Netflix คาด "Squid Game" ดันรายได้มากกว่า 30,000 ล้านบาท

Netflix คาด "Squid Game" ดันรายได้มากกว่า 30,000 ล้านบาท

Netflix คาด "Squid Game" ดันรายได้มากกว่า 30,000 ล้านบาท
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เว็บไซต์ Bloomberg รายงานว่า Netflix ได้มีการประเมินถึงซีรีย์ยอดฮิตอย่าง "Squid Game" ว่าจะทำรายได้มากถึง 900 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 30,000 ล้านบาท ถือเป็นรายได้มหาศาลที่ซีรีย์เรื่องนี้สร้างได้จากในยุคสตรีมมิ่ง

Netflix ต่างจากสตูดิโอภาพยนตร์ และโทรทัศน์ ตรงที่การสร้างยอดขายไม่ได้มาจากแค่หนังเพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่มาจากการเก็บข้อมูลต่างๆ ที่ลูกค้ารับชม นำมาผลิตเป็นคอนเทนต์เพื่อดึงดูด และเจาะถึงความต้องการของผู้ชมมากที่สุด

สำหรับ Squid Game มีจุดเด่นในเรื่องของความนิยม การผลิตที่ใช้ต้นทุนต่ำ แต่สามารถสร้างรายได้มากถึง 831.1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 27.7 ล้านบาท ซึ่งซีรีย์เรื่องนี้ใช้งบประมาณในการสร้างเพียง 21.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ตกตอนละราว 2.4 ล้านเหรียญ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเป็นแค่ซีซั่นแรกเท่านั้น

จากตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าซีรีส์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จบน Netflix ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งอย่างมาก และยังแสดงให้เห็นว่า ผู้เล่นในตลาดสตรีมมิ่งจะต้องพิชิตเป้าหมายดังกล่าวให้ได้ นอกจากนี้ Netflix ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับอันดับคอนเทนต์แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดให้กับสื่อ นักลงทุน หรือแม้ผู้สร้างภาพยนต์ต่างๆ อีกทั้งยังมีการคาดการณ์ว่า Squid Game จะกลายเป็นความนิยมของที่จะนำไปเล่นในเกมในวงการฮอลีวูดด้วย

ทนายของ Netflix ซึ่งเป็นตัวแทนของ Netflix กล่าวในจดหมายที่ส่งถึง Bloomberg ว่า Bloomberg ไม่สมควรที่จะเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับในเอกสารที่ Bloomberg ได้ตรวจสอบ และ Netflix ไม่จำเป็นที่จะต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัดเหล่านี้ออกมา และจะดำเนินการตรามขั้นตอนที่สำคัญเพื่อป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่ามีผู้ชมซีรีย์ "Squid Game" ประมาณ 132 ล้านคน อย่างน้อย 2 นาทีใน 23 วันแรกที่ออกฉาย ทำลายสถิติซีรีย์เรื่อง Bridgeton ที่ Netflix เคยบันทึกจำนวนผู้ชม 111 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เพิ่งเริ่มดูเมื่อต้นเดือนนี้

ในขณะที่ Netflix เปิดเผยตัวเลขคนที่เริ่มดูซีรีย์ แต่บริษัทยังไม่ได้เปิดเผยว่ามีกี่คนที่ดูซีรีย์ต่อเนื่อง หรือมีกี่คนที่ดูซีรีย์จนจบ ทางด้านรายการโทรทัศน์ได้รายงานตัวเลขโดยเฉลี่ยของคนที่ดูรายการในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งตัวเลขดังกล่าวทำให้ตัวเลขการเข้าชมช่วง 2 นาทีของ Netflix ดูสูงเกินจริงเมื่อเทียบกัน

ในกรณีของ Squid Game นั้น Netflix ประเมินว่ากว่า 89% ของคนที่เริ่มดูซีรีย์อย่างน้อย 75 นาที (มากกว่า 1 ตอน) และ 66% ของผู้ชมหรือ 87 ล้านคนดูซีรีย์จบใน 23 วันแรกที่ออกฉาย เท่ากับว่าผู้คนใช้เวลามากกว่า 1.4 พันล้านชั่วโมงในการดูซีรีย์ ที่ผลิตโดย Siren Pictures

จากข้อมูลที่ Netflix เปิดเผยนั้น จะกระตุ้นให้นักลงทุนหันมาให้ความสนใจ Netflix เพิ่มมากขึ้น หลังจาก Netflix ผ่านอุปสรรคต่างๆ มาได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะ Squid Game ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทฯ ได้รายงานว่าอัตราการสมัครสมาชิกใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกช้าสุดตั้งแต่ปี 2013 รวมถึงการผลิตคอนเทนต์ที่ล่าช้าเนื่องจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ราคาหุ้นของ Netflix ลดลงตลอดทั้งปีตามสภาพตลาด

แต่นับตั้งแต่เปิดตัว Squid Game เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 64 หุ้นของบริษัทฯ ก็พุ่งขึ้น 7% ทำให้บริษัทมีมูลค่า 278.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 9.3 ล้านล้านบาท) แม้แต่นักลงทุนก็ประเมินว่าซีรีย์จะช่วยหนุนผลประกอบการไตรมาสที่ 3 และไตรมาส 4 ไว้ได้

Michael Pachter นักวิเคราะห์จาก Wedbush securities ระบุเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 64 ว่า Netflix ได้ค้นพบกลยุทธ์ที่ดี และสร้างกำไรได้ด้วยการสร้างเนื้อหาให้เป็นสากล โดย Squid Game เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์ นอกจากนี้ Netflix เตรียมเปิดตัวซีรีย์เรื่อง Seinfeld ในไตรมาสทมี่ 4 โดยคาดว่าจะหนุนการเติบโตได้

นอกจากนี้ ตัวชี้วัดบางอย่างที่ Bloomberg มองคือ คะแนนส่วนแบ่งการรับชมที่ปรับแล้ว (AVS) โดย Squid Game ได้คะแนน 353 คะแนน (คะแนน AVS ที่ได้สูงกว่า 9 หรือ 10 ถือว่าสูง) คะแนนดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าไม่ใช่เฉพาะจำนวนคนดูเท่านั้น แต่ยังพิจารณาผู้ชมด้วยว่ามีค่าเพียงใดอีกด้วย โดยผู้ชมที่เป็นสมาชิกใหม่ หรือไม่ได้ใช้ Netflix บ่อย บริษัทฯ จะให้ความสำคัญ มากกว่าผู้ที่ใช้ Netflix บ่อย เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าซีรีย์เหล่านั้นคือ เหตุผลหนึ่งที่ลูกค้ายังไม่ยกเลิกการใช้บริการ

สิ่งที่ทำให้ Squid Game มีมูลค่ามากยิ่งขึ้น คือ ความนิยมของซีรีย์เมื่อเทียบกับต้นทุนที่ต่ำ ซีรีย์เรื่องนี้ถือว่าใช้ทุนสร้างต่ำกว่า Dave Chappelle ตอนพิเศษ หรือ The Crown เพียงแค่ 2-3 ตอน Netflix ใช้สิ่งนี้วัดค่าประสิทธิผลในการวัด ที่วัดจากยอดวิว หรือ (AVS) เมื่อเทียบกับทุนสร้าง ซีรีส์เรื่องนี้มีคะแนนประสิทธิผลอยู่ที่ 41.7 เท่า เช่นเรื่อง “Sticks & Stones” ของ Chappelle อยู่ที่เพียง 0.8X

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook