แพทย์เตือนปัญหาสุขภาพชายไทย อย่านิ่งนอนใจ พบแพทย์ทันทีหากมีอาการเริ่มต้น

แพทย์เตือนปัญหาสุขภาพชายไทย อย่านิ่งนอนใจ พบแพทย์ทันทีหากมีอาการเริ่มต้น

แพทย์เตือนปัญหาสุขภาพชายไทย อย่านิ่งนอนใจ พบแพทย์ทันทีหากมีอาการเริ่มต้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เร็วๆนี้ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในผู้นำนวัตกรรมยาคุณภาพของไทยและของโลก ได้จัดกิจกรรมเสวนา “ใส่รหัส ใส่ใจ อย่าใช้ยาปลอม” เพื่อเปิดตัวเทคโนโลยีตรวจสอบยาปลอม โดยตรวจสอบได้ทันทีผ่านเอสเอ็มเอสและอินเตอร์เน็ต เพื่อป้องกันปัญหาการระบาดของยาปลอมและคุ้มครองผู้บริโภคในไทยแล้ว ในงานนี้ได้รับเกียรติจากนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินปัสสาวะและสุขภาพเพศชายที่มาให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับสุขภาพเพศชาย ปัญหาและอันตรายจากยาปลอมระบาดในปัจจุบัน นำโดย ศ.นพ. สมบุญ เหลืองวัฒนากิจ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลกรุงเทพ, ศ.นพ. อภิชาติ กงกะนันทน์ ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพชาย Men Center โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล และนายแพทย์นิรุตติ์ ประดับญาติ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด

ศ.นพ. สมบุญ เหลืองวัฒนากิจ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า “ปัญหาสุขภาพของท่านชายปัจจุบันจะมีอยู่สามเรื่องหลักๆ นั่นคือ ปัญหาการปัสสาวะ ปัญหาทางเดินปัสสาวะติดเชื้อ และปัญหาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุเพิ่มขึ้นจะประสบปัญหาในการปัสสาวะมากขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาที่พบได้บ่อยคือ ปัสสาวะยาก อาทิ มีสิ่งกีดขวางทางเดินปัสสาวะ ปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะเล็ด การเร่งปัสสาวะ หรือมีอาการเจ็บเวลาปัสสาวะ อาการเหล่านี้อาจเป็นผลมาจากภาวะต่อมลูกหมากโต หรือปัญหาด้านสุขภาพอื่นๆ แต่หากมีการตรวจพบและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ผู้ป่วยก็มีโอกาสที่จะใช้ชีวิตได้ตามปกติมากยิ่งขึ้น และด้วยเหตุนี้ จึงแนะนำให้ผู้มีอาการเหล่านี้เข้าพบแพทย์และรับคำปรึกษาตลอดจนการรักษาที่ถูกต้องทันทีที่มีอาการเกิดขึ้น”

ศ.นพ. สมบุญ เหลืองวัฒนากิจ กล่าวเสริม “ปัจจุบัน ชายไทย ประสบปัญหาสุขภาพเพศชายเรื่องสมรรถภาพทางเพศบกพร่องสูงขึ้น หรือที่รู้จักกันคืออาการอีดี (อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ) โดยหลักๆ อาการอีดี คือผู้ชายจะไม่สามารถทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้ หรือ ถึงแม้จะแข็งตัวได้ แต่ก็ได้ไม่นาน ซึ่งอาการเหล่านี้จะส่งผลต่อสภาพจิตใจ ทำให้ผู้ชายขาดความมั่นใจ ร้อยละ 50 ของคู่ที่มีการฟ้องหย่า ครึ่งหนึ่งจะมาจากปัญหาทางเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นอวัยวะเพศไม่แข็งตัวหรือไม่หลั่งก็ตาม เราเคยทำการสำรวจเมื่อปี 1999 พบว่าผู้ชายไทยอายุระหว่าง 40-70 ปี จะมีปัญหาด้านนี้ร้อยละ 37.5 หลังจากนั้น 5 ปี ต่อมาพบว่ามีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 42 และเชื่อว่าปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีก แต่ยังไม่มีการสำรวจอย่างเป็นทางการ”

ศ.นพ. สมบุญ เหลืองวัฒนากิจ ยังได้ให้ความรู้เกี่ยวกับอาการอีดีที่มี 4 ระดับ คือ
ขั้น 1 เต้าหู้ .. อวัยวะเพศตื่นตัว แต่ไม่แข็ง (อีดี ระดับรุนแรง)
ขั้น 2 กล้วยปอกเปลือก .. อวัยวะเพศแข็งตัวแต่ไม่เพียงพอที่จะสอดใส่เพื่อมีเพศสัมพันธ์ (อีดี ระดับกลาง)
ขั้น 3 กล้วยไม่ปอกเปลือก .. อวัยวะเพศแข็งตัวไม่เต็มที่ แต่เพียงพอที่จะสอดใส่ได้ (อีดี ระดับต้น)
ขั้น 4 แตงร้าน .. อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ ทำให้สามารถร่วมรักได้อย่างมีความสุขทั้งสองฝ่าย และเป็นเป้าหมายของการรักษาอาการอีดี (ปลอดจากอาการ อีดี)

ศ.นพ. สมบุญ เหลืองวัฒนากิจ กล่าวเสริมว่า “อาการขั้นที่ 3 ถือว่าเริ่มมีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ชายสูญเสียความมั่นใจ และอาจทำให้ชีวิตคู่ประสบปัญหา สำหรับการรักษาจะต้องร่วมมือกันทั้งผู้ชายและผู้หญิงเพื่อเข้าใจสาเหตุและวิธีการรักษา และเมื่อพบอาการอีดีเบื้องต้น .. ต้องเปิดใจและจูงมือภรรยาหรือคู่รักกันไปพบแพทย์ ไม่ควรซื้อยามากินเอง เพราะอาจเสี่ยงกับอันตรายจากยาปลอม ยาไม่ได้มาตรฐาน หรือ ยาอาจมีการปนเปื้อนสารเคมีอื่นๆ”

ศ.นพ. สมบุญ เหลืองวัฒนากิจ กล่าวถึงการรักษาอาการอีดีว่า “ในปัจจุบันมีทั้งยารับประทาน ยาสอดทางท่อปัสสาวะ การฉีดยาที่องคชาติ ใส่แกน ปั๊มสูญญากาศ นอกจากนี้ บางครั้งเรื่องของร่างกายไม่ได้มีความผิดปกติอะไร แต่เป็นเพราะขาดความมั่นใจ อาจจะเป็นผลมาจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกที่อาจจะล้มเหลวมาก่อน วิธีสังเกตว่าเราเป็นอาการอีดีหรือไม่ก่อนไปปรึกษาแพทย์ โดย 1. ให้สังเกตเวลานอน โดยปกติ ผู้ชายจะมีการแข็งตัว 3-5 ครั้งต่อคืน ครั้งละ 15-20 นาที ให้ลองใช้แสตมป์พันรอบปลายองคชาติ ถ้าตื่นมาขาดก็ถือว่าเกิดการแข็งตัว 2. การแข็งตัวจาก Reflect คือการแข็งตัวจากการสัมผัสจากผู้อื่น ถ้าไม่เกิดการแข็งตัวถือว่าผิดปกติ 3. การแข็งตัวจากความต้องการทางจิตใจ เช่น ถ้าเห็นภาพหรือเจอสิ่งถูกใจก็สามารถแข็งตัวได้”

ด้าน ศ.นพ.อภิชาติ กงกะนันทน์ ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพชาย Men Center โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวถึงสถานการณ์ผู้ป่วยอาการอีดี ในปัจจุบัน ว่า “ผลสำรวจพบว่าชายไทยอายุ 40-70 ปี ร้อยละ 42 จะเริ่มมีอาการอีดี โดยพื้นฐานผู้ที่เป็นอีดีจะมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับหลอดเลือด เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันในเลือดสูง จึงต้องกินยาเพื่อขยายหลอดเลือด เพื่อให้องคชาติแข็งตัวได้ และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตก็มีผลต่ออาการอีดี เพราะการออกกำลังกายจะช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ช่วยเรื่องของสภาพจิตใจและทางกายภาพ แต่เมื่ออายุมากขึ้น เลือดก็จะไปเลี้ยงน้อยอยู่ดี และสำหรับผู้ชายอ้วน ก็มักจะมีไขมันในเลือดสูง และระดับฮอร์โมนในเลือดต่ำ โดยระดับฮอร์โมนมีผลต่อการรักษา อาจทำให้กินยาแล้วไม่ได้ผล ดังนั้นการรักษาควรจะเริ่มจากการพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คระดับฮอร์โมน และตรวจว่ามีโรคจำพวกหลอดเลือด เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง หรือไม่เพื่อหาสาเหตุของอาการ”

ด้านนายแพทย์นิรุตติ์ ประดับญาติ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวถึงปัญหาเรื่องยาปลอม หรือยาที่ไม่ได้มาตรฐานว่า “ปัจจุบันปัญหายาปลอมระบาดเกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะประเทศไทย ด้วยความต้องการของผู้บริโภคที่เสาะแสวงหายาด้วยตัวเองผ่านช่องทางต่างๆ ที่ค่อนข้างแพร่หลาย ปัญหายาปลอมเกิดขึ้นในต่างประเทศก่อนประเทศไทย เลยเป็นช่องทางให้มีคนนำเอายาที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ได้รับการรับรอง ออกมาจำหน่ายตามช่องทางต่างๆโดยเฉพาะทางอินเตอร์เน็ต โดยมีรายงานข้อมูลการศึกษาในประเทศจีนพบว่ายอดจำหน่ายยาปลอมมีมูลค่าถึง 75 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น 15% ของยาที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย1
ส่วนในประเทศไทยไทยจะเป็นธุรกิจใต้ดิน ยังไม่มีการสำรวจชัดเจน”

นายแพทย์นิรุตติ์ ประดับญาติ กล่าวต่อไปอีกว่า “ยาปลอม คือ ยาที่ไม่ผ่านกระบวนการรับรองทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นด้านประสิทธิผลและความปลอดภัย ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำลายความเชื่อมั่นของระบบสุขภาพในประเทศไทย และยังผลให้การรักษาด้อยประสิทธิภาพ เกิดการดื้อยาจนกลายเป็นโรคที่รักษาได้ยากลำบากมากขึ้น หรือในบางกรณีที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต จึงเป็นเหตุให้ ไฟเซอร์ ได้มีนวัตกรรมการทดสอบผลิตภัณฑ์ขึ้น เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถตรวจสอบได้ด้วยตนเองและมีความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับ โดยระบบนี้เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ มี 4 คุณลักษณะ คือ

1. Unique คือระบบจะมีการตั้งหมายเลขประจำตัว (serial number) ที่เป็นรหัสเฉพาะของผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้น โดยจะไม่มีวันซ้ำกันเด็ดขาด
2. Reliable คือ สามารถเชื่อถือได้ ระบบจะป้อนรหัสเฉพาะดังกล่าวไว้ในฉลากที่ทำจากวัสดุที่มีความทนทานต่อการฉีกขาดหรือถูกทำลาย และติดอยู่บนบรรจุภัณฑ์ แถบชั้นบนของฉลากที่ลอกออกแล้วจะไม่สามารถติดกลับเข้าไปบนกล่องสินค้าได้อีก
3. Immediate Verification คือ ซีเรียลนัมเบอร์ ที่สามารถนำไปเช็คได้ว่าเป็นยาที่ผลิตจากไฟเซอร์จริงหรือไม่ และเป็นระบบเรียลไทม์ ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์ โดยการแจ้งรหัสบนกล่องผลิตภัณฑ์ผ่านการส่งข้อความสั้น (SMS) หรือ ผ่านเว็บไซต์ http://menshealth.pfizer.co.th โดยผู้บริโภคไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆเพิ่มเติม โดยได้รับผลการตรวจสอบในทันทีว่ารหัสของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวถูกต้องตรงกับข้อมูลของบริษัทฯ หรือไม่ โดยระบบจะทำการยืนยันเพียงหนึ่งครั้งต่อหนึ่งหมายเลขรหัสเท่านั้น
4. Security คือใช้ระบบรักษาความปลอดภัยสูงสุด ตามมาตรการฐานการจัดการข้อมูลที่กำหนดในสหรัฐอเมริกาและยุโรป โดยไม่มีการเก็บข้อมูลผู้บริโภคที่ระบุผู้ใช้ และไม่มีการเปิดเผยข้อมูลให้แก่บุคคลอื่น”

ศ.นพ.อภิชาติ กงกะนันทน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “อย่าคิดว่าอาการอีดีจะเป็นเฉพาะชายสูงอายุ ปัจจุบัน ผู้ชายที่มารักษาเริ่มมีอายุน้อยลง หากมีอาการอีดี แม้จะไม่มากก็ตาม ก็ควรเข้ามาปรึกษาแพทย์ก่อน”

ศ.นพ. สมบุญ เหลืองวัฒนากิจ กล่าวทิ้งท้ายว่า “อาการอีดีไม่ใช่โรค หากคุณมีปัญหาควรไปพบแพทย์ก่อน เพราะอาจมาจากความผิดปกติทางร่างกายบางส่วน โดยเฉพาะปัญหาทางเส้นเลือด เช่น เบาหวาน ระดับฮอร์โมนผิดปกติ ความดันโลหิตสูง ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้มักพบว่ามีอาการอีดี กันเป็นส่วนใหญ่”

นายแพทย์นิรุตติ์ ประดับญาติ กล่าวสรุปว่า “ปัญหายาปลอมมีมาก ไม่เพียงแต่จะทำให้การรักษาด้อยประสิทธิภาพ หรือ ดื้อยา บางกรณียาปลอมยังอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ ผู้บริโภคควรตรวจสอบยาว่าจริงหรือปลอมก่อนใช้ยาทุกครั้ง โดยเฉพาะยาที่มีความเสี่ยงจากปัญหายาปลอม”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook