมื่อเฮล่าพ่ายแพ้และเดินทางจากไปจากแอสการ์ดชื่อของเธอก็ถูกลืมเลือน โอดินจึงเลือกจะ “ปกปิด” ประวัติศาสตร์ที่ไม่น่าจดจำนี้และฉาบมันไว้ภายใต้ “เรื่องราวใหม่” ที่เขาเลือกจะทำให้บรรพชนคนรุ่งหลังจดจำเขาในแบบที่อยากให้เป็น

ตัวละครอย่างวัลคีรี่คืออีกหนึ่งที่ได้รับ “ผลลูกโซ่” จากการสู้รบในครั้งนั้น เธอพบว่าสงครามนำมาซึ่งความสูญเสียและคนที่เธอรักก็ได้จากไปจนหมด เธอเลือกจะละทิ้งบ้านเกิดอย่างแอสการ์ดและหาความสุขใส่ตัวด้วยการกลายเป็นนักล่าค่าหัวที่โลกของซาคาร์ แต่ “อดีต” ก็ตามมาเจอเธอในที่สุด และทำให้เธอต้องหวนคืนบ้านเกิดอีกครั้งอยู่ดี

ถึงใครจะบอกว่า Thor: Ragnarok แตกต่างไปจากเดิม แต่แท้ที่จริงแล้ว “โครงสร้าง” ของตัวละครในหนังเรื่องนี้คือหนังครอบครัวบ้านแตก ที่มีทั้งลูกชายหัวดื้อ ลูกเลี้ยงขี้อิจฉา พ่อผู้ปกปิดความจริง พี่สาวผู้กระหายอำนาจ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วคำว่าครอบครัวก็ยังมีสายใยบางๆเชื่อมกันอยู่นั่นเอง

อัลบั้มภาพ รีวิว Thor: Ragnarok เบื้องหลังของความยิ่งใหญ่ ภาพที่ 7 / 13

รีวิว Thor: Ragnarok เบื้องหลังของความยิ่งใหญ่

อัลบั้มภาพที่เกี่ยวข้อง

ไขข้อสงสัย ทำไม 'ธอร์' จึงเป็นฮีโรยืนหนึ่งใน MCU ที่มีภาพยนตร์เดี่ยวของตัวเองถึง 4 ภาค

8 เกร็ดเล็กน้อยก่อนไปดู Thor: Ragnarok

คริส เฮมสเวิร์ธ กลับมารับบท ธอร์ ในภาพยนตร์มาร์เวล THOR: RAGNAROK

นับถอยหลังศึกสุดท้าย THOR: RAGNAROK ศึกอวสานเทพเจ้า