การกลับมาของ CARS 3 คือการทำให้เราตั้งคำถามว่า ตอนหนังเรื่อง CARS 2 เหล่าทีมเขียนบทและผู้กำกับทำอะไรอยู่ หนังภาคก่อนถึงได้เละเทะ เลอะเทอะและปราศจากประเด็นที่จับต้องได้จนทำให้คนดูหลายคนเกือบจะเกลียดแฟรนชายส์นี้ไปเลย

CARS 3 กลายเป็นหนังแอนิเมชั่นที่เปิดเรื่องมาด้วยประเด็นเกี่ยวกับการวางมือของเหล่านักกีฬารุ่นใหญ่ หรือพูดง่ายๆคือมันสะท้อนชีวิตความเป็นจริงในนัยยะของคนที่ทำงานมาแล้วในระยะหนึ่งจนเกิดคำถามกับตัวเองว่า หากวันหนึ่งมีเด็กที่อายุน้อยกว่า เก่งกว่าและไฟแรงกว่าแซงหน้าเราไปแล้ว เราจะเลือกยอมแพ้หรือสู้จนยิบตาเพื่อศักดิ์ศรีที่เหลืออยู่

แน่นอนว่าตัวละครอย่างไลท์นิ่ง แม็คควีน ครั้งหนึ่งในอดีตเขาก็เคยเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่น่าจับตามองในวงการ (ใน CARS ภาคแรก) เขาเคยได้รับความนิยม เป็นที่รัก แต่การหลงอยู่กับความสำเร็จของตัวเองทำให้เขามองไม่เห็นคนอื่น บทเรียนแรกที่แม็คควีนได้รับคือการรู้จักปรับตัวและเข้ากับคนอื่นให้ได้

การเดินทางของแม็คควีนในภาคนี้คือการได้เจรจาต่อรองกับสเตอร์ลิ่ง เจ้าของศูนย์แข่งรถไฮเทคที่เป็นเจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับรถแข่ง แม็คควีนยอมรับเงื่อนไขที่ว่า ถ้าหากการแข่งขันที่ฟอร์ริด้าครั้งต่อไป ถ้าหากเขาพ่ายแพ้เขาจะต้องยอมรับสัญญาในการใช้ชื่อของตัวเองไปเป็นชื่อสินค้าที่ระลึกและต้องอำลาวงการเป็นการถาวร

ด้วยความดื้อรั้นหัวดื้ออย่างแม็คควีนจึงยอมที่จะลาวงการไปอย่างง่ายๆ เขาจึงต้องเข้ารับการฝึกฝนควบคู่ไปกับครูซ รามิเรซ โค้ชคนสำคัญที่ฝึกรถแข่งหลายต่อหลายคัน ทว่าระหว่างการฝึกฝนนั้นเองทำให้ทั้งแม็คควีนต่างก็ต้องเรียนรู้บทเรียนระหว่างกันและกัน

CARS 3 ยังพูดถึงประเด็นที่คนวัยทำงานหรือผู้สูงอายุวัยไม้ใกล้ฝั่งดูแล้วอาจจะต้องเกิดอาการจุกไปตามๆกันที่ว่า เมื่อวันหนึ่งความสำเร็จที่เราเคยได้ทำไว้นั้น เราอาจจะโดนแซงหน้าด้วยเด็กใหม่ไฟแรงอย่างแน่นอน แม็คควีนในภาคนี้จึงถูกเน้นย้ำตลอดเวลาว่าเขา “แก่แล้ว” สิ่งที่เขาทำได้คือการ “ยอมรับความจริง” และพยายามทำความเข้าใจกับสถานการณ์และทำช่วงเวลาที่เหลืออยู่ให้ดีที่สุด

ฉากหนึ่งที่น่าประทับใจมากคือการที่แม็คควีนได้เดินทางกลับมายังสนามแข่งในภาคแรกและได้พบกับ “ตำนาน” รถคันเก่าๆที่มาร่วมกันรำลึกถึงความทรงจำอันดีในอดีต แต่พวกเขาก็ไม่ได้ฟุ้งฝันแต่เพียงอย่างเดียว เขายังเตือนสติแม็คควีนเสมอว่า ในทุกตำนานมักจะมีตำนานใหม่เกิดขึ้นอยู่เสมอ โอกาสที่เราจะกลายเป็นตำนานที่น่าจดจำคือการใช้สติปัญญาที่มี

ยิ่งไปกว่านั้นหนังยังสอนเสมอว่าประสบการณ์ในชีวิตและความสำเร็จนั้นล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นมาจากการที่เรา “มีความเชื่อ” ของตัวเองทั้งสิ้น ถ้าหากเรามีความหวังว่าเราจะประสบความสำเร็จ หรือการเห็นคนที่เราเชื่อมั่นว่าเขาจะพัฒนาต่อไปได้ประสบความสำเร็จ นั่นอาจจะเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชีวิตก็เป็นได้

อัลบั้มภาพ ดูแล้วบอกต่อ CARS 3 – ภาคที่ดีที่สุดของ CARS ภาพที่ 5 / 5

ดูแล้วบอกต่อ CARS 3 – ภาคที่ดีที่สุดของ CARS

อัลบั้มภาพที่เกี่ยวข้อง

CARS 3 กับ 8 เรื่องน่ารู้ก่อนไปดูภาคต่อ (ที่คุณอาจจะลืมไปแล้ว)